...+

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

“สนธิ”เช็กบิล “มาร์ค”โกหกสะบั้นตั้งแต่เป็นนายกฯ วันแรก

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 25 ก.พ. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นคนชอบโกหกนั้น ไม่ใช่แค่โกหกเรื่องการเสียดินแดนแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังโกหกเรื่องอื่นๆ ด้วย และโกหกตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ โดยนายสนธิได้นำเอาแถลงการณ์ของนายอภิสิทธิ์ ที่ประกาศต่อประชาชนเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2551 หลังจากรับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี มาวิเคราะห์แต่ละข้อ ซึ่งปรากฏว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์เคยแถลงไว้นั้น ไม่สามารถทำได้แม้แต่ข้อเดียว และยังมีพฤติกรรมโกหกประชาชนต่อไปเรื่อยๆ อีก

รายละเอียดคำปราศรัยของนายสนธิ

“พี่น้องครับ วันนี้ผมไปตลาดมา บอกแล้วว่าวันนี้จะเช็กบิลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใจเย็นๆ พี่น้อง วันนี้พันธ์ คีมูน ขอลางาน เหมือนกับรู้ว่าผมเตรียมตัวมาดี พันธ์ คีมูน เลยบอกว่าพี่ ผมไปงานเลี้ยงรุ่นหน่อย พี่โซ้ยไปเลยนะ พี่

ผมอยากจะพูดวันนี้ เหมือนกับแถลงการณ์ฟ้องพี่น้องประชาชน นี่คือสภาประชาชน ผมกำลังจะพูดกับประชาชน ทุกคนในที่นี้เป็นประธานสภากันหมด ผมหวังว่า ดอกเตอร์โอเค โคคาโคล่า กำลังดูรายการนี้อยู่ หรือว่าเจ๊มิ่งขวัญก็ดูอยู่ เพราะสิ่งที่ผมกำลังจะพูดวันนี้ ผมกำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมหลักฐานทุกประการให้พ่อแม่พี่น้องได้เห็น ที่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ก็เพราะว่าเรายำนายอภิสิทธิ์ มาในเรื่องของเขาพระวิหาร การเสียดินแดน จนกระทั่งแทบจะไม่ต้องพูดอีกต่อไปพี่น้องก็เข้าใจทุกประการ แต่เวลาเราบอกว่า นายกฯ อภิสิทธิ์โกหกประชาชน ตอแหลกับแผ่นดินไทย ส่วนใหญ่แล้วเราไปคิดว่าเขาโกหกในเรื่องของดินแดน จริงๆ แล้วเขาโกหกตั้งแต่วันแรกเขาได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2551 วันนั้นเวลา 18.30 น. ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ได้แถลงให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ผมจะฟ้องประชาชน อ่านคำแถลงการณ์เขา แล้วผมจะหยุดเป็นตอนๆ เพื่อมาชี้แจงว่าเขาตอแหลอะไรบ้างในแถลงการณ์ของเขา เขาพูดอย่างนี้ พี่น้อง

"พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน ผมรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมสำนึกเสมอครับว่า ผมเกิดมาเป็นข้าของแผ่นดิน ต้องสนองคุณแผ่นดิน และผมสำนึกมาตลอดว่าแผ่นดินไทยของเรานั้นร่มเย็นเป็นสุขตลอดมาก็ด้วยพระ บารมี" (ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา จนกระทั่งผมเริ่มเป็นนายกรัฐมนตรี)

"วันนี้ผมยืนตรงนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมขอยืนยันว่ารัฐบาลที่ผมเป็นผู้นำนั้นจะปกป้องสถาบันกษัตริย์ และจะเทิดทูนสถาบันนี้ มิให้ผู้ใดทำให้สถาบันนี้ไม่อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองด้วยประการทั้ง ปวง"

โกหกข้อที่ 1 รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่สามารถเอาผิด หรือปราบปรามกระบวนการล้มเจ้าได้ ใช่/ไม่ใช่พี่น้อง ให้สัมภาษณ์เสียเท่ห์ ว่ามีขบวนการล้มเจ้า คนไหนบ้าง ออกประกาศตามสื่อมวลชนจำได้หรือเปล่าพี่น้อง แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มี วันนี้เงียบหายไปกับสายลม เขาใช้เงินภาษีอากรของราษฎรไปจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการกระทำที่เป็นอันตราย ต่อสถาบันใน 75 จังหวัด ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขบวนการนี้ก็ยังมีอยู่ การชุมนุมของเสื้อแดงก็ยังมีการจาบจ้วงตลอดเวลา เขานั่งเฉย วันที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถูกพวกเสื้อแดง ถูกจตุพร พรหมพันธุ์ ถูกหลายต่อหลายฝ่ายใช้วาจาหยาบคาย ก้าวร้าว รุกรานคนซึ่งเป็นรัฐบุรุษของประเทศ คนที่บ้าน พล.อ.เปรม ถามนายกฯ อภิสิทธิ์ว่า เรื่องนี้จะแก้ไขกันอย่างไร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขาถามในฐานะที่ พล.อ.เปรม ท่านเป็นประธานองคมนตรี เมื่อพวกนี้มาโจมตีประธานองคมนตรีก็เท่ากับตีชิ่งไปจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ นายอภิสิทธิ์ ตอบง่ายๆ บอก "ต้องไปดำเนินการทางกฎหมายฟ้องร้องเอาเองครับ" นี่คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

"ผมขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ ผมทราบดีครับว่าสถาบันบ้านเมืองในขณะนี้ไม่ปกติ เป็นสถานการณ์ที่วิกฤต และพี่น้องประชาชนคนไทยมีความทุกข์ แต่ผมถือว่าผมนักการเมืองในวิถีทางประชาธิปไตย ผมเป็นอาสาสมัคร และผมไม่มีสิทธิ์ที่จะหนีปัญหา หรือปฏิเสธความรับผิดชอบ"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคนใส่ตีนสุนัขวิ่งหนีปัญหาตลอด และก็ไม่เคยรับผิดชอบเลยแม้แต่เรื่องเดียว ทำเป็นอยู่อย่างเดียวคือตั้งกรรมการ เหมือนกรณีเสียดินแดนล่าสุด ก็บอกรอให้ประชุมก่อน แล้วดูผลของที่ประชุม เป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีความรับผิดชอบเลยในชีวิตแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว นายอภิสิทธิ์โกหกตอแหลอีกแล้ว ผมไม่มีสิทธิ์จะหนีปัญหา วันนี้ไม่ต้องพูดมากพี่น้องก็รู้ว่าคนๆ นี้กลัวคำว่าปัญหา มีตัณหาอย่างเดียวหรือ อันนั้นผมไม่ทราบพี่น้อง

"เมื่อเสียงข้างมากซึ่งเป็นเสียงข้างมากเดิมในสภาผู้แทนราษฎรมีปัญหา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่จึงได้ตัดสินใจสนับสนุนผมขึ้นมาตามวิถีทางของ ประชาธิปไตยและวิถีทางของกระบวนการของรัฐสภาเรา"

นายอภิสิทธิ์ ลืมเล่าความจริงไปว่า ที่เขายกมือให้นายอภิสิทธิ์ นั้น ก็เพราะว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลากคอพวกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปที่กองทหารราบ 11 แล้วก็บอกว่าให้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ เพราะว่าแอบตกลงกับเนวิน ชิดชอบ และสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้ว หากไม่ทำเช่นนั้นจะปฏิวัติ

นี่ไงเป็นคนซึ่งไม่เคยหนีปัญหา เป็นคนซึ่งไม่กล้า อยากจะเป็นนายกฯใจแทบขาด พร้อมที่จะทำทุกเรื่อง แล้วก็หันกลับมาใช้มือในสภาที่ตกลงตำแหน่งแห่งที่ว่าใครจะเป็นรัฐมนตรีอะไร ใครจะคุมอะไร ตกลงกันเรียบร้อยแล้วเพื่อยกมือให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี วิถีทางประชาธิปไตยแบบนี้ ถ้าจะมีแบบนี้อย่ามีดีกว่า ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง

