...+

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

ระบอบทักษิณ โกหกเก่งอย่างนี้ ใครจะพิทักษ์ โปรดรักษาตัวให้ดี

โดย ไทยทน 1 มีนาคม 2553 16:46 น.
การพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ก็ผ่านไปแล้ว ทำให้ประชาชนได้รับความรู้มากมาย
มีข้อมูลที่ชัดเจนครบด้านทั้งฝ่ายผู้ร้อง และฝ่ายคัดค้าน
ตลอดจนผลการวินิจฉัยที่ใช้หลักฐาน และเหตุผลอย่างโปร่งใส
คนส่วนใหญ่ก็เห็นว่า มีความโปร่งใส เป็นธรรม ยุติธรรม เที่ยงธรรม
และมีเมตตาธรรม

แต่กระนั้นก็ยังมีความพยายามสร้างความปั่นป่วน นำโดย พล.อ.ชวลิต
พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง
ที่จะพยายามเรียกร้องให้ประชาชนมาชุมนุมใหญ่ หวังว่าจะมีคน
"แดงทั้งแผ่นดิน" มารวมกันเป็นล้านคน ในวันที่ 12-14 มีนาคมนี้ เห็น
พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า "ปัญหา 2 มาตรฐานถึงขีดสุด"
"ต้องการประชาธิปไตยดังที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ
ได้ทรงมีปณิธานที่จะสละพระราชอำนาจให้แก่ปวงชนชาวไทย" ไทยทนไม่กล้าตีความ
หรือขยายความ ว่าก้าวล่วงอำนาจศาลหรือไม่? หรือเลยเถิดไปขนาดไหน?

แต่ไทยทนอยากจุดประกายความคิดกับผู้ที่ยังคิดว่า
อยากจะมาร่วมกับระบอบทักษิณ ว่า "ยังเห็นไม่ชัดอีกหรือ?" ถึงการโกหก
หลอกลวง กล่าวเท็จ ปากประชาธิปไตยแต่หัวใจเผด็จการ
ปากอ้างสันติแต่ใช้แต่วิธีรุนแรง ปากว่า "รวยแล้วไม่โกง"
แต่หลักฐานพิพากษาชัดแล้วว่า "รวยแล้วยิ่งโกง"
และอาจเป็นการพิสูจน์ว่าเป็นผู้ "รวยด้วยการโกง" มาตลอด แล้วถ้าจะมาร่วม
ก็ลองใคร่ครวญดูประเด็นต่างๆ ว่า ถ้าโกหก หลอกลวง กล่าวเท็จ เก่งอย่างนี้
แล้วท่านจะมาเสี่ยงภัยมาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้
"ยอมเสียสละได้แม้ประเทศชาติ เพียงเพื่ออำนาจและทรัพย์สินของตัวเอง"
เสมอมาอีกแค่ไหน? เท่าที่ไทยทนประมวลดูเป็นเบื้องต้น
หลักฐานการโกหกเพื่อตนเองมีมากมายจนน่ากลัว ดังนี้

1. ปากกล้า แต่ครอบครัวข้าไปก่อน : ในช่วงเดือนเมษายน 2552
ก่อนเหตุการณ์ทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ทักษิณใช้คำว่า
"วันใดเสียงปืนแตก ท่านจะกลับมานำประชาชน" แต่ก่อนก่อความวุ่นวาย
ครอบครัวบินหนีออกไปเสียก่อน มีการเอารถแก๊สมาตั้ง ทำให้คนมากมายหวาดกลัว
เผารถเมล์ เผายางทำให้บ้านเมืองเกิดบรรยากาศลุกเป็นไฟ
โดยเฉพาะไปทำบริเวณพระบรมรูปทรงม้า
ตั้งใจทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวไทยไปสู่สายตาคนจะมาเที่ยวจากทั่วโลก
โดยเฉพาะไปทำบริเวณ พระบรมรูปทรงม้า ตั้งใจทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวไทย
และบรรยากาศสงกรานต์ที่เป็นความสุขของคนไทย
?ร้องให้ประชาชนและบรรยากาศสงกรานต์อันเป็นการจงใจทำลายความสุขของคนไทย
ก็เพียงเป็นการยอมเสียสละได้แม้ความสุขของประชาชนไทยส่วนรวม
เพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น!

