...+

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อันตรายของบ้านเมือง

โดย ราวี เวียงพยัคฆ์ 26 กรกฎาคม 2553 15:10 น.
ผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม ปรากฏว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์
พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 96,480
คะแนนในขณะที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยได้ 81,776
คะแนน

ผลการลือกตั้งซ่อมครั้งนี้บ่งบอกให้เห็นความเป็นไปของบ้านเมืองหลายประการ
คือ

คะแนนเสียงของนายพนิช วิกิตเศรษฐ์
ที่ได้รับเลือกตั้งกับคะแนนเสียงของนายก่อแก้ว พิกุลทองห่างกันเพียง
14,704 คะแนน ถือว่าต่างกันไม่มากนัก
ในขณะที่นายก่อแก้วยังถูกจับกุมคุมขังออกมาหาเสียงไม่ได้
ซ้ำคดีที่นายก่อแก้วถูกจับกุมคุมขังนั้นก็เห็นชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการ
ชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่นายก่อแก้วเป็นหนึ่งในแกนนำ
และจบลงด้วยการเผาบ้านเผาเมือง

แสดงว่าคนกรุงเทพมหานครในเขต 6 ถึง 81,776
คนเห็นว่านายก่อแก้วเหมาะที่จะเป็นผู้แทนราษฎรของพวกเขา

นี่ย่อมเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะอันตราย

พรรคเพื่อไทยที่ส่งนายก่อแก้ว พิกุลทอง
ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยที่ไม่สนใจคนนอกคุกคนอื่นๆ
อาจจะเพราะหาใครดีและเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
หัวหน้าพรรค นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค ฯลฯ
ไม่ได้แล้วก็ไม่ได้คาดหวังกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้สักเท่าไรนัก
ไม่ได้ก็ไม่ได้เสียหาย แต่ถ้าหากได้รับเลือกตั้ง ถือเป็นกำไรมหาศาล
การส่งนายก่อแก้วลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อให้สังคมมองเห็นการเคลื่อนไหวของ
คนเสื้อแดงที่แม้จะถูกปราบ ถูกกระชับพื้นที่ก็ยังจะสู้ต่อไป ไม่ท้อถอย
ไม่หวั่นไหว

การขอให้ศาลปล่อยตัวมาสมัครรับเลือกตั้ง
การขอสวมชุดผู้ถูกคุมขังมายื่นใบสมัคร
การได้ร้องขอให้ศาลปล่อยตัวไปหาเสียง
การออกมาเคลื่อนไหวจะมีผู้ยอมอยู่ในที่คุมขังแทน
ล้วนเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะบอกกล่าวต่อสังคมว่าพวกเขาไม่ได้รับความ
เป็นธรรม บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างที่พวกเขาป่าวร้องในระหว่างการทำสงคราม
ไพร่โค่นอำมาตย์ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เป็นที่รู้กันดีว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย
ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ที่ชั่วช้าสามานย์อย่างหาที่เปรียบมิได้
ถ้าศึกษาคำพิพากษาในคดีที่ดินรัชดาฯ
คดียึดทรัพย์ก็จะเห็นชัดเจนถึงความชั่วช้าที่ว่านี้ยังมีพฤติกรรมที่ทำอยู่
ตลอดเวลาระหว่างหนีคุกไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในช่วงสงกรานต์
สองปีซ้อนก็แทบจะมองเห็นความเป็นคนของทักษิณไม่เหลือเลย

ล่าสุดก่อนการเลือกตั้งซ่อมไม่กี่วัน โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
ทนายความของทักษิณ
ออกหนังสือปกขาวให้ร้ายประเทศไทยด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างหน้าด้านๆ
เป็นต้น กล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินคดีนายสมัคร สุนทรเวช
ทำกับข้าวแล้วรับเงินค่าจ้างระหว่างที่เป็นนายกรัฐมนตรี
และตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนเพราะรองหัวหน้าพรรคคือ นายยงยุทธ ติยะไพรัช
รองหัวหน้าพรรคทำผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า เป็นศาลที่จัดตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจ

ทั้งที่ความเป็นจริงศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีมานานแล้ว
มีก่อนที่ทักษิณจะเป็นายกรัฐมนตรีเสียอีก
และก็ศาลรัฐธรรมนูญนี่แหละที่ช่วยชีวิตทักษิณในคดีซุกหุ้น
ทำให้ทักษิณสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
มีโอกาสใช้อำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แสวงหาประโยชน์ที่ร่ำรวยจากธุรกิจผูกขาดอยู่แล้วร่ำรวยขึ้นอีกเป็นหมื่นเป็น
แสนล้านบาท และองค์คณะของศาลรัฐธรรมนูญปัจจุบันนี้ก็เกิดขึ้นในขณะที่พรรคพลังประชาชน
เป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี

ไอ้โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ไม่มีทางที่จะบิดเบือนได้เลย
หากมิใช่เพราะทักษิณหรือบริษัทบริวารของทักษิณป้อนข้อมูลเท็จให้มัน

คนที่กล้าบิดเบือนข้อเท็จจริงให้คนต่างชาติทำร้ายประเทศชาติของตัว
คนที่ไม่กล้ายอมรับความเป็นจริงในความผิดของตัว
ไม่กล้าสำรวจตัวเองว่าดี-เลวขนาดไหน ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549
ที่เขาถูกเขี่ยจากอำนาจ เขาไม่เคยหยุดทำร้ายประเทศชาติของตัวเองเลย

คนอย่างนี้ยังจะมีความเป็นคนอีกหรือ?

และคนชั่วช้าสามานย์อย่างนี้แหละยังมีมวลชนสนับสนุน
การเลือกนายก่อแก้ว พิกุลทอง 8หมื่นกว่าเสียงในการเลือกตั้งซ่อมเขต 6
กรุงเทพมหานคร ทั้งที่เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองที่ราชประสงค์ผ่านมาไม่นานนี้เอง
ทั้งที่ข้อเขียนของ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม กำลังเผยแพร่อยู่ในขณะนี้
ทั้งที่ข้อหาที่รัฐบาลกล่าวหาทักษิณ คือ ผู้ก่อการร้าย
และทั้งที่ปรากฏชัดเจนว่าช่วงเวลาที่ทักษิณหนีคุกอยู่ขณะนี้คำพูดของทักษิณ
เชื่อถือไม่ได้เลย เป็นต้นว่าจะเดินนำหน้าเข้ากรุงเทพฯ หากมีคนตาย
หากเสียงปืนแตก ผมจะไม่หนีไปไหน ฯลฯ

แต่ก็ยังมีคนเชื่อถือ มีคนศรัทธาเขาอยู่

นี่ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า
มีประชาชนจำนวนไม่น้อยในประเทศที่ไม่ได้ตระหนักไม่รู้ถึงความชั่วช้าสามานย์ของทักษิณ

อายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้เหลืออีกเพียงปีเดียว
ก็จะมีการเลือกตั้งทั่วไป มิน่าเล่า
ทักษิณจึงได้ปลอบประโลมบรรดาลูกพรรคเพื่อไทยทั้งหลายว่า
เวลาที่พวกเขาจะมีความสุขใกล้มาถึงแล้ว
วันที่พวกเขาจะชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาลมาถึงแล้ว

นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตราย

เป็นภัยอันใหญ่หลวงของบ้านเมือง

เพราะ คงไม่มีอันตรายใด
ภัยอันใดจะร้ายแรงยิ่งกว่าพรรคที่เห็นดีเห็นงามกับการเผาบ้านเผาเมืองจะมา
เป็นรัฐบาล โดยที่มีคนชั่วช้าสามานย์ทำร้ายประเทศชาติของตัวอยู่เบื้องหลังอีกแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น