"หน้าที่เบื้องต้นของผม คือการยุติการเมืองที่ล้มเหลว การเมืองที่ล้มเหลวคือต้นเหตุของความขัดแย้ง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งภาค แบ่งสี ที่เกิดขึ้นอยู่ในประเทศของเราในขณะนี้ ผมจะขจัดการเมืองที่ล้มเหลวออกไปและจะนำความสมัครสมานสามัคคีกลับคืนมา"

การเมืองที่ล้มเหลว นายอภิสิทธิ์ วันที่เข้ามาบอกว่าจะขจัดการเมืองที่ล้มเหลว มาวันนี้การเมืองที่ล้มเหลวของนายอภิสิทธิ์กลายเป็นการเมืองที่ยับเยินไปหมด แล้ว มันพังทลายจนกระทั่งไม่เหลือซาก

นายอภิสิทธิ์ยังไม่สามารถที่จะยืนอยู่บนความถูกต้องได้ ยังไม่สามารถจะแบ่งได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เมื่อเข้ามาแล้วสิ่งแรกที่นายอภิสิทธิ์ใช้ ก็คือใช้การเมืองมาจัดการกับการแก้ปัญหา ไม่ได้ใช้ความถูกต้องเข้ามาแก้ปัญหา เข้ามาแล้วก็บอกว่า เหลืองและแดงเป็นตัวป่วนเมือง เพราะฉะนั้นเขาต้องเข้ามาจัดการ วันนั้น เหลืองยังสมานฉันท์สามัคคีกันอยู่ ต่อมาภายหลังเหลืองถึงต้องแยกออก เหตุผลเพราะว่าเหลืองยืนอยู่บนความถูกต้อง ทำให้เหลืองอีกฝ่ายซึ่งหลงรักนายอภิสิทธิ์ต้องแยกตัวออกไปแล้วกลายเป็นสีขาว กลายเป็นหลากสี และนายอภิสิทธิ์ก็ให้นายเนวิน ชิดชอบ สร้างสีน้ำเงินขึ้นมา นี่หรือคือการสมานฉันท์ของนายอภิสิทธิ์ แทนที่ตัวเองจะแก้ปัญหาความไม่ถูกต้องด้วยความถูกต้อง ตามที่ตัวเองยืนยันว่าจะใช้หลักนิติรัฐ เมื่อฝ่ายเสื้อแดงประท้วง ชุมนุม แทนที่จะเอาความถูกต้องเป็นตัววัด กลับปล่อยให้เรื่องลุกลามไปตลอด

เมื่อเรื่องลุกลามไปตลอดแล้วมีผู้คนเสียชีวิต กฎหมายเข้ามาจัดการเพราะว่าจำเป็นต้องปราบปราม เมื่อจับพวกเสื้อแดงขังคุก คำถามมีอยู่อย่างนี้พี่น้อง เราต้องวางใจเป็นกลาง วันนี้เราก็ไม่ต้องการที่จะยืนข้างเสื้อแดง แต่เราต้องให้ความเป็นธรรมเขาเหมือนกัน คุณจับเขาไปขังคุก 7 เดือน โดยคุณไม่ดำเนินคดีอะไรเฉยๆ อันนี้ถือว่าเกินไป อันนี้พูดกันอย่างเป็นกลาง คดีไม่เดินหน้าเลย ถ้าคุณจับเขาวันแรก ถ้าคุณจับเขาเพราะคุณมั่นใจ คุณมีหลักฐาน คุณต้องดำเนินการแล้วส่งฟ้องได้แล้ว ใช่/ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นแล้ว นายอภิสิทธิ์ คือคนที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่รับผิดชอบ นี่คือความไม่รับผิดชอบและนี่คือการหนีปัญหา

ที่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้เพราะว่าวันข้างหน้าถ้าพวกผมโดนจับแล้วโดนกลั่น แกล้งแบบนี้ มันก็ไม่เป็นธรรมเช่นกัน พวกเรายึดถือความถูกต้องเป็นหลัก เพราะฉะนั้นแล้วผิดก็ว่ากันไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก ถ้าคุณคิดว่าผิดคุณดำเนินคดีมา คุณอย่ามารีรอ โดยอาศัยความยุติธรรมเป็นกระบวนการนำหน้า คำว่า หลักนิติรัฐ และกระบวนการยุติธรรม พี่น้อง นายอภิสิทธิ์ชอบใช้ ใช้แต่คำพูดแต่การกระทำไม่เคยใช้

"รัฐบาลภายใต้การนำของผมจะยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค และจะเคารพในกระบวนการและเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จะใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค"

ฟังให้ดีๆ ความตอแหลของนายอภิสิทธิ์ โผล่มาวันที่ 17 ธ.ค.2551 แต่เขาตอแหลในยามที่หางยังไม่โผล่ วันนี้หางโผล่ออกมาแล้ว "รัฐบาลภายใต้การนำของผมจะยึดหลักนิติธรรมนิติรัฐ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค จะเคารพในกระบวนการและเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย" ไม่สามารถนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีได้ ใช่/ไม่ใช่ข้อที่หนึ่ง 2. แค่ถอดยศยังไม่ทำเลย พี่น้องเห็นหรือยัง นิติธรรมนิติรัฐ ไม่สามารถเอาผิดกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต ใช่/ไม่ใช่ ไม่สามารถเอาผิดกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ร่วมทำความผิดในกรณีสลายการชุมนุม วันที่ 7 ต.ค.2551 ทั้งๆ ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีอาญาและวินัยร้ายแรง ไม่สามารถเอาผิดกับคดีทุจริตจำนวนมากในรัฐบาลชุดทักษิณได้ ไม่สามารถดำเนินคดีกับแกนนำเสื้อแดงที่ก่อเหตุเผาบ้านเผาเมืองถึง 2 ครั้ง ไม่สามารถจับตัวคนลอบยิงผมอย่างที่คุยโม้เอาไว้ได้ ใช่/ไม่ใช่ พี่น้องฟังอีกที "รัฐบาลของผม ภายใต้การนำของผม" ถุย! "จะยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค และจะเคารพในกระบวนการและเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย"

เห็นหรือยังพี่น้อง นี่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของแถลงการณ์นะ "วันนี้ประเทศของเราต้องมีความสามัคคี (สามัคคีกันรับประทาน สามัคคีกันฉ้อราษฎร์บังหลวง) ผมขอยืนยันว่าผมจะทำงานให้กับคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเลือกผม หรือไม่เลือกผม ไม่ว่าจะสนับสนุนผม หรือแม้แต่ต่อต้านผม ท่านจะเป็นใครก็ตาม หากท่านไม่คิดร้ายต่อบ้านเมือง ท่านไม่ใช่ศัตรูของผม และท่านเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมต้องรับใช้อย่างเต็มความสามารถ" ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าาา.. ไม่ยักรู้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เล่นตลกเป็นเหมือนกันพี่น้อง

"งานใดที่เป็นประโยชน์แม้จะเป็นของรัฐบาลก่อน ผมขอยืนยันผมจะไม่ทิ้ง จะสานต่อ จะปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการรักษาฟรี (ก็มึงได้คะแนนนี่) ไม่ว่าจะเป็นบรรดากองทุนทั้งหลายที่ลงไปอยู่ในชุมชนต่างๆ (ใช่สิ จะได้ใช้เงินภาษีอากรซื้อเสียงต่อไปทั้งๆที่เคยด่าเขามาแล้ว

"และผมทราบดีครับ ว่าปัญหาเร่งด่วนที่สุดในใจพี่น้องประชาชนคือปัญหาเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจจึงเป็นงานสำคัญอันดับแรกสำหรับรัฐบาลที่ดำเนินการต่อไป" พี่น้องฟังตรงนี้ให้ดีๆ

"ผมจำเป็นมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ครับ ที่จะดูแลพี่น้องเกษตรกรของเรา ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาพืชผลที่ตกต่ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง ยาง ปาล์ม ผมจะดูแลให้พี่น้องประชาชนที่อยู่นอกภาคเกษตรมีงานทำมีรายได้ มีโอกาส และผมจะทำทุกวิถีทางที่จะลดภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน" อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ

