...+

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

มองไปในเบื้องหน้า โดยชาตา พลาพิไชย ในกรณีมีการยุบสภา

ถ้ามีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ตามความต้องการของทักษิณกับคนเสื้อแดง
จะเกิดปรากฎการณ์ 10 อย่าง ดังนี้

1.พรรคเพื่อไทย กับพรรคที่จัดตั้งโดยเงินของทักษิณ(เช่นพรรค นปช.)
เชื่อว่าพวกตนจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นเสียงข้างมาก
สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
หรือหากจำเป็นต้องผสมกับพรรคอื่นๆที่มิใช่ประชาธิปัตย์เพื่อผูกมิตร
พรรคเหล่านั้นจะไม่มีสิทธิเสียงใดๆ
นอกจากเก้าอี้รัฐมนตรีในบางกระทรวงที่แจกให้เป็นกระดูก
เพื่อกลบเสียงเห่าหอน

2.เมื่อได้ตัวประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว
จะให้มีการออกกฏหมายนิรโทษกรรมทุกเรื่องทั้งทางแพ่งและอาญาแก่ทักษิณกับครอบครัว
เพิกถอนคำพิพากษาทุกคดี และคืนทรัพย์สินที่ถูกอายัด
ถูกสั่งยึดทรัพย์กลับคืนครอบครัวจันทร์ส่องหล้า
ถ้าด่วนมากก็ออกเป็นพระราชกำหนด
จากนั้นค่อยเข้ารัฐสภาเพื่อยกระดับเป็นพระราชบัญญัติ

3.แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ให้นายกรัฐมนตรีเข้าไปมีอำนาจจัดการกับพระราชบัลลังก์โดยตรง
และอื่นๆตามที่ทักษิณเคยแสดงความจำนงมาก่อนหน้านี้
เช่นสามารถทำสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับต่างชาติได้โดยใช้อำนาจด้านการบริหารประเทศเพียงซีกเดียวทุกเรื่อง
ไม่ต้องให้รัฐสภาเข้าเกี่ยวข้องตรวจสอบและรับรองการทำสัญญาหรือสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
ดึงอำนาจการให้สัมปทานทุกชนิดมาอยู่ในมือนายกรัฐมนตรี
ยกเลิกศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ยกเลิกปปช.ยกเลิกศาลปกครอง ฯลฯ

4.ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีบริหารงบประมาณของประเทศได้เอง ไม่ต้องผ่านรัฐสภา
ให้สิทธินายกฯจัดสรรเงินงบประมาณไปตอบแทนเสื้อแดงตามที่เคยลงแรงต่อสู้เพื่อให้ทักษิณกลับคืนสู่อำนาจ
เหลือเท่าไรจะจัดสรรให้จังหวัดที่แดงโร่ทั้งจังหวัด
ส่วนจังหวัดที่ไม่มีแดงเลย จะไม่ได้รับการปันงบประมาณ
จังหวัดที่มีแดงน้อยมาก
ให้เสื้อแดงย้ายออกไปอยู่จังหวัดอื่นเพื่อเพิ่มเลือดแดง
ทำให้การแบ่งสรรงบประมาณง่ายขึ้น

5.พวกเสื้อเหลืองหรือบุคคลใดๆที่ไม่ยอมรับทักษิณ
จะต้องได้รับการตรวจสอบทั้งทางแพ่ง อาญา การเสียภาษี การดำเนินธุรกิจ
บัญเงินเงินฝาก บัญชีหนี้สิน ชีวิตครอบครัว
ทักษิณจะจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
หรืออาจเพิ่มอำนาจปปง.กับกรมคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ให้ดำเนินการประเภทนี้
(เช่นเดียวกับแม่ค้าซอยละลายทรัพย์สีลม
ที่เคยแสดงความกล้าหาญว่ากล่าวทักษิณขณะเดินหาเสียงในเขตนั้น
ถูกทักษิณในช่วงที่ยังมีอำนาจส่งทั้งสรรพากรและตำรวจเข้าตรวจสอบทุกตารางนิ้วของการทำธุรกิจ)

