...+

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"ประเวศ" เตือนสติคนไทยอาจล้มตายได้ เพราะต่างความคิด แต่ชาติล่มสลายไม่ได้

ราษฎรอาวุโส เตือนสติคนไทยอย่าท้อถอย แม้ต่างความคิด
เปรียบชีวิตคนเสมือนหนึ่งองค์ประกอบของชาติที่อาจเจ็บป่วยและล้มตายได้
แต่ประเทศชาติจะล่มสลายไม่ได้ ยอมรับทุกยุคสมัย
อาจไม่สามารถรวมพลังเพื่อป้องกันเหตุมิกสัญญีได้ แต่สามารถรวมใจ
เพื่อเยียวยาประเทศในภายหลังได้ พร้อมเสนอแนวทางฟื้นฟู 5 ประการ

วันนี้ (26 พ.ค.) นายแพทย์ ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส
ได้เสนอบทความเรื่อง แนวทางการเยียวยาและฟื้นฟูบูรณะประเทศ
โดยมีใจความว่า ประเทศชาติก็เหมือนชีวิตร่างกายที่อาจเจ็บป่วย
หรือวิกฤตจนเข้าไอซียูได้ ต่างกันที่ชีวิตแต่ละชีวิตอาจตายได้
แต่ประเทศชาติตายไม่ได้ เหตุมิกสัญญีกลียุคที่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย
และการเผาผลาญบ้านเมือง ก่อให้เกิดความสะเทือนใจอย่างใหญ่หลวง
เรารู้มานานว่าเราไม่มีพลังป้องกันมิกสัญญี แต่เรามีพลังที่จะฟื้นฟูบูรณะ
เรื่องใหญ่ที่สุดของเรา คือ การเยียวยาและฟื้นฟูบูรณะประเทศ
และใช้โอกาสแห่งการเยียวยาและฟื้นฟูบูรณะประเทศขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่
อนาคตของเราร่วมกัน
สำหรับเฉพาะหน้านี้ข้อเสนอมาตรการในการเยียวยาและฟื้นฟูบูรณะ 5
ประการดังต่อไปนี้

1.ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสัจจะและสมานฉันท์ ( Truth and Reconciliation )

ต้องรู้ความจริงจึงสมานฉันท์ได้
ข้อมูลข่าวสารที่ออกมาจากฝ่ายต่างๆ
จะขัดแย้งไม่ลงตัวกันและไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน
จึงควรมีคณะกรรมการอิสระเพื่อแสวงหาความจริง
ต่างหากไปจากกระบวนการทางกฎหมาย ความจริงนี้เพื่อนำไปสู่การขอโทษ
(Apology) และการให้อภัย (Forgiveness)
การขอโทษและการให้อภัยเป็นพลังอันมหาศาลของมนุษย์เพื่อนำไปสู่การคืนดี
ในหนังสือชื่อ "Solving Tough Problems" โดย Adam Kahane
ปัญหาความรุนแรงในประเทศอื่นที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเราก็ยังแก้ได้
ในเรื่องนี้อาจต้องขอร้องให้ คุณอานันท์ ปันยารชุน
ซึ่งเคยเป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ
ที่แต่งตั้งโดยนายกฯทักษิณ รับเป็นประธาน

2.ทำให้ทุกชุมชนเป็นชุมชนไม่ทอดทิ้งกันทั่วประเทศภายใน 1 เดือน
ให้ทุก อบต.และเทศบาลจัดให้มีการสำรวจทั้งชุมชนให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์
ว่า ใครอยู่ในข่ายถูกทอดทิ้งบ้าง เช่น คนชรา คนจน คนพิการ เด็กกำพร้า
แล้วจัดให้มีอาสาสมัครดูแลหมดทุกคน รวมทั้งมีกองทุนสวัสดิการชุมชน
หรือกองทุนสุขภาพชุมชนที่ สปสช. อบต.(เทศบาล)
และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ออกสมทบ
องค์กรวิชาการต้องเข้ามาสนับสนุนอาสาสมัครให้ทำหน้าที่อย่างมีคุณภาพ
ควรกำหนดให้แต่ละจังหวัดมีมหาวิทยาลัยอย่างน้อยหนึ่งแห่งเข้าไปสนับสนุนความ
เข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น
โดยวิธีนี้จะเกิดเป็นสังคมไม่ทอดทิ้งกันเต็มประเทศภายใน 1 เดือน

3.สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ การไม่มีงานทำ การไม่มีรายได้
ทำให้ขาดความมั่นคงในชีวิตและเป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลกด้วย
ระบบเศรษฐกิจที่เอาจีดีพีเป็นตัวตั้ง
การมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่เป็นปัจจัยใหญ่ที่สุดของความร่มเย็นเป็นสุข
สัมมาชีพหมายถึงอาชีพที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม และมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้
คำว่าสัมมาชีพจึงรวมทั้งเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม ศีลธรรม และสิ่งแวดล้อม