ทั้งหมดนี้ซื้อที่ตลอดเทเวศร์วันนี้ เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ผักต่างๆ ที่ซื้อ มีแตงกวา ผักบุ้ง กระเทียม ผักกระเฉด ไข่เป็ด หัวหอม ถั่วฝักยาว ไข่ไก่ ต้นหอม ผักกาดเขียว ผักชี มะนาว สะระแหน่ พริกขี้หนู มะเขือเทศ และมีหมูครึ่งกิโลฯ ไก่อีกประมาณ 3 ขีด ปลาทูตัวเล็กๆ 4 ตัว คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 700 บาท ตะกร้านี้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรณ์ จาติกวนิช นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 700 บาท

เมื่อกี้ผมถามคนที่อยู่ข้างล่าง บอกว่าสำหรับครอบครัว 5 คน มือหนึ่งพอดีๆ เอาให้เต็มที่ 2 มื้อ ผมถามว่าครอบครัวหนึ่งที่ทำมาหากินกัน ค่าอาหาร 700 บาท เดือนละ 21,000 นี่หรือลดภาระค่าครองชีพ แล้วไอ้ที่มันต้องทำแรงงานวันละ 280 บาท มันจะหาอะไรกิน

พี่น้องครับผมต้องฟ้องที่น้องประชาชนผ่านสถานีดทรทัศน์ ASTV และผมจะฟ้องไปจนถึงคนที่รักพรรคประชาธิปัตย์ ลึกๆแล้วคุณก็เจ็บใช่/ไม่ใช่ เวลาคุณไปซื้อผัก ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ สินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนขึ้นราคามาตลอด อภิสิทธิ์ ไม่เคยสนใจจะแก้ปัญหาอะไรอย่างจริงจัง นอกจากตั้งกรรมการอยู่ทุกวัน คนไม่หนีปัญหาไง คนไม่หนีความรับผิดชอบ พี่น้องครับราคาผักสด คุณอภิสิทธิ์ คนอย่างผม หรือคนอย่างพันธ์ คีมูน หรือคนอย่างปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เทพมนตรี ลิมปพยอม ไม่ใช่พูดด้วยปาก หลักฐานอยู่ที่นี่ ผักสดพี่น้องก็รู้ ธรรมดาแล้วในช่วงปลายปีหรือต้นปี มกราคม-กุมภาพันธ์ ต้องถือว่าเป็นฤดูที่เราปลูกผัก ผลไม้ ได้ผลิตผลดีที่สุดส่วนใหญ่ ราคาผักส่วนใหญ่ที่เราบริโภค มกราคม-กุมภาพันธ์ จะมีราคาที่ต่ำลง ผักสดในช่วงนี้ผู้บริโภคจะซื้อได้ในราคาที่ไม่แพง แต่กลับกันในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เฉพาะมกราคม-กุมภาพันธ์ ผักสดที่เราสามารถปลูกเองในประเทศกลับมีราคาสูงลิบลิ่วอย่างไม่เคยมีประวัติ ศาสตร์ ยกตัวอย่าง อภิสิทธิ์ คะน้า มกราคม-กุมภาพันธ์ กิโลละ 28 บาท ในช่วงปี 53 เฉลี่ยทั้งปี เฉลี่ยเลยนะ 24 บาท ปี 52 เฉลี่ย 20 บาท คะน้าขึ้นมาได้ยังไงกิโลละเกือบ 8 บาท ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งราคามันต้องลดลง

ผักบุ้งจีน ปีที่แล้วเฉลี่ย 19 บาท ปีนี้กิโลละ 35 บาท คุณอภิสิทธิ์ มะระจีน ปีที่แล้วเฉลี่ย 28 บาท ปีนี้ 39 บาท ถั่วฝักยาว คุณอภิสิทธิ์ ถั่วฝักยาว ไม่ใช่ถั่วดำ ช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2 เดือนนี้ ปีที่แล้วเฉลี่ยทั้งปี 32 บาท ปีนี้ 48 บาท แตงกวาที่ซื้อมานี่ ถามแม่ค้า แม่ค้าขายไปด่าไป ไม่ได้ด่าคนซื้อนะ ด่าว่ามันแพง ปีที่แล้วแตงกวากิโลละ 19 บาท ปีนี้ 28 บาท มกราคม-กุมภาพันธ์นี่เอง เมื่อเช้านี้เอง

ผักชี เฉลี่ยทั้งปี 84 บาท ยังดีปีนี้กิโลละ 70 ต้นหอม 64 ปีนี้ 80 พริกชี้ฟ้าสด ปีที่แล้ว 45 บาท ปีนี้ 50 พริกขี้หนูเฉลี่ยทั้งปี 39 บาท ตอนนี้กิโลละ 50 บาท พริกขี้หนูสดบ้าน จากกิโลละ 100 เป็น 250 บาท

พี่น้องครับ ราคาที่เล่าให้ฟังนี่แค่ 2 เดือนแรกนะ พี่น้องรู้ว่าราคาผักจะแพงตอนหน้าแล้ง ตอนนี้หน้าไม่แล้ง มกราคม-กุมภาพันธ์ ทำไมถึงสูงขนาดนี้ เอาง่ายๆ ทุกอย่างขึ้นมาหมด กระเทียม พี่น้องรู้ใช่ไหมกระเทียมวันนี้แพงโคตร โคตรแพง กระเทียม มกราคม-กุมภาพันธ์ กิโลละ 180 บาท กระเทียมกลีบใหญ่แกะกลีบ 180 กระเทียมกลีบเล็กแกะกลีบ 125 บาท กระเทียมเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบจาก FTA จีน ทำให้กระเทียมมีราคาตกต่ำเป็นประวัติการณ์ กระเทียมในอดีตกิโลฯ ละ 40 บาทเอง เพราะเรามีกระเทียมถูกจากจีนเข้ามา ตอนนั้นชาวไร่หอม กระเทียม เจ๊งกันเป็นแถว เพราะเอฟทีเอ เรานำเข้าจากจีนแล้วจู่ๆ กระเทียมจีนทำไมมันขึ้นมาเป็นกิโลฯ ละ 125-180 พี่น้องรู้หรือเปล่า เพราะว่าคนจีนเขาไปค้นพบว่า การกินกระเทียมสดนั้น มันจะช่วยเรื่องแก้หวัดนก มันก็เลยทำให้คนจีนกินกระเทียมสดมากขึ้น และในขณะเดียวกันเขาก็เร่งปลูกกระเทียมเพื่อขายให้คนจีนมากขึ้น เลยทำให้กระเทียมที่สั่งมาจากเอฟทีเอนั้นแพงผิดปกติ พริกขี้หนูแห้งใครเคยซื้อบ้าง กิโลฯ ละ 180 บาท พริกไทยขาว มกราฯ กุมภาฯ นี่ตลาดเทเวศร์นะ กิโลฯละ 280 บาท เดี๋ยวฟังอันสุดท้าย ฟังแล้วจะอ๊วก มะขามเปียก เดี๋ยวนี้กิโลฯละ 120 บาท เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเห็นราคามะขามเปียกแบบนี้พี่น้อง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