6.องคมนตรี แกนนำกลุ่มพันธมิตร พรรคการเมืองใหม่ ผู้พิพากษาศาลฎีกา 2
คนที่มีคำพิพากษาส่วนตนให้ยึดทรัพย์ทั้งหมดของทักษิณ
บางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายเทพไท ที่เคยด่าทอว่า
ทักษิณตั้งฟาร์มเลี้ยงสุนัข
โยนกระดูกให้แกนนำแดงเพียงชิ้นสองชิ้นทำให้เกิดการทะเลาะใหญ่โตระหว่างก่อม็อบเดือนมีนาคม
2553 คนเหล่านี้จะถูกนำขึ้นศาลกลางม็อบเสื้อแดงเพื่อพิพากษาชะตาชีวิต

7.สื่อมวลชนที่มิใช่สีแดง ต้องยุบทิ้ง ถือเป็นกบฎต่อแผ่นดิน
แต่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้
หากเจ้าของหรือบก.พิสูจน์บุญบารมีได้ว่าสามารถรอดคมห่ากระสุนเอ็ม16
กว่า200นัด เอ็ม79อีก3-4นัดกลางสี่แยก นายสนธิ ลิ้มทองกุล
แกนนำพันธมิตรที่เคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว ควรต้องพิสูจน์ตนอีกรอบ

8. ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารพาณิชย์ถ้าถูกเข้าใจว่าเป็นเสื้อเหลือง
ต้องขายทิ้งกิจการแก่กลุ่มชินวัตรหรือพรรคพวกของชินวัตร
หรือยอมเปิดข้อมูลภายในแก่ทักษิณเพื่อความสะดวกต่อการซื้อขายเก็งกำไรหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
และหากอยากได้เงินกู้โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ต้องการเท่าไร
ต้องจัดหาให้เท่านั้น ไม่มีสิทธิบิดพลิ้ว
มิฉะนั้นจะมีระเบิดน้อยใหญ่ไปลงตามสำนักงานต่างๆ

ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย
จะต้องให้ข้อมูลแก่นายกรัฐมนตรีเพื่อเพิ่มโอกาสในการเก็งค่าเงินบาท
ไม่ต้องรอสุนัขรับใข้คาบมาบอกเหมือนเมื่อเกลางปี2540

9.รัฐมนตรี และผู้บริหารทุกหน่วยราชการ ต้องคลั่งไสยศาสตร์
แก้เคล็ดด้วยเลือดด้วยขี้ เก่งในการโกหกปลิ้นปล้อน ผีพนัน
ผิดลูกผิดเมียผิดผัว เป็นหนี้สินสูง ไม่รู้จักพอทางการเงินและกามราคะ
มีความสถุลในทุกเรื่อง ฉ้อฉลทุกรูปแบบ เนรคุณพ่อแม่ สั่งให้ฆ่าต้องฆ่า
สั่งให้ทำลายต้องทำ
เคยสั่งทหารไปตายนับไม่ถ้วนในการรบกับลาวแล้วทำเป็นอัลไซเมอร์
เลวทรามต่ำช้าเพียงไรจะได้ตำแหน่งสูงเพียงนั้น
(ยกเว้นตำแหน่งผู้นำสูงสุดที่ทักษิณจอง )

10.ออกกฏหมายว่า ทักษิณจะตายเสียมิได้
เพราะประชาชนโดยเฉพาะเสื้อแดงจะว้าเหว่
ไม่ได้รับความยุติธรรมเพียงมาตรฐานเดียวจากทักษิณ ส่วนลูกหลานของทักษิณ
ได้รับการปกป้องทางกฎหมาย ห้ามแตะต้อง ห้ามวิจารณ์ และห้ามเรียกเก็บภาษี
ชาตา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น