2. กระบวนการ "หาศพ" สะท้อนแผนการที่เลือดเย็นต่อคนของตัว :
มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างความวุ่นวายระดับ "เผาบ้านเผาเมือง"
ยั่วยุให้ต้องมีการปราบปรามประชาชน การบอกว่า "วันใดเสียงปืนแตก
จะกลับมา" สะท้อนว่า ถ้ารุนแรงถึงขั้นหนึ่งแล้ว
ฝ่ายรักษาความสงบคงต้องยิงทำร้ายประชาชน
จนประชาชนมีความโกรธร่วมกันถึงจุดที่ท่านกลับมาได้เช่นนั้นหรือ?
ไม่โหดกับคนที่ออกมาช่วยท่านหรอกหรือ?

และหลังจากนั้น ก็มีกระบวนการควาญหาศพ แต่ต้องเสียใจที่ไม่มี
ขนาดสื่อมวลชน และพรรคพวกคนเสื้อแดง เตรียมกล้องกันมากมาย
เพื่อหาหลักฐานการใช้ความรุนแรง แต่การ "ไม่มีศพ"
ตามท้องเรื่องที่เตรียมไว้ ก็จึงทำให้เดินหน้าต่อไม่ได้ใช่หรือไม่?
การคิดเตรียมตัว "หาศพ" ขนาดนี้
สะท้อนความเลือดเย็นที่ท่านมีต่อคนที่รักท่านเพียงใด?
3. ระเบิด M-79 หรือ M-67 ทั้งหลาย อยู่ข้างคนเสื้อแดง :
แม้จะยังไม่ง่ายที่จะหาตัวคนยิงระเบิด M-79 หรือปาระเบิด M-67 หลายครั้ง
แต่สังเกตได้ว่า ระเบิดเหล่านี้ อยู่ข้างคนเสื้อแดงเสมอ
การยิงเข้าใส่การชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบฯ ที่ดอนเมือง
แม้กระทั่งล่าสุดที่บริเวณสนามหลวง การยิงอาคารในกองทัพบก
การยิงหลงเข้าไปในบริเวณพาณิชยการพระนคร
ก็ดูเป็นจังหวะสอดคล้องกับสิ่งที่กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการ คือการข่มขู่
เป้าหมายการวางระเบิด เช่น ธนาคารกรุงเทพ ก็ชัดเจนว่า
ต้องการเชื่อมโยงเรื่องอะไร? เป็นการโจงใจถล่มเพื่อข่มขู่ฝ่ายใด?

4. ชวนคนเสื้อแดงมา "สู้" หรือชวนคนเสื้อแดงมา "ตาย" :
เท่าที่สังเกตการณ์ชุมนุมคนเสื้อเหลือง
จะกลัวการใช้อาวุธยิงเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุมมาก
พยายามชุมนุมในบริเวณที่พอจะรักษาความปลอดภัยได้ ไม่เคยกล้าไปที่เปลี่ยวๆ
ท้าทายผู้มีอำนาจหรอก แต่คนเสื้อแดง กล่าวยั่วยุมากมาย
ชักชวนคนไปท้าทายผู้มีอำนาจที่เขายายเที่ยง เขาสอยดาว
ไปชุมนุมที่เปลี่ยวๆ อย่างที่เขาใหญ่ หาความปลอดภัยยากแต่ก็ทำ
หวังความรุนแรงหรือไม่?

5. ความล้มเหลวจากครั้งที่แล้ว จะต้อง "โหด" หรือต้อง "เลว"
มากขึ้นหรือไม่? : เมื่อประเมินความล้มเหลวจากครั้งที่แล้ว
สิ่งที่ระบอบทักษิณต้องพ่ายแพ้คือ รัฐบาลไม่ได้ใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา
ไม่ได้เห็นแก่อำนาจยิ่งใหญ่ของตัวเหนือความสวัสดิภาพของพี่น้องคนไทย
รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้คิดเหมือนรัฐบาลทักษิณจนเกิดเหตุสะเทือนใจกรณีกรือเซะ
หรือตากใบ การนัดชุมนุมครั้งที่แล้ว จึงไม่มีศพอย่างที่ต้องการ
แต่ความรุนแรงก็ถึงขั้นที่ม็อบคนเสื้อแดงต้องต่อสู้กับประชาชนที่ไม่ต้องการ
ความเดือดร้อน แล้วคนในกลุ่มเสื้อแดงกลับไปยิงประชาชนที่มาขัดขวางในชุมชนนางเลิ้งจนเสีย
ชีวิตไป 2 คน