เนื้อหมูขึ้นจากกิโลฯละ 100 จาก 2 - 3 เดือนที่แล้ว เป็น 120 แล้ว นี่มันขึ้น 20% ไม่ต้องพูดถึงน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม ใช่ไม่ใช่ ข้าวสารขึ้น น้ำตาลทรายขึ้น พี่น้อง ขอฟ้องประชาชน คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผมจะทำทุกวิถีทางที่ลดภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน คุณอภิสิทธิ์ ยุคคุณเนี้ย เป็นยุคที่ของแพงฉิบหายทุกอย่าง และของที่แพงไม่ใช่ของอะไร นั่นคือของกินของใช้ที่ชาวบ้านเขาต้องใช้ทุกวัน ที่เขาต้องซื้อที่ตลาดมาทำกับข้าวให้ลูกกิน ลูกไปเรียนหนังสือตกเย็นกลับมาทำกับข้าวให้ลูกให้ผัวกิน แล้วเงินเดือนเขาไม่เคยได้ขึ้น น้ำมันก็แพงโคตรๆ อาหารก็แพงโคตรๆ พวกนักการเมืองพวกคุณอภิสิทธิ์ก็โกงกันโคตรๆ คนที่ฉิบหายคือ นั่งดูทีวีที่บ้าน แล้วนั่งตาดำๆ แป๋วแหววอยู่ที่นี่ ดูหน้าแต่ละคน บางคนขาดสารอาหารแล้ว หน้าตาซีดเซียว แก่เกินไว บวกกับความแค้นเรื่องเสียดินแดน ทำให้กลายเป็นนังเฒ่าไปเลย พี่น้อง มันเป็นรายการตลกโปกฮาท่ามกลางความขมขื่น มันขมขื่นมากๆ

คนมาจากอเมริกา บอกว่า เกิดมาไม่เคยเจอการขายไข่เป็นกิโล ทันทีที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภา ผมจะนำเสนอแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของพี่น้องเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน ภาคเศรษฐกิจต่างๆ ตั้งแต่อุตสาหกรรม การบริการ การท่องเที่ยว หรืออสังหาริมทรัพย์ พี่น้องเมื่อกี้พูดถึงผัก ลืมเล่าให้พี่น้องฟัง เราลงไปคุยรายละเอียดถึงผู้ปลูกผักเลย ปรากฏว่า เขาเคยขายผักได้กำละ 2 บาท เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เมื่อราคาผักยังถูก มาวันนี้ ผักชีขึ้นเป็นกิโลละร้อยกว่า เขาก็ยังขายได้กำละ 2 บาทเหมือนเดิม เพราะอะไร เพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีแต่น้ำลายฟูมปากตอหลดตอแหล ไม่สนใจที่จะทำให้ราคาของพืชผลทางเกษตรสูง ไม่สมกับที่เขาพูด "ผมมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ครับ ที่จะให้ดูแลพี่น้องเกษตรกรของเรา ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาพืชผลที่ตกต่ำอยู่"

เห็นหรือยังพี่น้อง คนที่บริหารชาติบ้านเมืองเป็น ต้องสามารถนำพืชผลจากมือผู้ผลิต มาถึงมือผู้ใช้ โดยตัดขั้นตอนตรงกลางให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้ราคาถึงผู้ใช้ไม่แพง และราคาที่ผู้ผลิต ผลิต ได้มากกว่าเดิม มันก็กลายเป็นวิน-วินทั้งสองฝ่าย ผู้ใช้ไม่ได้ใช้ของแพง ผู้ผลิตได้ราคาผลผลิตที่สูงขึ้น แต่รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ คือรัฐบาลที่ส่งเสริมพ่อค้าคนกลางให้กระทืบผู้ผลิต แล้วให้เตะถีบผู้ใช้ ทำไมเขาถึงเป็นเช่นนี้ เพราะว่าพวกนักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ ทำตัวเป็นนักการเมืองคนกลาง (กลางกลวง)

"ผมยืนยันว่า เราจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วย ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาที่หมักหมม สะสม เป็นปัญหาที่ยังเรื้อรัง ค้างคา และเป็นปัญหากับการพัฒนาประเทศในอนาคต" ใช่ ไม่ควรจะให้เรื้อรัง ผมก็ยึด MOU 2543 ตั้งแต่ปี 2543 มาจนบัดนี้ 11 ปี ผมยังจะไม่ปล่อยให้มันเรื้อรัง มันไม่เรื้อรังหรอก มันเป็นสังคังในตัวคุณแล้ว มันเป็นโรคเกลื้อนขึ้นในตัวคุณแล้ว มันไม่เรื้อรังหรอก สังคังกินคุณทั้งตัว

"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมยืนยันว่างานด้านการศึกษายังเป็นงานลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของประเทศ และผมจะดำเนินการให้เรียนฟรีคุณภาพเกิดขึ้น"

พี่น้องครับ รัฐบาลชุดนี้จัดการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 แต่ไม่สำเร็จ พี่น้องยอมรับไหมว่าคุณภาพโรงเรียน ครู และนักเรียน ยังห่วยแตกเหมือนเดิม แล้วโครงการเรียนฟรีที่คุณโม้ ไม่ได้เรียนฟรีหรอก ต้องเสียค่าบำรุง ค่าอื่นๆ นักเรียนที่ต้องการเรียนในโรงเรียนมีคุณภาพต้องยอมจ่ายค่าแรกเข้าเป็นจำนวน มาก มันเป็นไปได้อย่างไรพี่น้อง เข้าระบบสาธิต เดี๋ยวนี้ 1 ล้านบาทแรกเข้า เด็กประถม 1 เด็กเล็ก มันมีแต่ลูกเศรษฐีจึงจะเข้าได้ ไหนคุณจะให้ความยุติธรรมกันถ้วนหน้าไง ความล้มเหลวในการปรับระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยระบบกลาง หรือระบบแอดมิชชั่น ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงใช่ไม่ใช่ ไม่มีคุณภาพ ทั้งตัวข้อสอบ และการตรวจให้คะแนน ใช่ไม่ใช่ คนมีลูกมีหลานต้องรู้ ความไม่พร้อม ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากการสอบโอเน็ต แก็ท ซึ่งนำความเดือดร้อนมามาตกที่นักเรียนที่ไม่สามารถนำผลคะแนนไปยื่นสมัครสอบ มหาวิทยาลัยได้ นี่คุณปฎิรูปการศึกษาสำเร็จหรือไง

เด็กนักเรียนตีกันไม่เว้นแต่ละวัน ใช่/ไม่ใช่ ชาวบ้านถูกลูกหลงตายหลายต่อหลายคน นี่ไงพี่น้อง "โดยเฉพะอย่างยิ่งผมยืนยันว่า งานด้านการศึกษายังเป็นงานที่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของประเทศ และผมจะดำเนินการให้มีการเรียนฟรีมีคุณภาพเกิดขึ้น" ตอแหลอีกแล้ว

"นอกจากนั้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง การคมนาคม การสื่อสาร อินเตอร์เน็ต รวมถึงการสนับสนุนพลังงานทดแทนเพื่อความยั่งยืนในการพัฒนาของประเทศเรานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ต้องการเริ่มต้นและผลักดันอย่างรวดเร็ว"

อีกหนึ่งตอแหล รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้แก้ปัญหาราคาน้ำมันและก๊าซแพงเลย เขาแก้ด้วยการเอาเงินกองทุนน้ำมันไปตรึงราคา แต่เขาไม่ได้แก้ระยะยาว ทำไมเขาไม่แก้ระยะยาว เพราะประชาชนต้องทนใช้น้ำมันและก๊าซราคาแพง ในขณะที่ ปตท.รวยแล้วรวยอีก พี่น้องที่เป็นพันธมิตรฯ และที่ไม่เป็นพันธมิตรฯ ถ้าดู ASTV จำได้ใช่ไหมที่เราบอกว่า แสนกว่าล้านที่ ปตท.กำไร ต้องแบ่ง 49% ให้พวกนักการเมืองสมัยทักษิณมาถือหุ้นตอนแปรรูป เสียไป 4-5 หมื่นล้าน แปรรูปให้มันเข้ากระเป๋ามันเอง ทำไม 4-5 หมื่นล้านกำไรไม่กลับมาเข้ากระเป๋า ปตท.เป็นของรัฐ 100% หรือเอา 4-5 หมื่นล้านมาลดราคาน้ำมันก็ย่อมได้ รัฐบาลชุดนี้ทำไหม ไม่ทำ แต่กลับปล่อยให้นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ผู้อยู่เบื้องหลังการบริหาร ปตท. สูบผลประโยชน์จาก ปตท. ไปเข้าพรรคนายสุวัจน์ ใช้งบประมาณ ปตท.ไปจัดกีฬาเทนนิสระดับโลก แล้วไปจัดที่โรงแรม 6 ดาวนายสุวัจน์ที่หัวหิน โดยใช้งบประมาณของ ปตท. เพื่อส่งเสริมกิจการส่วนตัวของเขา หรือว่ากลุ่มเพื่อนฝูงเขาไปตั้งบริษัทไบโอดีเซล ร่วมกับ ปตท. โดยเอาน้ำมันปาล์มไปผลิตเป็นไบโอดีเซล เพื่อขายน้ำมันปาล์มให้ แล้วไบโอดีเซล วันนี้ราคาถูกกว่าน้ำมันธรรมดา 1 บาท นี่คือส่วนหนึ่งที่ทำให้น้ำมันปาล์มขาดตลาด ถ้าจะผลิตไบโอดีเซลมันต้องถูกไม่ต่ำกว่า 4-5 บาทมันถึงจะคุ้ม การที่ถูก 1 บาท เท่ากับว่าล็อกสต๊อกน้ำมันปาล์ม ขณะเดียวกันมาเอากำไรจาก ปตท. จากพี่น้อง คือลดได้ 4-5 บาท มันไม่ลด เข้าใจหรือยังพี่น้อง มันลดให้แค่บาทเดียว แล้วส่วนต่างมันก็แบ่งกับ ปตท.และบริษัท ไบโอดีเซล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของพรรคพวกนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ

"นอกเหนือจากการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในประเทศแล้ว ในฐานะผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมกำลังจะดำรงตำแหน่งประธานของอาเซียนด้วย ผมตั้งใจจะให้เพื่อนสมาชิกในอาเซียนมีความมั่นใจในการนำของเรา" วิ่งใส่ตีนหมาหนีออกจากโรงแรมที่พัทยา จำได้หรือเปล่าพี่น้อง พี่น้องฟังคำพูดดีๆ นะ "ผมตั้งใจจะให้เพื่อนสมาชิกอาเซียนมีความมั่นใจในการนำของผม" มั่นใจมาก เกิดมาในชีวิต ประธานาธิบดีจีน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย บอกกูเกิดมา กูไม่ต้องใส่ตีนหมาวิ่งหนีใครเลย เพิ่งจะมาที่เมืองไทย สมัยอภิสิทธิ์มันเป็นนายกฯ และมันเป็นผู้นำอาเซียนนี่เอง พี่น้องเอ้ยย จะขากถุยก็เสียดายน้ำลายและเสลด

นายอภิสิทธิ์ล้มเหลวในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน จัดประชุมผู้นำอาเซียนต้องล้มเลิก และก็ไม่รู้นะ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก เขาต้องรู้นะ เกิดมาเป็นตัวตน โตจนหมาเลียตูดไม่ถึง ยังไม่เคยเจอ เพิ่งจะเคยเจอยุคนายอภิสิทธิ์เป็นผู้นำอาเซียนนี่ล่ะ ที่ผู้นำอาเซียนโดนเสื้อแดงขับไล่ วิ่งเป็นหมาถูกน้ำร้อนลวกเลย ผู้นำหลายประเทศหมดความเชื่อถือ แม้แต่จัดประชุมในประเทศไทยก็ยังปล่อย จำได้หรือเปล่า จัดประชุมในประเทศไทย ปล่อยไอ้ฮุน เซน มาแถลงข่าวด่าตัวคุณเองถึงในบ้านคุณ

นี่ไง นักเรียนประจำโรงเรียนอีตัน มันจะใจถึงเหมือนนักเรียนประจำอัสสัมฯ ศรีราชาได้ยังไง มึงมาด่ากู ในเวทีกูนี่ ต้องเจอตีนแน่ๆ ไม่มีกาลเทศะ ไอ้ฮุน เซน

ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างรัฐได้ ไม่สามารถยับยั้งการเข้าแทรกแซงปัญหาของประเทศไทยโดยองค์กรระหว่างประเทศได้ เช่น อาเซียน สหประชาชาติ เข้าแทรกแซงในเรื่องของพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร อันนี้ไม่ต้องอธิบาย พี่น้องเข้าใจดี พูดไปทำไม ทั้งหมดเกิดจากความริยำของนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง

"พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ ในฐานะนักการเมืองอาชีพ ผมถือว่าวันนี้ผมได้รับโอกาสสูงสุดจากพี่น้องประชาชน" พี่น้องประชาชนไม่ได้ให้โอกาสคุณหรอก ทหาร เขาไปจับไอ้พวกนักการเมืองสถุนมาแล้วทุบหัวมันเพื่อให้โอกาสคุณ "ผมอยู่การเมืองมา 16 ปี" ใช่สิ คุณตั้งแต่กลับมาคุณก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ธรรมศาสตร์ เป็นอาจารย์สอนนักเรียนนายร้อย คุณไม่เคยมาหาเช้ากินค่ำเหมือนพวกผมนี่ คุณไม่เคยต้องมาเดือดร้อน หัวเราะอะไร ผมรูดซิปหรือเปล่า

คุณเป็นนักการเมืองมา 16 ปี คุณกลับมาเป็นลูกแหง่ เป็นผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน คุณกลับมาในฐานะเป็นลูกนายแพทย์อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ และแพทย์หญิงสดใส เวชชาชีวะ คุณกลับมาในฐานะนักเรียนอีตัน นักเรียนออกซ์ฟอร์ด แล้วคุณก็เข้ามาภายใต้ปีกของนายชวน หลีกภัย ประคบประหงมคุณ เพราะว่าไปหลงเชื่อว่าไอ้นักเรียนนอก หน้าละอ่อน หน้าขาวๆอย่างนี้คือคนที่จะนำชาติ นำบ้าน นำเมืองไปได้ ลืมนึกไปว่า ไอ้คนพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ ส่วนใหญ่ มันทำให้ชาติบ้านเมืองส่วนใหญ่ฉิบหาย เพราะไม่เข้าใจคนไทย

"ผมเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนมา 7 สมัย เคยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ" ไม่เคยทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว "เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ (แอบมาห้อยโหนกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) "และปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง" ฟังให้ดีๆพี่น้อง "บรรดาประสบการณ์ความรู้ทั้งหมด" (ผมยังไม่เคยเห็นคุณมีประสบการณ์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว) "ผมจะนำมาใช้บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริต" ซื่อสัตย์จริงๆ คุณซื่อสัตย์มาก ซื่อสัตย์จนกระทั่งยุคคุณ ประชาชนต้องเข้าคิวซื้อน้ำมันปาล์ม ซื่อสัตย์จริงๆ ซื่อสัตย์ให้ตาย ซื่อสัตย์โคตรๆ ซื่อสัตย์จนกระทั่งต้นทุนของแผ่นดินสูงขึ้น ซื่อสัตย์จนกระทั่งหอการค้าไทยทำผลสำรวจออกมาจากพ่อค้าเขาบอกว่ารัฐบาลชุด คุณแดกมากที่สุด ซื่อสัตย์สุจริตเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ส่วนรวมเท่านั้น ขอแก้หน่อย เพื่อรับใช้ผลประโยชน์พรรคร่วมเท่านั้น

"และผมยืนยันกับพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนผมมาตลอด" ใครสนับสนุนมึง "ผมจะไม่ละทิ้งอุดมการณ์และแนวทางของผมปล่อยสิ่งเหล่านี้ให้สูญหายไปกับการ ใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง" หรือปล่อยปละละเลยให้เกิดความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ผมจะแนะอะไรอย่างไหมคุณอภิสิทธิ์ วันหน้าวันหลัง ภาษาอังกฤษคุณดี ไหนๆ ก็ไหนๆ อีกไม่นานคุณคงจะต้องเดินทางออกจากประเทศไทยตามคำมั่นสัญญาของคุณ อย่าไปทำอาชีพอื่นเลย ไปเป็นตลกคาเฟ่แถวๆ นิวยอร์ก หรือไม่ก็แถวมหานครลอนดอนได้ หน้าละอ่อนของคุณ มือไม้พลิ้วอย่างนี้ รับรองว่าตลกคุณมีคนมาดูทุกวัน คุณไม่ต้องพูดอะไรตลกคุณแค่พูดอย่างที่คุณพูดกับประชาชนคนไทยวันนี้ ขอให้ฝรั่งเข้าใจเหตุการณ์เมืองไทยดีๆ แล้วมันจะหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เอาละใกล้จบแล้ว "ผมอยากจะเรียนกับพี่น้อง สุดท้ายครับ ว่าคุณค่าในแง่ของประสบการณ์ของนักการเมืองอาชีพที่สำคัญที่สุด คือความผูกพันกับพี่น้องประชาชน ผูกพันมาก เขามาเรียกร้องปกป้องแผ่นดินไทย คุณมาขอถนนคืน 2 ช่อง ผูกพันมาก เขาไม่ให้ถนนคุณคืน คุณก็ผูกพันด้วยการออก พ.ร.บ.ความมั่นคง ผูกพันโคตรๆ เลย หรือปล่อยปละละเลย

