...+

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เวรกรรมประเทศไทย เมื่อผู้ก่อการร้ายยังลอยนวล

ประชาชนคนไทยทั้ง
ประเทศคงรู้สึกเครียดและแปลกประหลาดใจระคนความงงงวยสงสัย
เหตุไฉนขบวนการผู้ก่อการร้าย ปลุกระดมผู้คนและใช้เงินจ้างวานจำนวนมหาศาล
เพื่อล้มล้างเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง และ
จาบจ้วงล่วงเกินสถาบบันเพื่อมุ่งหวังล้มเจ้า ด้วยการสร้างความปั่นป่วน
วุ่นวาย สร้างความแตกแยกในสังคม
จนถึงขั้นเข่นฆ่าผู้คนด้วยกองกำลังติดอาวุธและกองกำลังเผาบ้านเผาเมือง
จนตกเป็น "ผู้ก่อการร้าย" แต่ยังลอยนวล

พวกแกนนำผู้ก่อการร้าย ที่มอบตัวเพราะกลัวตายก็เดินเข้าคุกไป (ไม่กี่คน)
ที่มีสถานะเป็นนักการเมือง (ทั้ง ๆ ที่อยู่ในช่วงไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง)
ก็ยังลอยนวลอยู่นอกคุกบิดเบือนปลุกปั่นยุยงให้เกิดความแตกแยกในสังคมได้ต่อ
ไป ส่วนพวกที่หนีก็หนีไป โดยมีพวกตำรวจมะเขือเทศ ทหารแตงโม
ผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองท้องถิ่น ช่วยพาหลบหนี และให้ที่หลบซ่อนตัว
(เล่นซ่อนหา) ก็ยังทำได้แบบเย้ยฟ้าท้าดิน

จากพฤติกรรมในเรื่องเดียว กัน (จัดการกับผู้ก่อการร้าย)
แต่หลากหลายมาตรฐานการปฏิบัติ เพราะต่างคนต่างทำ ทหารทำอย่าง
ตำรวจทำอย่าง อัยการทำอย่าง ศาลทำอย่าง รัฐบาลทำอย่าง
สะเปะสะปะจนทำให้บ้านเมืองไร้ซึ่งขื่อแป
เสมือนบ้านนี้เมืองนี้ไม่มีการใช้กฏหมายแต่อย่างใด
แล้วแต่ใครจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ โดยไม่คำนึงถึง "นิติรัฐ"
ที่เคยพร่ำพูดให้ดูดีของนายกรัฐมนตรีในระยะแรกที่เข้ารับตำแหน่ง แต่มา ณ
บัดนี้นายกรัฐมนตรีพร่ำพูดแต่ปรองดอง ทั้ง ๆ
ที่พวกผู้ก่อการร้ายไม่ต้องการปรองดองแม้แต่น้อย
(จึงไม่ทราบว่าสุดท้ายจะปรองดองกับใคร)

จึงอยากกระซิบบอกนายก รัฐมนตรี คิดผิดคิดใหม่ได้ สำหรับคำว่า "ปรองดอง"
โดยเปลี่ยนเป็น "ปฏิรูปประเทศ" ไม่ดีหรือ ???
จะได้ก้าวผ่านหัวหน้าผู้ก่อการร้ายสัญชาติมอนเตฯ
และกลุ่มผู้ก่อการร้ายในประเทศได้ โดยประชาชนไม่สับสน
ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
(ขออนุญาตเลียนแบบกระซิบนายกรัฐมนตรีแบบเดียวกับ ดร.
รายหนึ่งที่บอกว่าจะกระซิบนายกฯ เรื่องจัดการสื่อ โดยเฉพาะจัดการกับ 2
ดร.กับ 1 ทนาย ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเสียสละ เสี่ยงอันตราย
ให้ความรู้ความจริงกับประชาชน ซึ่งทำเพื่อประเทศชาติแท้ ๆ )