ครั้งต่อไปประชาชนในพื้นที่ที่ไม่ต้องการความเดือดร้อนเขาจะรอให้ถูก
ยิงหรือ? จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ จะเสี่ยงมากขึ้นหรือไม่?
ครั้งนี้นายอริสมันต์ถึงกับเปิดประเด็นให้คนล้านคน เอาขวดแก้ว 1 ลิตร
หรือ 750 cc มาใส่น้ำมันคนละขวด มาเผากรุงเทพฯ
คนที่เขาอยู่อย่างสงบในเมืองกรุง เขาจะรอให้ถูกเผาหรือเปล่า? ใครๆ ก็เห็น
ท่านเป็นคนเด็ดขาด ต้องมีอำนาจเหนือทุกคน มองสถานการณ์เป็นการรบ
เรามักจะได้ยินว่า การฆ่าตัดตอน ปัญหากรือเซะ และตากใบ
ต้องสูญเสียชีวิตไปบ้าง ก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย (อะไร?)

6. "จัดฉากเก่ง" ขนาดนั้น ครั้งนี้จะ "ทำเอง" หรือไม่? : ปัญหาคือ
เพื่อแก้จุดอ่อนครั้งที่แล้วที่ไม่มี "ศพ"
อย่างที่ตัวเองอยากเห็นเพื่อจุดประเด็นต่อ ครั้งนี้จะ "ทำเอง" คือ
"สร้างศพ" เองหรือไม่?

ดูเหมือนฉากการจับกุมวิศวกรที่เขมร
จะมีการจัดเรื่องราวกันราวกับในกองถ่าย
วิศวกรรายงานต่อเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ฮุนเซนโกรธจัดจับขังคุก
ทักษิณ-ชวลิตสวมบทพระเอกใช้ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมช่วยเจรจา
แม่หลั่งน้ำตาขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือ
แม่ลูกไม่ยินดีสู้คดีเพื่อพิทักษ์ศักดิ์ศรีของประเทศและของตัว
แต่ยอมรับความผิดทุกอย่าง แต่ขอใช้ความสัมพันธ์ของ ทักษิณ-ชวลิต-ฮุนเซน
ขอพระราชทานอภัย

ทุกฉากทุกตอนทุกตัวละคร
ดูเหมือนควบคุมกำกับได้ราวกับอยู่ในโรงถ่าย เว้นแต่ฉากที่ดูแปลกๆ คือ (ก)
ได้รับพระราชทานอภัยก่อนหนังสือขอพระราชทานอภัยไปถึง (ข)
ฮุนเซนจูงมือวิศวกรออกมาอย่างยิ้มแย้มสนิทสนม (ค)
วิศวกรยินดีกลับไปทำงานที่เขมร ทั้งๆ ที่เกือบต้องติดคุก 7 ปี
จากการส่งข้อมูลตารางการบินซึ่งก็ต้องส่งอยู่แล้วตามหน้าที่
มิได้เป็นการจารกรรมข้อมูลความลับทางราชการแต่อย่างใด แต่เมื่อทราบว่า
ครอบครัวของวิศวกรรู้จักสนิทสนมกับ
พ.ต.ท.ทักษิณเคยทำธุรกิจภาพยนตร์ด้วยกันมา ก็ทำให้เข้าใจกันได้ชัดขึ้นว่า
มิน่าเล่า จึงดูคล้ายเป็นฉากภาพยนตร์หรือฉากละครเหลือเกิน

สิ่งที่น่ากลัว คือ ฉากที่ต้องการซึ่งครั้งที่แล้วไม่ได้ คือ ฉาก
"หาศพ" จะทำให้ท่านเลือดเย็นถึงขั้น "จัดฉาก" เองหรือไม่?
จะได้เป็นฉากที่ครบถ้วนอย่างที่ต้องการ คิดแล้วก็น่ากลัวจริงๆ

แล้วท่านที่คิดจะมาสวมเสื้อแดง จะมาเป็นเหยื่อแห่งความรุนแรง
มาเสี่ยงชีวิตทำไม?
เพื่อคนที่ไม่ได้ห่วงใยความปลอดภัยของท่านเลยเช่นนี้หรือ?