"วันที่ผมก้าวเข้ามาสู่การเมือง ผมต้องไปขอคะแนนเสียงกับพี่น้องประชาชน ผมได้สัมผัสชัดเจนกับพี่น้องจำนวนมากที่เป็นคนจนเมือง ที่อยู่บนความยากลำบาก ที่อาจจะกล่าวได้ว่าคุณภาพชีวิตอาจจะต่ำที่สุด ผมไม่เคยลืมความทุกข์ยากเหล่านั้น" คุณไม่เคยลืม แล้วคุณรู้ได้ยังว่าทุกข์ยากขนาดนั้นมันทุกข์แค่ไหน คุณใช้คำพูดคุณพูดแบบนักการเมือง ว่าผมไม่ลืมความทุกข์ยาก ผมรู้ว่าคุณทุกข์ยาก คุณรู้ได้ยังไง เพราะการกระทำที่คุณทำมาในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา แสดงว่าคุณไม่เข้าใจความทุกข์ยากประชาชน ถ้าคุณเข้าใจความทุกข์ยากประชาชน อย่างน้อยที่สุด ไอ้กระเช้านี้ต้องไม่ใช่ 700 บาท ใช่มั้ย ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง (ใช่)

"ผมไม่ลืมพี่น้องที่อยู่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก ซึ่งผมได้ใช้เวลาหลายต่อหลายครั้งในการไปเยี่ยม รวมทั้งจัดทำวาระประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ หรือเรื่องสังคม หรือเรื่องอื่นๆ ผมไม่ลืมพี่น้องชาวใต้" คุณไม่ต้องไปจำเขาหรอก เขาไม่อยากจำคุณอีกต่อไปแล้ว วันนี้เขาก็ชีช้ำจะกระอักเลือดแล้ว จากคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ

"ผมทราบว่าสิ่งที่พี่น้องชาวใต้ใฝ่ฝันที่จะเห็นที่สุด คือเรื่องการขอความเป็นธรรม และแน่นอนที่สุดสำหรับพี่น้องใน 3 จังหวัด ผมไม่ลืมครับ ว่าความฝันสูงสุดของท่าน ก็คือความสันติสุข ความสงบสุข ที่ท่านรอคอยจะให้เกิดขึ้นในพื้นที่ของท่าน" เอ้า โห่หน่อย

"ผมไม่ลืมพี่น้องชาวเหนือ ที่ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยามที่ท่านมีความสุข ยามที่ท่านมีความทุกข์ เช่น ช่วงที่ท่านประสบภัยพิบัติ หรือภัยธรรมชาติ และผมยังจำได้ว่าในการหาเสียงครั้งที่ผ่านมาในภาคเหนือ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตามรถหาเสียง และตะโกนบอกผมว่า ขอฝากบ้านเมืองไว้กับผมด้วย" อ่ะ โห่!! นี่ไงฝากเอาไว้แล้ว ของแพง คอร์รัปชั่น ยกดินแดนให้เขมร นี่ไงเขาฝากให้ นี่ขนาดเขาฝากนะ ยังขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ฝากป่านนี้พวกเรานี่ไม่มีที่นั่งบนพื้นที่นี้แล้วนะ เราต้องไปลอยคออยู่ในทะเลแบบพวกโรฮิงยาแล้ว ใช่มั้ย
โอ้โห้ อันนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ "สำหรับพี่น้องชาวอีสานครับ 16-17 ปี บนถนนการเมือง ผมไปเยี่ยมเยียนท่านหลายครั้ง ได้รับรู้ปัญหา ความทุกข์ ความยากจนทุกๆ ท่าน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ได้ร่วมปั้นข้าวเหนียวข้างเถียงนา" อู๊ยยยย โรแมนติกอิ๊บอ๋ายเลย

นี่เห็นไหมครับพ่อแม่พี่น้อง ผมเตือนแล้ว พี่น้องสาวๆเนี่ยนะ อย่าไปหลงไอ้คารมคนรูปหล่อ รู้เปล่า ปั้นข้าวเหนียวข้างเถียงนา หลับตาวาดภาพอภิสิทธิ์ใส่เสื้อม่อฮ่อม คาดผ้าขาวม้า นั่งบนคันนา ปั้นข้าวเหนียว อ้าว แจกสิน้อง ปั้นข้าวเหนียวข้างเถียงนา "ที่สนทนากัน ที่ไร่มันสำปะหลัง ผมก็ไม่ลืม และผมอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถึงคุณยายเนียมที่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ที่ครั้งสุดท้ายผมไปรณรงค์หาเสียงนั้น ท่านมอบแหวนวงนี้ให้กับผม และบอกผมว่า ยายหมั้นคุณอภิสิทธิ์ให้กับคนอีสานแล้วเด้อ" ผมไม่ทราบว่าคุณยายเนียมกำลังดู หรือฟังสิ่งที่ผมพูดอยู่หรือไม่ แต่อยากจะบอกกับคุณยายว่า วันนี้คนที่รับแหวนจากท่านจะทำงานให้กับญาติพี่น้องของท่านเหรอ ทำงานให้กับชาวอีสาน และคนไทยร่วมชาติของท่านอย่างเสมอภาคด้วยความทุ่มเทและซื่อสัตย์ สุจริต ฮ่วย!!

พี่น้องครับ อภิสิทธิ์ จนถึงวันนี้พิสูจน์ชัด เขาคือนักการเมืองคนหนึ่งเท่านั้นเอง ใช่/ไม่ใช่พี่น้อง เราไปหลงเข้าใจว่าเขาเป็นนักการเมืองที่ดี จริงๆ แล้วบทบาททุกอย่างที่เขาทำไม่ได้ต่างกับละครน้ำเน่าช่อง 3 เลยแม้แต่นิดเดียวใช่ไม่ใช่พี่น้อง เน่า/ไม่เน่า เอาล่ะ อันนี้มัน ตอนจบนี่มัน

พรุ่งนี้ พันธ์ คี มุน มาบอกมันด้วยนะ อย่าขาดงานบ่อยนัก ทรมานคนแก่เจ็บขา นั่งกินเหล้า กินไวน์เลี้ยงรุ่นอยู่เนี่ย แล้วปล่อยให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ต้องมายืนขาเป๋ข้างเดียว ไอ้พันธ์คี มูน

"ผมทราบดีครับ" ฟังให้ดีๆ นะพี่น้อง ตรงนี้คือไฮไลต์ของทั้งหมด "ผมทราบดีครับ คนหนึ่งคนไม่สามารถจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง หรือแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ และผมก็รู้ว่าจากนี้ไปผมคงไม่สามารถทำให้คนทุกคนรักผม เห็นด้วยกับผม หรือแม้แต่สนับสนุนผมได้ แต่ผมยืนยันว่า ผมจะฟังเสียงทุกคน และทำงานให้ทุกคน" เป็นไงพี่น้อง คุณเคยฟังใคร คุณไม่เคยฟังใครหรอก อย่าว่าแต่ฟังเราเลย เสื้อแดงคุณก็ไม่ฟัง เสื้อเหลืองก็ไม่ฟัง คุณไม่ฟังเสื้ออะไรทั้งสิ้น คุณฟังศิริโชคคนเดียว

