มาราโดนาถูกปลดจากการเป็นผู้จัดการทีมชาติและโค้ชอาเจนตินาไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเช้าวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้
โดยสมาคมฟุตบอลของประเทศโดยการตัดสินใจครั้งนี้ยังหมายถึงการไม่ต่อสัญญาให้
กับมาราโดนา โดยนาโปลีที่เขาสังกัดด้วย
มาราโดนาไปพบกับฝ่ายบริหารสมาคมกรอนดอนาเพื่อรับฟังคำวิจารณ์ติชมจาก
สต๊าฟโค้ชคนอื่นๆ
แต่มาราโดนาไม่เต็มใจที่จะทำงานร่วมกับสตาฟที่มาจากคนนอกซึ่งเป็นทีมที่เขา
สร้างขึ้นมาในรอบสองปี
คำวิจารณ์รวมไปถึงการที่มาราโดนาล้มเหลวในการนำทีมอาเจนตินาไปสู่
เส้นชัยในฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมาที่แอฟริกาใต้
แม้ว่าทีมจะกลับมาท่ามกลางผู้คนทั้งประเทศให้การต้อนรับประหนึ่งทีมชาติเป็น
วีรบุรุษก็ตาม
อาเจนตินาอยู่ในลำดับที่หนึ่งในสายของการแข่งขัน
แต่ว่าไปแพ้เยอรมนีแบบหมดรูปถึง 4 ต่อ 0 ในการแข่งวันที่ 3
กรกฎาคมทำให้ตกรอบ 4 ทีมสุดท้าย
เส้นทางเดินของมาราโดนามาไกลมาก ชีวิตมีลุ่มๆ ดอนๆ
เขาเคยเป็นวีรบุรุษของประเทศในยามรุ่งโรจน์
ชื่อเต็มๆ คือ เดียโก อาร์มันโด มาราโดนา เกิดวันที่ 30 ตุลาคม
ค.ศ. 1960 อายุเข้า 50 ปีแล้วครับ เขาถูกเรียกว่าเสือเตี้ย เพราะสูงแค่
1.65 เมตร หรือ 5 ฟุต 5 นิ้วเท่านั้น
เล่นฟุตบอลอาชีพมานับระหว่างปี 1976 ถึง 1997 ก็ 490 ครั้ง
ยิงประตูไป 331 ลูก เป็นสถิติที่งดงาม
ในช่วงที่เล่นให้ทีมเยาวชนอาเจนตินา เขาลงแข่ง 167 ครั้ง ยิงได้ถึง 115
ลูก เป็นสถิติที่ยังไม่มีใครทำลายได้ และสร้างชื่อไว้มาก
ในการเล่นระดับนานาชาติ เขามีสถิติได้ค่าตัวแพงที่สุดในโลก
เล่นให้ทีมชาติเขาเอง 91 ครั้ง ทำประตูได้ 34 ลูก
โดยเล่นชิงถ้วยสมาคมฟุตบอลโลกถึง 4 ครั้งด้วยกัน
มาราโดนาถือว่าเป็นนักกีฬาฉาวโฉ่ที่สุดคนหนึ่งในวงการก็ว่าได้
เคยโดนแบน ถึง 1 ปี 3 เดือน ในข้อหาโด๊ปยาโคเคนในประเทศอิตาลี
และระหว่างการแข่งขันเวิร์ลคัพในอเมริกาเมื่อปี 1994
มาราโดนาโดนไล่กลับประเทศเพราะตรวจพบใช้สารกระตุ้นephedrine
นำความเสียหายด้านชื่อเสียงมาสู่ประเทศอาเจนตินามาก
ครับ ชะตากรรมของมาราโดนาน่าสนใจมาก
จากคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารอะไร
แต่เขาก็เข้ามาบริหารทีมชาติฟุตบอลของอาเจนตินาในปี ค.ศ. 2008
ในด้านประสบการณ์ฟุตบอลอาชีพเขาเล่นให้กับทีมเยาวชนเมื่ออายุยังไม่ถึง
16 ปี โดยเริ่มต้นเล่นครั้งแรกในวันที่ 20 ตุลาคม 1976
โบค่าจูเนียร์มาซื้อตัวเข้าสโมสรไปในราคาหนึ่งล้านปอนด์