7. ท่านตั้งใจมาช่วยวีรบุรุษกู้ชาติจากวิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 หรือ?
: หลายคนยังหลงเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้กู้ชาติจากวิกฤต 2540
...แต่จริงหรือ? ทั้งๆ ที่รัฐบาลที่กู้ IMF ก็คือรัฐบาลชวลิต
ซึ่งท่านทักษิณสนับสนุนมาโดยตลอด โดยลงนามกู้เงินในวันที่ 14 สิงหาคม
2540 และท่านก็เข้าไปเป็นรองนายกฯ ในวันที่ 15 สิงหาคม 2540
และก่อนหน้านี้ ท่านก็ส่ง นายทนง พิทยะ เป็นรัฐมนตรีคลังเพียงประมาณ 1
สัปดาห์ก่อนลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งเสนาะกล่าวหาว่า จากวิกฤตต้มยำกุ้ง
ท่านรวยเพราะค่าเงิน เหมือนเผาบ้านเมืองเอาประกัน
และทักษิณมักจะฟ้องผู้ใส่ร้ายท่านเสมอ
แต่ไม่เคยฟ้องหมิ่นประมาทเสนาะเรื่องนี้เลย

8. ท่านตั้งใจมาช่วยทักษิณ เพราะเป็นผู้นำรัฐบาลที่ "ไม่กู้เงิน"
หรือ? : ยุครัฐบาลชวลิต ที่ท่านเข้าเป็นรองนายกฯ
ก็สร้างหนี้รัฐโดยรับหนี้เอกชนจาก 56 ไฟแนนซ์เป็นหนี้รัฐ
"หลายแสนล้านบาท" ในยุคท่าน ทั้งสร้างหนี้ภาคประชาชนเพิ่มเติม
ซ่อนหนี้เพิ่มเติม เช่น กองทุนศูนย์ราชการ
ก็ซ่อนหนี้ในรูปภาระการจ่ายค่าเช่า กองทุนวายุภักษ์
ก็ซ่อนภาระในการซื้อคืนกองทุนใน 10 ปีข้างหน้า ฯลฯ นอกจากนั้น
ท่านยังขายและพยายามขายทรัพย์สินชาติมากมาย เช่น หุ้น ปตท. หุ้น กฟผ. ฯลฯ
อีกด้วย

9. ท่านตั้งใจมาช่วยทักษิณ เพราะเป็นผู้นำที่รักษาประชาธิปไตย
ต่อต้านเผด็จการ : ท่านอ้างว่าต่อต้าน คมช. ทั้งๆ
ที่รัฐบาลขิงแก่ก็ลงจากอำนาจแล้ว แต่จริงๆ ท่านเคยขอสัมปทานจากเผด็จการ
รสช. และเมื่อท่านมีปัญหา ท่านก็หารือพลเอกสุจินดา
ตอนท่านเป็นรัฐบาลไม่เคยตอบการซักฟอก และกระทู้ของสภา
ยุบสภาหนีการอภิปราย ใช้อำนาจรัฐกดดันหน่วยงานตรวจสอบ
และบิดเบือนครอบงำอำนาจองค์กรอิสระวางตัวเหนือกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
"ซุกหุ้น" เลี่ยงรัฐธรรมนูญอย่างจงใจ ทั้งๆ ที่เคยแก้ตัวว่า
"บกพร่องโดยสุจริต"

ทำร้ายการชุมนุมของประชาชนที่มาอย่างสงบด้วยการใช้ความรุนแรงถึง
ชีวิต แต่กลับยุยงผู้คนที่มาชุมนุมให้สร้างความวุ่นวายจากต่างประเทศ
โดยครอบครัวหนีไปก่อน
แล้วใครจะรับผิดชอบดูแลคนเสื้อแดงที่ออกมาด้วยใจบริสุทธิ์ ท่านอ้างว่า
"วันใดเสียงปืนแตก ท่านจะกลับมานำประชาชน" แล้วท่านอยู่ไหนครับ
มันวุ่นวายน้อยไปหรือครับ มันไม่มี "ศพ"
อย่างที่ท่านวางโครงเรื่องไว้หรือครับ ท่านจึงยังไม่กลับมา

ตอนท่านเป็นรัฐบาล ไม่ยอมเปิดโอกาสให้มีรายการ
"ฝ่ายค้านพบประชาชน" ตอนพรรคพวกท่านเป็นฝ่ายค้าน
ฝ่ายรัฐบาลเปิดให้มีรายการลักษณะนี้กลับไม่ยอม จะพูดอะไรต้องขอพูดคนเดียว
มีการโต้แย้งด้วยหลักฐานและเหตุผลไม่ได้

ท่านจัดกลุ่มกำลังไม่ให้มีการเข้าพื้นที่เป้าหมายของท่านเข้าไปชี้
แจงประชาชนเพื่อหาเสียง อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตย
ซึ่งจะต้องมีระบบตรวจสอบและคานอำนาจได้อย่างไร?