ทิศทางและนโยบายของประเทศต้องมุ่งส่งเสริมการสร้างสัมมาชีพเต็ม
พื้นที่อย่างเป็นเอกภาพ ชุมชนท้องถิ่นคือผู้ปฏิบัติหลัก องค์กรอื่นๆ
ทั้งสิ้นต้องสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นให้สามารถสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่องค์กร
ภาคธุรกิจ อันได้แก่ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมไทย และสมาคมธนาคารไทย
พร้อมทั้งเครือข่ายในทุกจังหวัด
ควรเข้ามาสนับสนุนให้เกิดสัมมาชีพเต็มพื้นที่

4.ชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง-สร้างพระเจดีย์จากฐาน
ไม่มีพระเจดีย์องค์ใดสร้างได้สำเร็จจากยอด เพราะจะพังลงๆ
เนื่องจากไม่มีฐานรองรับ พระเจดีย์ต้องสร้างจากฐาน
ฐานที่แข็งแรงจะรองรับพระเจดีย์ให้มั่นคงยั่งยืน ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา
เราพัฒนาทุกอย่างที่ยอด จึงล้มเหลวและเป็นผลให้บ้านเมืองวิกฤต
ฐานพระเจดีย์ของสังคม คือ ชุมชนท้องถิ่น
ถ้าชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งทุกด้านก็จะรองรับสังคมทั้งหมดให้มั่นคงและยั่งยืน
เรามีตัวอย่างทั้งระดับหมู่บ้านและตำบลที่มีการพัฒนาอย่างบูรณาการด้วย
กระบวนการประชาธิปไตยทำให้การพัฒนา 8 เรื่องเชื่อมโยงกัน คือ
เศรษฐกิจ-จิตใจ-สังคม-วัฒนธรรม-สิ่งแวดล้อม-สุขภาพ-การศึกษา-ประชาธิปไตย
ชุมชนและท้องถิ่นใดที่พัฒนาอย่างบูรณาการทั้ง 8
เรื่องเกิดศานติสุขประดุจสวรรค์บนดิน
การสร้างศานติสุขประดุจสวรรค์บนดินนี้สามารถขยายตัวไปได้ทั่วทุกปริมณฑลของ
ประเทศ

อนึ่ง ผู้นำชุมชนท้องถิ่นที่เป็นคนดีๆและมีความสามารถมีจำนวนมาก
ถ้าเปิดโอกาสและส่งเสริมสนับสนุนอย่างเต็มที่
ผู้นำชุมชนท้องถิ่นที่เป็นคนดีๆและมีความสามารถจำนวนมากเหล่านี้จะร่วมกัน
เป็นพลังพาชาติออกจากวิกฤตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
เพราะฉะนั้นควรทำอย่างน้อยดังต่อไปนี้

(1) กระทรวงมหาดไทยที่ยังกุมอำนาจเหนือชุมชนท้องถิ่น
ควรปลดปล่อยชุมชนท้องถิ่นไปเป็นอิสระสามารถคิดเองทำเองให้เต็มตามศักยภาพ
กระทรวงเปลี่ยนบทบาทไปสนับสนุน

(2) ระบบต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ การศึกษา สุขภาพ ความยุติธรรม
การเมือง การปกครอง การสื่อสาร ฯลฯ
ไปเชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่นแบบเกื้อกูลหนุนช่วยซึ่งกันและกัน

(3) กำหนดให้แต่ละจังหวัดมีมหาวิทยาลัยอย่างน้อยหนึ่งแห่งเข้ามาสนับสนุนความ
เข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น
ถ้ามหาวิทยาลัยสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น ประเทศไทยจะเปลี่ยน
การศึกษาจะเปลี่ยน

5.สภาประชาชน - "สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา" - ปฏิรูปประเทศไทย
ประเทศวิกฤต เพราะขาดความเป็นธรรม
ต้องปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยให้เกิดความเป็นธรรมทุกด้าน
เรื่องนี้เป็นเรื่องยาก ไม่มีรัฐบาลใดทั้งในอดีต ปัจจุบัน
และอนาคตจะทำได้สำเร็จ
และเมื่อไม่สำเร็จวิกฤตการณ์ก็จะเกิดซ้ำซากและรุนแรงมากขึ้น ต้อง
"ออกแบบ" ในการทำงานที่มีพลังที่จะเขยื้อนเรื่องที่จะเขยื้อนได้ยากประดุจเขยื้อน
ภูเขาแบบนี้เรียกว่า "สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา" ซึ่งประกอบด้วย (1)
การสร้างความรู้ที่ตรงประเด็น (2) การขับเคลื่อนทางสังคม (3)
อำนาจรัฐเข้ามาบรรจบกัน อำนาจทั้ง ๓ นี้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือแม้ ๒
อย่างก็เขยื้อนเรื่องยากไม่สำเร็จ ที่แล้วมามักแย่งกันมีอำนาจรัฐ
ซึ่งนอกจากทำงานไม่สำเร็จแล้วยังแตกแยกรุนแรง
คุณทักษิณเป็นตัวอย่างของผู้มีอำนาจรัฐสูงสุดก็ไม่สามารถพัฒนาไปได้ตลอดรอด
ฝั่ง

