...+

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ประเทศไทย จะไม่แพ้!

โดย สันติ ตั้งรพีพากร 25 พฤษภาคม 2553 13:03 น.

พลันเสียงปืนสงบลงที่สี่แยกราชประสงค์ มวลชนเสื้อแดงถูกส่งกลับภูมิลำเนา
แกนนำที่ถูกจับหรือมอบตัวถูกส่งเข้าที่คุมขังหรือ "บ้านรับรอง"
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศเดินหน้าทำ "โรดแมป"
พร้อมกับเร่งเยียวยาประเทศ
โดยเรียกร้องให้คนไทยทั้งชาติร่วมแรงร่วมใจกันทำ

ดูๆ คล้ายกับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะอยู่ยั้งยืนยง

แต่ความจริงตรงกันข้าม เพราะทันทีที่เสียงปืนสงบลง พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตรก็ส่งสัญญาณให้รู้กันทั้งโลกเลยว่า
ประเทศไทยจะเผชิญหน้ากับสงครามจรยุทธ์ ซึ่งหนีไม่พ้นพวกกองโจรเสื้อดำ
กลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่กับกลุ่ม นปช.

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า กลุ่มกำลังติดอาวุธเหล่านี้
ได้เคลื่อนไหวปฏิบัติการใช้อาวุธสงครามเคียงคู่กับการเคลื่อนไหวชุมนุมมวลชนของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.)ในลักษณะแอบซุ่มโจมตีอยู่ตลอดเวลา
เป็นผู้สร้างความเสียหายโดยตรงแก่ชีวิตทหาร ตำรวจ และประชาชน
นับตั้งแต่เริ่มการปะทะกันในวันที่ 10 เมษายน
และพากันสลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยภายหลังกำลังทหารบุกเข้ายึดพื้นที่การชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์
ที่ลงเอยด้วยการยอมจำนนของแกนนำ นปช. เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม

ตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่ปรากฏว่ามีกองกำลังกองโจรคนใดถูกเจ้าหน้าที่สังหารแม้แต่คนเดียว
แสดงว่า กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาปฏิบัติการทำสงครามกองโจรโดยเฉพาะ
ชำนาญทั้งทางการจู่โจมและล่าถอย

จึงคิดต่อไปได้ไม่ยากว่า เมื่อพวกเขาล่าถอยไปแล้ว
คงไม่ไปจับจอบจับไถทำสวนทำนา
หากแต่คงเคลื่อนไหวปฏิบัติการด้วยกำลังอาวุธแบบซุ่มซ่อนต่อไป
เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมืองของฝ่ายที่พวกเขาสังกัด
ซึ่งก็คงเป็นฝ่ายอี่นใดไม่ได้ ถ้าไม่ใช่กลุ่มการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร

จึงไม่แปลกที่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐบาลประสบความสำเร็จในการสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ทวิตเตอร์บอกใครๆ ไปทั่วว่า
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะต้องเจอกับสงครามจรยุทธ์
ซึ่งก็คือสงครามกองโจรนั่นเอง

หมายถึงว่า
แม้แผนการระดมมวลชนเข้ากรุงบีบให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาจะไม่ประสบความสำเร็จ
แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็พร้อมที่จะดำเนินแผนอื่นๆ อีกต่อไป
เพื่อแย่งยึดอำนาจคืนจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นั่นหมายถึงว่า ประเทศไทยยังต้องตกอยู่ในภาวะปั่นป่วนอีกต่อไป
คนไทยจะต้องพบกับความสูญเสียอีกมากมาย
จนกว่าความพยายามแย่งยึดอำนาจรัฐของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะหมดไป
ซึ่งตราบใดที่เขายังมีเงินสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่ม นปช.
และการทำสงครามกองโจรของกองกำลังติดอาวุธที่ซ่องสุมกันอยู่ทั่วไปทั้งในกรุงเทพฯ
และต่างจังหวัด ความพยายามของเขาก็จะยังไม่หมดสิ้นไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ยังคงทำได้เพียงแค่การประคับประคองสถานการณ์
หรือเยียวยาบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของฝ่ายทักษิณเท่านั้น
โอกาสที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับหายนะภัยอันใหญ่หลวงและรุนแรงกว่าที่ผ่านๆ
มา ก็มีมากขึ้น และเร็วขึ้นด้วย เมื่อนั้น
รัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่มีสิทธินำเสนอแผนปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยใดๆ
ได้เลยแม้แต่แผนเดียว
เพราะรัฐบาลจะมัวแต่สาละวนอยู่กับการรับมือการรุกโจมตีของฝ่ายทักษิณในทุกรูปแบบ
ในทุกแนวรบ เช่น การโจมตีด้วยข้อมูลข่าวสาร (เท็จและบิดเบือน)
ทางสื่อชนิดต่างๆ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ทั้งในและนอกประเทศ

ปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไม่ตก คือการทำงานของกลไกรัฐสำคัญ เช่น
กองทัพและตำรวจ ที่ยังคงด้อยประสิทธิภาพอย่างยิ่งอันเนื่องจากปัญหา
"เน่าใน" เพราะมี "ทหารแตงโม" และ "ตำรวจมะเขือเทศ" อยู่เป็นจำนวนมาก
ทำให้การสั่งการของรัฐบาลกลายเป็นหมัน บั่นทอนอำนาจรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ

ในสภาพเช่นนี้ ลำพังรัฐบาล เห็นทีจะ "เอาไม่อยู่"
ประเทศไทยก็จะตกเข้าสู่วังวนของความเป็น "รัฐล้มเหลว"
ตามความต้องการของฝ่ายทักษิณอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

แต่ถึงที่สุดแล้ว ในทัศนะของผม
ความพยายามของฝ่ายทักษิณจะไม่ประสบความสำเร็จ เหตุผลคือ
ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย เพราะรู้เช่นเห็นชาติถึงความชั่วช้าเลวทรามของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ยึดเอาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง
อีกทั้งความโหดเหี้ยมอำมหิตของเขาที่แสดงออกมาเมื่อครั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรี
มีการฆ่าตัดตอน และอุ้มฆ่าผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก
เป็นผู้จุดชนวนการระเบิดขึ้นของขบวนการก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
จนกระทั่งมีเหตุการณ์ยิงและวางระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน
สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของราชการและประชาชนอย่างใหญ่หลวงเกินกว่าที่คนไทยจะรับได้

เมื่อรวมเอาพฤติกรรมของกลุ่ม นปช.
ในการนำมวลชนเรือนแสนยึดสี่แยกราชประสงค์
สร้างเป็นฐานที่มั่นดำเนินการต่อสู้ทั้งเปิดเผยและลับๆ
ทั้งบนดินและใต้ดินที่ส่อไปในทางบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศไทย
มุ่งให้ประเทศไทยกลายเป็น "รัฐล้มเหลว" เพื่อเปิดทางให้ต่างชาติเข้าแทรก
ตามความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยแล้ว
ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ก็สุดที่จะทนต่อไปได้
ต่างพากันแสดงออกถึงความเกลียดชังในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว
ซึ่งมีแนวโน้มจะพัฒนาขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
หากมีวิกฤตทางการเมืองอันเกิดขึ้นจากน้ำมือของกลุ่มคนของฝ่ายทักษิณเมื่อใด
สภาวะจิตใจเช่นนี้จะแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ในบริบทเช่นนี้ สภาวะจิตใจของคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่เอาทักษิณ
ก็จะกลายเป็นตัวสะกัดกั้นการขยายตัวของอำนาจฝ่ายทักษิณอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งจิตใจเช่นนี้เอง จะเป็นตัวขัดขวางและทำลายฝันของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร อย่างถาวร

อีกทั้งผู้เขียนยังเชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
และผู้นำทางการเมืองในซีกรัฐบาลจำนวนหนึ่งจะสามารถสรุปบทเรียนและเรียนรู้ที่จะปรับแนวคิด
ทัศนะ และท่าทีของตนเอง ให้สอดคล้องกับสภาพเป็นจริง
ตระหนักถึงบทบาทของประชาชนในการต่อสู้เอาชนะฝ่ายทักษิณ
เรียนรู้ที่จะทำงานกับมวลมหาชน อาศัยพลังและอัจฉริยภาพของมวลมหาชน
ทั้งในการต่อสู้ทางการเมืองกับฝ่ายทักษิณ และการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น
เป็นเหตุปัจจัยของกันโดยตรง
เพราะตราบใดที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการต่อสู้ทางการเมืองกับฝ่ายทักษิณ
การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยก็ยากที่จะดำเนินไปได้

มองให้เห็นภาพใหญ่ เราจะพบว่า
การจัดระเบียบอำนาจสั่งการในระบบราชการ (หลักๆ
คือทหารแตงโมกับตำรวจมะเขือเทศ
หรือเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่ฝักใฝ่ในตัวทักษิณ
คอยให้การสนับสนุนและช่วยเหลือกลุ่ม นปช. อย่างลับๆ
ทั้งทางตรงและทางอ้อม) จะดำเนินไปได้อย่างลำบาก
ขณะที่การแสวงหาความสนับสนุนจากภาคประชาชนจะทำได้ดีกว่า

โดยนัยนี้ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะต้องเร่งจัดทำระบบ กลไก
และจัดวางกำลังคนขึ้นมารองรับการสนับสนุนของภาคประชาชน
ซึ่งจะต้องไม่ติดข้องกับเรื่องของสีเสื้อหรือคำนึงถึงแต่คะแนนเสียงเลือกตั้งแต่ประการใด

ก่อนอื่นใดจะต้องแสดงท่าทีที่เปิดกว้าง
ตอบรับการแสดงออกของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นแกนนำของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มีความตื่นตัวทางการเมืองสูงสุด
รักชาติรักสถาบันมากที่สุด
และมีจิตใจพร้อมที่จะสู้รบกับฝ่ายทักษิณมากที่สุด

ถ้าหากรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำได้ตรงนี้ ประเทศไทยก็จะไม่มีวันแพ้!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น