แต่เขานั้นก็นับได้ว่าเป็นผู้ที่เพรียบพร้อม
เขามีลูกชายที่ดีและแข็งแรง และมีม้าที่ดีอยู่ 1 ตัว
..
ม้าตัวนี้สามารถทำงานได้ทุกอย่าง ทั้งเดินทาง ขนของ
แม้กระทั่งทำนา .....
เพื่อนบ้านของเขาต่างก็ชื่นชมชายชราที่มีพร้อมสรรพ
...
อยู่มาวันหนึ่ง จู่ๆม้าที่แสนจะรู้ใจ และทำงานได้สารพัดอย่าง
ได้เตลิดหนีไปจากคอกของชายชรา
แน่นอนว่า เมื่อม้าหายไป ชายชราก็ไม่มีม้าเหลือเลยสักตัว
..
เมื่อเพื่อนบ้านของเขาทราบข่าว ก็มาหาชายชรา และกล่าวว่า
ท่านนี้ช่างโชคร้ายจริงๆ อยู่ดีๆม้าก็มาหายไปเช่นนี้
..
ชายชราได้ยินก็บอกว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นโชคร้าย
....
หลังจากม้าหายไป 1 สัปดาห์ ม้าของชายชราก็กลับมา
มันหิวโหย ไม่ถนัดอยู่ในป่า และได้พาเพื่อนม้ามาอีกถึง 12 ตัว
ชายชราจึงมีม้าเลี้ยงเพิ่มขึ้นจากตัวเดียวเป็น 13 ตัวเลยทีเดียว
..
แน่นอนว่า พอเพื่อนบ้านทราบข่าวก็มายินดีกับชายชรา
ท่านนี้ช่างโชคดีเสียเหลือเกิน
ชายชราก็ถามเพื่อนบ้านกลับว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่าโชคดี
...
2 เดือนต่อมา บุตรชายคนเดียวของชายชรากำลังจะขี่ม้า
ไปซื้อของยังเมืองข้างๆ เมื่อออกจากป่า
ม้าก็สะบัดบุตรชายของเขาตกจากหลังม้า ขาหัก
และชายหนุ่มต้องขาพิการตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
...
เมื่อเพื่อนบ้านทราบข่าว ต่างก็มาแสดงความเสียใจกับชายชรา
เพราะเป็นบุตรชายคนเดียวและเป็นที่พึ่งของชายชรา
ท่านนี่ช่างโชคร้ายเสียจริงๆ
ชายชราก็ถามเพื่อนบ้านด้วยประโยคเดิมว่า
ท่านรู้ได้อย่างไรว่านี่คือโชคร้าย
....
เวลาผ่านไป 1 ปี ประกาศเกณฑ์กำลังพลคนหนุ่มไปเป็นทหาร
ไปรบกับข้าศึก ชายหนุ่มในหมู่บ้านถูกเกณฑ์ไปจนหมด
เหลือเพียงเด็ก คนแก่ และผู้หญิง
คนหนุ่มคนเดียวที่ไม่ถูกเกณฑ์ไปรบ
ก็คือ บุตรชายขาพิการของชายชรา นั่นเอง
ครั้งนั้นทัพจีนพ่ายแพ้ ทำให้ชายหนุ่มที่ถูกเกณฑ์ไปรบ
ต้องเสียชีวิตทั้งหมด สร้างความเศร้าโศกเสียใจ
ให้กับคนในหมู่บ้านเป็นยิ่งนัก
......
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เราหามีทางรู้ไม่ว่า เหตุการณ์ไหนเป็นโชคดี
หรือเป็นโชคร้ายที่แท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น