คลิปวิดีโอที่เราเอามาให้ดูกันว่า ให้ชาวบ้านเขาดูว่าคุณเคยพูด ว่าจะหนึ่งคน หรือแสนคน รัฐบาลต้องฟัง ไม่ใช่พวกเราเปิดฝ่ายเดียวนะ พวกเสื้อแดงมันก็เปิดนะ มันเป็นน่ามหัศจรรย์มาก ที่จตุพรมันไปอภิปรายในสภา เป็นสิ่งซึ่งผมช็อกหน้าทีวี มันบอกว่ามันเห็นด้วยกับพันธมิตรฯ ผมนึกในใจ จตุพร มึงอย่าเห็นด้วยบ่อยนะ กูไม่สบายใจ กลัวจะโดนยางคางคก

ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้งๆ ที่ไม่มีความชอบธรรม ยกเลิกเรื่องการทำประชามติเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่เคยรับปากไว้ โดยอ้างเหตุผลว่าใช้เวลานาน จัดทำประชาพิจารณ์เจบีซีแบบไม่จริงใจ ไม่เปิดให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับรู้ก่อน แล้วรีบนำเข้าสภา โกหก ตอแหล ทุกวันในเรื่องของดินแดน โดน อ.ปานเทพ อ.เทพมนตรี จับได้ ล้มเหลวในการปราบปรามคอร์รัปชั่น ปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาล และลูกพรรคประชาธิปัตย์ทุจริตหนักกว่ารัฐบาลทักษิณ ทุจริตถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แจกปลากระป๋องเน่า จนรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ต้องลาออก แต่ไม่ยอมดำเนินคดีกับ ป.ป.ช.

ทุจริตจัดซื้อตู้น้ำดื่มในโครงการชุมชนพอเพียง พอตรวจสอบพบว่า ผิดจริง ลงโทษแค่นักการเมืองท้องถิ่น และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ มีข้อสอบรั่ว มีการทำข้อสอบให้กัน ทุจริตแต่งตั้งตำรวจ ทุจริตกักตุนน้ำมันปาล์มจนสินค้าค้างตลาด ทุจริตการก่อสร้างถนนในโครงการถนนปลอดฝุ่น อีกเยอะแยะเยอะแยะเยอะแยะ

พี่น้อง มันไม่มีอะไรดีเท่ากับเอาคำแถลงของเขาในวันแรกที่เป็นนายกฯ ตื่นเต้น ดีใจ ขนลุกขนพอง ซู่ไปหมดทั้งตัว ซู่และสั่น สั่นและซู่ โอ้ยตายล่ะ ความฝันเป็นจริง อาจจะกระโดดร้องเพลงเลย True dream... Dream possible dream ผมนึกไม่ถึงจริงๆ

วันนี้ผมทานข้าวเที่ยงกับคำนูณ สิทธิสมาน คำนูณ บอกว่า พี่ จริงๆ แล้วอภิสิทธิ์ มันก็คือนักการเมืองธรรมดา ไม่ได้มีคุณภาพเหนือกว่าคนแม้กระทั่งเนวิน ชิดชอบ เพียงแต่หล่อกว่าเนวินเท่านั้นเอง แต่พฤติกรรมแล้วไม่ต่างอะไรกันเลย เพียงแต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะโผล่หางออกมา ที่ผมพูดเมื่อวานว่าผมสงสารเขา คุณทำได้อย่างไร คุณโกหกทุกวัน แล้วคุณปล่อยให้ อ.ปานเทพ อ.เทพมนตรี จับโกหกคุณได้ทุกวัน แล้วคุณก็มีมุกโกหกในวันต่อไป โกหก พอเขาจับได้อีกวันคุณก็ไม่พูดเรื่องเมื่อวาน อีกวันคุณก็คิดมุกโกหกไปเรื่อยๆ มันเป็นไปได้อย่างไรใช่ไหมพี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้องไม่ต้องถามเลย ไว้วางใจอภิสิทธิ์ไหม ใครไม่ไว้วางใจช่วยโห่ไล่หน่อย พิสูจน์แล้วใช่ไหม อย่างชัดเจนทุกกระบวนการตั้งแต่วันแรกที่ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ โกหกอะไร พิสูจน์เป็นข้อๆ แล้ว ตราบจนกระทั่งวันนี้ จนวันสุดท้ายที่ อ.เทพมนตรี และ ปานเทพ ขึ้นมาข้างบนก็พิสูจน์ว่า โกหกเรื่องเสียดินแดน โกหกมาตลอดไม่เคยหยุดยั้งการโกหก ถามว่า ทำไมคุณถึงชอบโกหกประชาชน คุณคิดว่าประชาชนเขาไม่รู้สึกหรอ และคุณคิดว่าเขากินแกลบหรืออย่างไร เขารู้ทันคุณหมดแล้ว อาจจะเป็นประชาชนที่ยังหลงคุณอยู่งมงาย ลุ่มหลง หลงใหลและคลั่งไคล้ อันนั้นช่วยไม่ได้ แต่ผมจะเตือนอย่างนะ พี่น้องที่เป็นผู้หญิงต้อง รู้ใช่ไหมรักมากวันนึงก็แค้นมากใช่ไม่ใช่ พี่น้องจำคำพูดผมไว้นะ วันที่เขาถูกเปลือยกายล่อนจ้อน นอกจากจะไม่มีศิริโชคยืนอยู่ข้างหลังแล้ว เขายังจะมีคนที่แค้นเขามากที่สุดกลับไม่ใช่พวกเรา เพราะพวกเรารู้จักเขาดีแล้ว คนที่แค้นเขามากที่สุด ก็คือ บรรดาคนที่รักเขามากที่สุดตอนนี้

พี่น้องครับ ช่วยบอกพันธ์คีมูนด้วยว่า ผมได้ทำหน้าที่ผมสมบูรณ์แบบแล้ว เกือบชั่วโมงครึ่ง พี่น้องปรบมือให้กำลังใจ วีระ, ราตรี อีกครั้งหนึ่งพี่น้อง โห่ไล่พวกหนักแผ่นดิน พี่น้องครับจบลงด้วยสไตล์สนธิเหมือนเดิม ลุกขึ้นมาเร็วพี่น้องเร็ว พวกเรามาที่นี่เพื่อเรื่องเดียวเท่านั้นเอง เรามาปกป้องอธิปไตยดินแดนไทย ที่เรามาเพื่อไม่ให้เราเสียชาติเกิด พี่น้องครับ สวัสดีครับ

---

คุณสนธิสรุปให้แล้ว ใครยังไม่เข้าใจหรือยังไม่เชื่ออีก(แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ดีกว่า)ก็เรื่องของ คุณแล้วล่ะ ผมไม่ได้มาเชียร์คุณสนธิเพราะผมไม่ได้รู้จักแกเป็นการส่วนตัว และไม่สนใจว่าแกคือใครอยู่ที่ไหนสีอะไร แต่ผมสนใจว่าสิ่งที่แกพยายามบอก ปชช.ไทยทั้งประเทศนั้น(คาดว่ายังไม่ได้รับรู้ทั่วกันหรอก)ถูกต้องหรือไม่ อย่างไรในความคิดของผม

อย่างที่บอก แกสรุปให้หมดแล้ว(อีกครั้งนึงหลังที่ทำไปแล้วเมื่อครั้ง 193 วัน) คงไม่ต้องพูดอะไรกันอีก แต่สิ่งที่ผมอยากให้ท่านทั้งหลายฉุกคิดคือ ทำไมคนมาชุมนุมน้อยกว่าเดิม

คำตอบคือ คนเบื่อ ถามว่าทำไมถึงเบื่อ เบื่อสนธิเหรอ คำตอบคือ ไม่ใช่(ก็แกลือลาซะขนาดนั้น) แต่เขาสงสัยว่าถ้าไล่อภิสิทธิ์และ ปชป.ไปแล้ว แล้วไง เขายังไม่มีคำตอบในใจตรงนี้ และเขาเห็นแล้วว่าไล่ทักษิณแทบตาย สำเร็จด้วย แต่เขาได้สิ่งที่แย่กว่าเดิม ทำไมเหตุการณ์มันถึงเป็นอย่างนี้ จึงทำให้หลายคนพลอยคิดต่อไปว่า ถ้าไล่สำเร็จอีกครั้งแล้วจะไม่ได้ผู้ปกครองที่แย่กว่าคนปัจจุบันเข้าไปอีก หรือ หนึ่ง

