...+

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สธ.ตั้งเป้าใส่ฟันเทียม 30,000 ราย หนุนชมรมผู้สูงอายุดูแลสุขภาพช่องปาก 1 อำเภอ 1 ชมรม

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ตั้งเป้าใส่ฟันเทียมทั้งปากผู้สูงอายุปีละ 30,000 ราย พร้อมส่งเสริมชมรมผู้สูงอายุจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปาก 1 อำเภอ 1 ชมรม เพื่อการมีสุขภาพช่องปากที่ดี

โรงแรมรามาการ์เด้นส์ วันนี้ (20 ธ.ค.) ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การจัดบริการและสนับสนุนการจัดบริการในโครงการฟันเทียมพระราชทาน และการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ว่า กรมอนามัยได้สนองกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเดือนเมษายน 2547 ความว่า “...เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไมอร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง” ประกอบกับผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพโดยกรมอนามัยพบว่า ปัญหาสุขภาพช่องปากที่สำคัญในกลุ่มผู้สูงอายุ คือ การสูญเสียฟันจนไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ โดยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันดำเนินงาน โครงการ ฟันเทียมพระราชทานและส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เพื่อมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุมีฟันใช้เคี้ยวอาหารได้อย่างเหมาะสม เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งขณะมีสามารถดำเนินการใส่ฟันเทียมให้กับผู้สูงอายุแล้วทั้งสิ้น 196,619 ราย

ดร.นพ.สมยศกล่าวว่า สำหรับ ในปี 2554 ซึ่ง รมว.สธ.ได้ประกาศให้เป็นปีทองแห่งการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหา-มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 นั้น กรมอนามัยได้จัดบริการรองรับการแก้ปัญหาสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้สูงอายุ ได้แก่ บริการใส่ฟันเทียม และการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้ดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเอง ผ่านทางชมรมผู้สูงอายุซี่งมีทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักคือการใส่ฟันเทียมทั้งปากปีละ 30,000 ราย และส่งเสริมชมรมผู้สูงอายุจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปาก 1 อำเภอ 1 ชมรม เพื่อให้สมาชิก 800 ชมรมประมาณ 84,000 คน ได้ดูแลอนามัยช่องปากตนเอง

ในปี 2554 นอกจากการจัดบริการโดยทันตบุคลากรทั่วประเทศแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นและชมรมผู้สูงอายุเข้ามามีส่วนร่วม เพราะคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า สัดส่วนประชากรสูงอายุ จะเป็นร้อยละ 20 หรือ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ พร้อมๆ กับปัญหาสุขภาพและสุขภาพข่องปากที่จะเพิ่มขึ้น จึงต้องมีการบูรณาการบางกิจกรรมกับงานส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุด้านอื่น ๆ เช่น การออกกำลังกาย งานโภชนาการ การตรวจสุขภาพประจำปี หรือบูรณาการกิจกรรมกับเทคโนโลยีทางทันตกรรมขั้นสูง เช่น การใส่ฟันเทียมกับการทำ รากฟันเทียม เป็นต้น

ดร.นพ.สมยศกล่าวว่า โครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เป็นส่วนหนึ่งของประเด็นยุทธศาสตร์กรมอนามัยด้านการส่งเสริมสุขภาพผู้สูง อายุ ซึ่งมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดี ประกอบด้วย 1.มีสุขภาพดี ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม 2.มีฟันใช้เคี้ยวอาหารได้อย่างเหมาะสม 3.มีดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ 4.มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และ 5.สามารถช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ตามอัตภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น