10. ท่านตั้งใจมาช่วยทักษิณ เพราะเป็นคนทำธุรกิจเก่ง
มาช่วยชาติแบบ "รวยแล้วไม่โกง" หรือ? : หลายท่านคงเคยนิยมในตัวท่าน
เพราะเห็นภาพว่าเป็นคนทำธุรกิจเก่ง มาช่วยชาติแบบ "รวยแล้วไม่โกง"
แต่บัดนี้ก็คงเห็นชัดเจนแล้วว่าที่รวยมา ก็เพราะการซื้ออำนาจรัฐ
และเอาอำนาจรัฐมาเอื้อธุรกิจของตนเอง คำพิพากษามีความชัดเจน ซุกหุ้นจริง
ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ของตนเองจริง
ทั้งเรื่องการแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพาสามิต
และให้ภาครัฐรับภาระ ลดส่วนแบ่งรายได้ภาครัฐในระบบพรีเพด การแก้ไขสัญญา
ปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) กรณีอนุมัติโครงการยิงดาวเทียม
IP STAR

การอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทาน การอนุมัติให้ใช้เงินค่าสินไหมทดแทน
ดาวเทียมไทยคม 3 ไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศ เอื้อประโยชน์ บ.ชินคอร์ป
และ บ.ชินแซทเทลไลท์ จำกัด และกรณีอนุมัติให้รัฐบาลสหภาพพม่า
กู้เงินธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์
เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การพัฒนาระบบโทรคมนาคมของพม่า จาก บ.ชินแซทฯ
ก็ล้วนแต่ใช้อำนาจรัฐเบียดบังประโยชน์ของรัฐไปเป็นของตัวตั้งมากมาย

จะว่าไป ต้องตั้งคำถามด้วยซ้ำว่า "มีธุรกิจอะไรบ้าง
ที่แข่งขันอย่างเป็นธรรม แล้วทักษิณทำได้ประสบความสำเร็จบ้าง?"
ทักษิณเคยบอกเองว่าธุรกิจอย่าง ระบบพีโอเอส ระบบบัสซาวด์ ก็ล้มเหลว
ไปลงทุนชินฯ อินเตอร์ฯ ในต่างประเทศก็ล้มเหลว ธุรกิจเคเบิลทีวีแค่ 2
รายก็ไปไม่ไหว ดาวเทียมได้รับการสนับสนุนภาครัฐมากมายก็เกือบยังแข่งขันไม่ค่อยได้
การไปลงทุนในดูไบก็ดูเป็นการลงแบบแมงเม่าเข้าตอนลูกโป่งอสังหาริมทรัพย์ที่
ดูไบใกล้ระเบิด การลงทุนเหมืองเพชรก็ไม่เห็นการดำเนินการจริง
ด้วยน่าจะเป็นกระบวนการฟอกเงินมากกว่า
ไม่มีธุรกิจแข่งขันอะไรที่ท่านทำได้ดีเลย นอกจาก "ธุรกิจการเมือง"
ในเมืองไทย ที่ซื้ออำนาจ
แล้วเอาอำนาจมาเอื้อประโยชน์ตัวเองบนภาระของประชาชนและประเทศชาติ

เห็น อย่างนี้แล้ว
เราคนไทยจะตกเป็นเครื่องมือออกมาสวมเสื้อแดงเพื่อร่วมกระบวนการป่วนบ้านป่วน
เมือง "ยอมเสียสละความสุขส่วนรวม เพื่ออำนาจคนบางคน" คือ ทักษิณ
ผู้ที่แสดงให้ทุกคนเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เป็นผู้ที่ยอม
"สละชาติเพื่อชีพ" เสมอมาจริงๆ หรือครับ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น