สอง คนที่มาชุมนุมคราวที่แล้วก็ตามๆกันมาเป็นแฟชั่น(คนไทยชอบแฟชั่นและกลัวที่ สุดกับคำว่า "เชย") คนที่มาด้วยใจอาจมีมากกว่าเป็นหมื่นเป็นแสน แต่คนประเภทหลังนี่ก็ผสมอยู่ด้วยเหมือนกัน สังเกตเห็นได้ว่าการชุมนุมขณะปัจจุบันนี้ไม่ลามไปถึงขั้นเป็นแฟชั่น คนประเภทชอบแฟชั่นก็จะยังไม่มา

อาจมีเหตุผลอีกหลายประการ แต่ที่สำคัญคือเหตุผลแรกที่ยังไม่มีคำตอบ จึงเกิดการถกแถลงกันอยู่บ่อยๆว่า ถ้าไม่เอาอภิสิทธ์แล้วจะเอาใคร คนตอบก็จะตอบว่า "โอ๊ย คนดีมีมากมาย ประเทศมีตั้งหลายล้านคน" ซึ่งคำตอบนี้ยังไม่ตอบคนถามอยู่ดีว่า ใคร

ที่ สำคัญอีกอย่างไม่แพ้กัน คือ ถ้ารู้ว่าอยากได้ใครเป็นผู้นำประเทศแล้วจะนำคนๆนั้นขึ้นมาเป็นผู้นำได้ยังไง ก็ต้องผ่านการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็ต้องมีการซื้อเสียงและขายเสียงเหมือนเดิม แล้วได้คนเก่าๆเหมือนเดิม(เหลิม เติ้ง เหนาะ หนั่น เน เทือก จิ๋ว สุวัจน์ ฯลฯ) จนหลายๆคนหมดหวังและไม่อยากยุ่งกับการเมือง(เข้าทางนักการเมืองอีก เป็นอย่างที่เขาได้ดีไซน์ไว้แล้ว)

ถ้าถามว่าทำไมพันธมิตรซึ่งชนะทาง การเมืองในครั้งที่แล้วจึงปล่อยให้เหตุการณ์มาสู่จุดนี้ได้ คนอาจคิดว่า "สนธิ" หรือพันธมิตรมันโง่ เอาทักษิณลงแล้วยังปล่อยชิ้นปลามันไปกับ ปชป.อีก แต่สำหรับผมคิดว่า คุณสนธิให้โอกาส ปชป.นะ เหตุการณ์ช่วงนั้นก็ชุลมุนตั้งตัวกันแทบไม่ทัน และมันคิดยากที่ ปชป. พรรคเก่าแก่ที่สุดในประเทศ มีคุณชวนเด็กวัดเก่า(ถือหางเสืออยู่) มีผู้นำรุ่นใหม่อย่างมาร์ค ความสามารถสูง ฉลาดเฉลียว ภาษาสากลเยี่ยม ประวัติไม่ด่างพร้อย ฯลฯ และอยู่ข้างพันธมิตรมาตลอด มันจึงรู้สึกได้ยาก(ขณะนั้น)ว่าจะลงเอยแบบนี้

เหวอหนึ่ง มาร์คกอดกับเน แปร่งๆและ
เหวอสอง ประชุมอาเซียนพังยับผู้นำประเทศหนีตายกันชุลมุน โดยมีทหารและตำรวจไทยเต็มประเทศ
เหวอสาม นายกฯ ผู้นำเบอร์หนึ่งโดนไล่ฆ่ารายวัน
เหวอสี่ ทุจริตเริ่มก่อตัว และมีมาเรื่อยๆ(อ้างว่ารัฐบาลผสมทำไรไม่ได้เดี๋ยวไม่ยกมือในสภารัฐบาลก็ล่ม)
เหวอห้า สงกรานต์เลือด
เหวอหก เผาเมืองครั้งใหญ่ ออกอากาศทั่วโลก
เห วอเจ็ด ให้โจรห้าร้อยลูบคมประเทศที่เศรษฐกิจอันดับต้นของอาเซียน กำลังทหารอันดับต้นๆของโลก โอกาสเสียแผ่นดินสูง เอาคืนยาก ฟิวส์เลยขาด

จริงๆ แล้วผู้นำพันธมิตรรู้มานานแล้วล่ะ ไม่ต้องถึงเหวอเจ็ดหรอก แต่สถานการณ์มันซับซ้อน อยู่ดีๆให้ออกมาชุมนุมมันไม่ง่าย ปิดถนนรถติดอีก(แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครตายเพราะรถติด แต่ตายเพราะปืนใหญ่ของต่างชาติ)

ผมคิดง่ายๆว่า อภิสิทธิ์(หรือท่านชวน)ทำพลาดอย่างมหันต์ในการไม่เลือกข้างพันธมิตรตั้งแต่ ได้ครองอำนาจ จึงทำให้จุดจบเป็นอย่างนี้(คนเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งส่วนใหญ่จุดจบมีสองแบบคือ ไม่ รัฐบุรุษ ก็ ทรราชย์) ซึ่งเป็นจุดหันเหที่ยิ่งใหญ่มากหลังจากโค่นทักษิณที่โกงภาษีลงได้

ท่าน ชวนเป็นนักการเมืองที่ประวัติไม่ด่างพร้อยแต่คงไม่ทันเหตุการณ์บ้านเมือง แล้วล่ะ สมัยนี้มันไม่เหมือนรัฐประหาร 2535 แล้ว ที่ผู้คนไม่รู้เรื่องใช้ได้แต่เพจเจอร์ เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ค่อยรู้กัน เดี๋ยวนี้อยู่ห่างกันครึ่งค่อนโลกก็สื่อสารกันได้ในเวลาเป็นวินาที มีเรื่องอะไรมันก็ถึงกันหมด(ตอนนี้คนรู้หมดแล้วว่าท่านเซ็นต์ MOU43)

ส่วน มาร์คก็บริหารราชการแผ่นดินสไตล์ประเทศพัฒนาแล้ว แบบประชากรส่วนใหญ่รู้อะไรควรไม่ควร ตัดสินใจเองได้ คิดเป็น เสมือนว่าเหตุการณ์ปกติยังไงยังงั้น(โดนไล่ล่า เผาเมืองหลวงสองรอบ สื่อสารมวลชนโดนยิงใจกลางกรุง ปชช.โดนปืนใหญ่ร่างฉีกขาด คนใต้โดนฆ่ารายวัน ฯลฯ)

ถึงกระนั้นคนก็ยังไม่ออกมาขับไล่มาร์ค ด้วยเหตุผลหลักๆอย่างที่บอก ไล่แล้วไง !!! ครั้งที่แล้วไล่ทักษิณก็ "ไล่แล้วไง"เหมือนกัน ผลลัพท์ คือ ก็ มาร์ค + เน + ประวิตร ไง

คิด ว่ามันยังคงเป็นอะไรที่คาใจคนไทยอยู่ตลอดว่า "ไล่แล้วไงต่อ" ...ผมก็อ่อนด้อยด้วยปัญญา ไม่สามารถบอกท่านได้(ในเวลานี้)ว่า แล้วไงต่อ ผู้นำพันธมิตรคงต้องทำการบ้านหนักทีเดียวในเรื่องนี้ คงต้องช่วยกันคิดต่อไป

...อย่าง ไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์ทุกประเทศในโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงท้ายที่สุดก็มาจากประชาชนทั้งนั้น(ไม่เชื่อเปิดข่าวต่าง ประเทศดูได้ตอนนี้) สุดท้ายคงไม่มีทางอื่นนอกจาก "ออกมา"
.
ตื่นเถิดชาวไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น