การใช้ หลัก "นิติรัฐ" แบบชักเข้าชักออกหลากมาตรฐาน
ด้วยลักษณะที่กระทำอยู่ในขณะนี้
จะทำให้ประชาชนคนไทยฝากความหวังที่จะนำพาประเทศให้อยู่รอดได้อย่างไร
จะทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุขความสบายใจได้อย่างไร
และจะเชื่อมั่นว่าไม่ต้องอกสั่นขวัญหายจากการเผาบ้าเผาเมืองรอบ 3 รอบ 4
ของบรรดา "ผู้ก่อการร้าย" ในวันใดวันหนึ่งได้อย่างไร

ความเครียด ความกังวล ความหวาดกลัว ความวิบัติหายนะ
ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้รับการเหลียวแล โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ
ทำเสมือนประชาชนคนไทยทั้งประเทศไม่มีความหมาย ไม่มีจิตใจ
จึงเหยียบย่ำอย่างไรก็ได้เช่นนั้นหรือ

ถ้าการใช้หลักนิติรัฐอย่างตรง ไปตรงมา ผู้ก่อการร้าย
จะต้องอยู่ในคุกเหมือนกันทุกคน (ตามความเข้าใจของประชาชนคนไทย)
เพราะความผิดในฐานที่เป็น "ผู้ก่อการร้าย"
ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงมีกฏหมายฉบับใดที่กำหนดให้ผู้ก่อการร้ายบางคนสามารถ
ลอยนวลพูดจาปลุกระดมบิดเบือน
ทำร้ายทำลายบ้านเมืองได้อย่างเหิมเกริมเมามันทุกวัน
และมีกฏหมายฉบับใดเปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่พาผู้ก่อการร้ายหลบหนี
ให้ที่หลบซ่อนตัว โดยอำนาจรัฐไม่สามมรถอาจเอื่อมไปถึงจนกระทั้งทุกวันนี้
เพียงแค่ตามจับผู้ก่อการร้ายที่ใคร ๆ ก็รู้จักไมได้
แล้วจะฝากความหวังดูแลความสงบสุขพิทักษ์ราษฏร์ได้อย่างไร ???

ใน เมื่อ ศอฉ. จัดการกับพวกท่อน้ำเลี้ยงได้
แต่ทำไมจึงไม่สามารถจัดการกับกลุ่มคนที่ช่วยผู้ก่อการร้ายหลบหนี
ในเมื่อสงสัยว่าใครเป็นผู้สนับสนุนพาผู้ก่อการร้ายหลบหนี
หรือให้ที่หลบซ่อนตัว ด้วยอำนาจของ พรก. ภาวะฉุกเฉิน ศอฉ.
สามารถเรียกตัวผู้สงสัยเข้าพบรายงานตัว และสอบสวนสืบสวนได้อยู่แล้ว
ทำไมถึงไม่ลงมือทำ
ดีแต่ออกมาพูดว่ามีขบวนการพาผู้ก่อการร้ายหลบหนีและให้ที่หลบซ่อนตัว
อันเป็นการตอกย่ำ สร้างความชอกช้ำใจ
ให้แก่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศไทยได้งวยงงสงสัยเล่นเสียอย่างนั้น

ดัง นั้นในยุคนี้ ประชาชนคนไทยทั้งประเทศต้องรู้จักปลงเป็น
มิฉะนั้นจะเป็น "โรคเฉาการเมือง"
อันเป็นโรคที่เป็นอันตรายกับสุขภาพเป็นอย่างมาก
โดยรัฐยัดเยียดโรคนี้ให้กับคนไทยทั้งประเทศแบบไม่รู้ตัว
(ประเด็นนี้พูดจริง ๆ มิใช้พูดเล่น เหตุที่กล่าวหารัฐนำพาโรคนี้
เพราะนโยบายนิติรัฐชักเข้าชักออกนี้แหละ)

เอวังด้วยประการฉะนี้แล

ประชาชน
24 มิถุนายน 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น