และเล่นตั้งแต่กลางปี 1981 และทั้งปี 1982 ทำให้ทีมชนะได้เหรียญไปครอง
เล่นอยู่ดีๆ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ส่งแมวมองมาขอซื้อตัวในมูลค่า
180,000 แต่ทางสโมสรที่เขาสังกัดไม่เล่นด้วย
หลังจากแข่งเวิร์ลคัพในปี 1982
มาราโดนาย้ายไปสเปนเล่นให้กับบาเซโลนา โดยมีค่าตัวแพงที่สุดในเวลานั้นถึง
5 ล้านปอนด์
และด้วยความสามารถของเขารวมทั้งโค้ชบาเซโลนาที่ชื่อ ซีซาร์ ลุยส์
เมนอส ทีมก็คว้าถ้วยรางวัลระดับชาติมาครองได้สำเร็จอย่างสมเกียรติ
และเป็นชัยชนะที่มีต่อทีมรีล มาดริดด้วย
ในปี 1984 มาราโดนาย้ายไปนาโปลีด้วยค่าตัวทำลายสถิติอีกครั้ง 6.9ล้านปอนด์
ที่นี่ถือว่ายุคทองและเขาก้าวมาถึงการเล่นที่อยู่ในจุดสุดยอดก็ว่า
ได้ เขามีแฟนบอลยกย่องมากที่สุด
และทำให้ทีมนาโปลียกระดับขึ้นสู่จุดสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยที
เดียว
ในเวทีฟุตบอลโลก มาราโดนาแข่งในช่วงต้นถึง 4 ครั้ง
กับถ้วยสมาคมฟุตบอลโลก ชนะเลิศหนึ่งครั้ง รองชนะเลิศอีกหนึ่งครั้งในปี
1986 และ 1990 ตามลำดับ
จริงๆ แล้วการแข่งระดับสากลเริ่มตั้งแต่เขาอายุได้ 16 ปี
โดยเขาลงแข่งกับฮังการีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1977 พออายุ 18
แข่งให้กับทีมเยาวชนแห่งชาติและเขาเล่นเป็นดาราในสนาม ทีมเอาชนะ 3 ต่อ 1
ในการแข่งกับสหภาพโซเวียต
วันที่ 2 มิถุนายน 1979
มาราโดนายิงประตูชัยเป็นครั้งแรกในการแข่งขันระหว่างอาเจนตินากับสกอตแลนด์
โดยชนะไป 3 ต่อ 1
เวิร์ลคัพ
มาราโดนาเป็นหัวหน้าทีมอาเจนตินาปี 1986
ที่นำถ้วยเวิร์ลคัพกลับบ้านและกลายเป็นวีรบุรุษประจำชาติ
ทุกแมตช์การแข่งขัน เขาเล่นได้ดี
มีบทบาทดีตลอดเวลาและเป็นผู้เล่นที่มีพลังที่สุดในสนามเมื่อเทียบกับผู้เล่น
คนอื่นๆ จากทุกประเทศ
ชื่อเสียงของเขากลายเป็นตำนานจากเวิร์ลคัพครั้งนี้แล้วครับ
มาราโดนาเป็นหัวหน้าทีมอีกครั้งในเวิร์ลคัพปี 1990
แต่เขาบาดเจ็บที่ข้อเท้าทำให้โชคร้ายไม่สามารถทำเกมที่ดีได้
จนอาเจนตินาเกือบถูกคัดออกในรอบแรกอยู่รอมร่อแต่ก็รอดมาจนถึงรอบ 16 ทีม
และเซมิไฟนอล หรือรอบคัดทีมสุดท้ายจนได้ทั้งๆ ที่เขาพลาดบ่อยๆ
เวิร์ลคัพ ปี 1994 มาราโดนาเล่นแค่สองครั้ง
ก่อนโดนไล่กลับเพราะสารกระตุ้นดังกล่าวมาแล้ว
มาราโดนาว่าเป็นเพราะผู้ฝึกสอนให้เขาดื่มเครื่องดื่มชูกำลังต่างหาก
แต่ไม่มีใครเชื่อ
ครับที่ผมเล่ามาเป็นชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ ของมาราโดนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น