สภาประชาชนตามที่หลายฝ่ายกำลังคิดควรเป็นอำนาจทางสังคมและทางความรู้
อย่าคิดไปมีอำนาจรัฐจะมีไปทำไมในเมื่อคนที่มีก็ยังทำไม่สำเร็จ
แต่สภาประชาชนควรเป็นอำนาจทางสังคมและอำนาจทางความรู้
สภาประชาชนควรเป็นการรวมตัวของประชาชนอย่างอิสระในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น
ตามพื้นที่ หรือตามประเด็น หรือตามอาชีพ
สภาประชาชนจะมีพลังต่อเมื่อได้รับการสนับสนุนทางวิชาการคือเรื่องข้อมูลข่าว
สาร ความรู้ และการสังเคราะห์ประเด็นนโยบาย
ฉะนั้นควรมีข้อกำหนดให้องค์กรทางวิชาการเข้ามาสนับสนุนสภาประชาชน

ต้องมีการกำหนดให้อำนาจรัฐรับข้อเสนอทางนโยบายจากสภาประชาชนไป
ปฏิบัติ ทั้งในระดับตำบล ระดับจังหวัด และระดับชาติ
ข้อเสนอใดดีและปฏิบัติได้ให้นำไปปฏิบัติทันที
ข้อเสนอใดดีแต่ยังไม่พร้อมปฏิบัติได้ให้นำไปทำรายละเอียดร่วมกันจนถึงขั้น
ปฏิบัติได้ ให้สภาประชาชนติดตามตรวจสอบและสนับสนุนให้อำนาจรัฐปฏิบัติตามนโยบายที่สภา
ประชาชนเสนอ โดยการทำงานร่วมกันใน "สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา"
นี้จะเป็นพลังสร้างสรรค์อย่างยิ่ง สันติอย่างยิ่ง
ไม่ต้องลงไปเป็นการเมืองบนท้องถนน
ซึ่งหลุดไปเป็นอนาธิปไตยได้ง่ายจะเป็นกลไกให้ทำเรื่องยากๆสำเร็จเป็นลำดับๆ
บ้านเมืองจะเป็นธรรมมากขึ้นๆ เกิดบูรภาพและดุลยภาพมีความมั่นคงยั่งยืน
เป็นสังคมศรีอาริยะหรือสังคมศานติสุข

ทั้ง 5 ประการที่เสนอมานี้อาศัยแนวคิด "มัชฌิมาปฏิปทา"
ไม่แยกข้างแยกขั้วไม่เป็นปฏิปักษ์ ไม่โค่นล้ม
เป็นสันติวิธีที่คนไทยเอาหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์เข้ามาทำงานร่วมกัน
ในเรื่องที่ยากต้องอาศัยการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ ( Interactive
learning through action ) จึงจะสำเร็จ

มาตรการทั้ง 5
ประการที่เสนอนี้ล้วนอยู่บนฐานของการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ

ในการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัตินี้
เมื่อทำไปๆสิ่งหนึ่งจะผุดบังเกิดขึ้น คือ ความเชื่อถือไว้วางใจกัน
(Trust) ความเชื่อถือไว้วางใจกันเป็นทุนอันยิ่งใหญ่เพื่อความสุขและความสำเร็จที่
เงินเท่าใดๆก็ซื้อไม่ได้ แต่เกิดจากการทำงานร่วมกันด้วยใจ

เพื่อนคนไทยครับ แนวทางการพัฒนาด้วยแนวคิด "มัชฌิมาปฏิปทา"
นี้เมื่อเข้าใจให้มากปฏิบัติให้มากก็จะขยายพื้นที่แห่งสันติ-อหิงสา
และจำกัดพื้นที่แห่งวิหิงสาไปโดยปริยาย ประเทศไทยมีทรัพยากรต่างๆมากมาย
ถ้าเราใช้แนวคิด "มัชฌิมาปฏิปทา" มาใช้ในการพัฒนา
ไม่เป็นการยากเลยที่คนไทยจะสร้างอนาคตที่ดีของเราร่วมกันและสร้างประเทศไทย
ให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น