...+

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เดินจังหวะลูก

รายงานโดย :ธนา เธียรอัจฉริยะ
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น:

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ผมมีลูกสาวตัวเล็กๆ น่ารักสองคน คนโตชื่อ โมเนต์ อายุห้าขวบกว่าๆ
คนเล็กชื่อเมนิ อายุสี่ขวบ กำลังอยู่ในวัยอ้อนพ่ออ้อนแม่
ไม่รู้ว่าใครติดใครกันแน่ รู้แต่ว่าผมต้องพยายามกลับบ้านให้ทัน
ก่อนสองสาวนอนหลับเกือบทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ตัวติดกันตลอด
คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็มักจะนึกถึงแต่ว่าจะสอนลูกให้เป็นคนยังไง
ให้มีน้ำใจ ไหว้สวย ไม่งอแง นึกอะไรออกก็พยายามสอน
ก็ไม่ค่อยได้นึกว่าจะเรียนรู้อะไรจากลูกได้
เพราะลูกยังเด็กยังเล็กอยู่ แต่ด้วยความที่อยู่ด้วยกันตลอด
มีบ่อยครั้งที่ลูกผมพูดหรือแสดงท่าทีอะไรที่ทำให้ผมต้องหยุดคิด
และทบทวนตัวเองเป็นประจำ


เมื่อไม่นานมานี้ ผมพาเด็กๆกับภรรยาไปเที่ยวอเมริกา
ไปอยู่หลายเมือง สองอาทิตย์ที่ไปเที่ยว
เป็นสองอาทิตย์ที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตผม
ได้มีโอกาสตะลอนๆ ไปทั้งครอบครัว ได้ผจญภัยเล็กๆ ตามที่ต่างๆ
มีอุปสรรคบ้างนิดหน่อยพอเป็นน้ำจิ้ม
ได้เห็นตัวเล็กทั้งสองสนุกสนานกับของเล่นบ้าง
ทิวทัศน์รอบทางบ้าง เป็นความสุขเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่
ระหว่างทางในหลายๆ ครั้ง
ผมกับภรรยาก็จะเดินดูโน่นดูนี่เป็นปกติในจังหวะก้าวย่างของเรา
ก็จะได้ยินเสียงเมนิ ลูกสาวคนเล็กบ่นปวดขา เดินไม่ทัน เหนื่อย
เวลาไปเดินในที่ที่คนเยอะ ก็มีเผลอไปจับมือคนอื่น
คิดว่าเป็นพ่อแม่บ้าง เราก็ได้แต่ขำๆ ในตอนแรก

แต่พอใช้ชีวิตด้วยกันตลอดเวลา มีจังหวะหนึ่งที่ลูกผมบ่นว่า
เดินไม่ทันซึ่งปกติผมก็คงไม่ได้สนใจอะไร
แต่จังหวะนั้นผมบอกลูกว่า เดี๋ยวจะลองเดินก้าวช้าๆ เท่าลูกดู
ผมก็เลยลองเดินช้าๆ ช้ามาก เพราะลูกผมยังเล็ก
ก้าวได้สั้นๆ และไม่ไกล ผมพยายามเดินในจังหวะของลูก
ช่วงแรกๆ ก็อึดอัดนิดหน่อย ต้องก้าวเท้าถี่ๆ
สั้นๆ แต่พอลองบ่อยๆ เข้า ผมก็เริ่มมองเห็นมุมของเขาว่า
ทำไมเขาถึงเดินไม่ทัน ปวดขา หรือเหนื่อย เวลาเดินจังหวะผู้ใหญ่
พอเริ่มเห็นมุมแปลกๆ ของเด็ก ผมก็เลยลองพยายามย่อตัวลงให้เท่าลูก
ในมุมที่เรามองเงยหน้าขึ้นไป
ทำให้รู้สึกว่าผู้ใหญ่ในสายตาเขาเหมือนยักษ์ที่อยู่สูง
มองไม่ค่อยถนัด ถึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงจับมือคนผิดอยู่เรื่อยเวลาคนเยอะๆ

หลังจากนั้น ผมก็พยายามเดินช้าลงให้ได้จังหวะของเขา
พยายามย่อตัวเวลาคุยกับลูก ลูกผมก็ดูจะสนุกขึ้น
อารมณ์ดีขึ้นและชอบมากเวลาพ่อย่อตัวคุยด้วย
ลูกผมสอนให้ผมรู้จักสนใจจังหวะของคนอื่น
ลองใช้จังหวะของคนอื่นในการดำเนินชีวิตบ้าง
ชีวิตของคนทำงานหลายๆ ครั้ง ก็พยายามบงการให้คนอื่นเดินจังหวะเรา
ไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา
พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็จะพยายามลองสังเกตจังหวะคนอื่นดูทุกที


ที่ดิสนีย์แลนด์ ช่วงเที่ยงๆ ผมกับโมเนต์
ลูกสาวคนโตไปต่อคิวยาวเหยียดเพื่อซื้ออาหารกลางวัน
รอตั้งสิบกว่านาที อยู่ดีๆก็มีแม่ลูกตัวอ้วนๆ
คู่นึงทำเนียนมาแซงคิวเอาโค้งสุดท้ายข้างหน้าผม
คงเห็นว่าเราหน้าเอเชียดูใจดี
ก็เลยเบียดซะอย่างนั้น ผมก็เลือดขึ้นหน้า
โมโหสุดๆ กำลังจะโวยวายด้วยความฉุน
ก่อนจะโวย ก็บอกโมเนต์
เพื่อให้ลูกเข้าใจว่าพ่อจะต้องโกรธเพราะอะไร
โมเนต์สะกิดแขนผม แล้วทำหน้าชิลล์มากๆ
บอกผมว่า "พ่อขา เขาอาจจะรีบก็ได้นะพ่อนะ"
ผมอึ้งไปพักใหญ่ ในหัวหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง
ดีใจที่ลูกมองโลกในแง่ดีแบบนี้
แถมรู้สึกตัวเองแย่มากๆ ที่ต้อง
ให้ลูกสอนการมองโลก การให้อภัย
ระหว่างรอแถว


ผมนึกถึงเพลงอื่นๆ
อีกมากมายของวงเฉลียงอยู่ในหัว

เด็กหนีไม่ยอมเรียน

โดดเรียนเพราะเหตุใด

ใครตอบได้ไหม

เด็กไปเพราะใจเบ่ง

แม่ให้ไปขายของ

ครูสอนไม่ดีเอง

เด็กรักเป็นนักเลง

อื่นๆ อีกมากมาย


เมื่อวานก่อน
ผมพาเด็กหญิงสองคนไปทำฟัน
คุณหมอตรวจเจอว่าโมเนต์ฟันผุ
ต้องอุดฟันน้ำนม คุณหมอก็เลยทำการอุดให้
เราก็คอยบอกโมเนต์ว่าถ้าเจ็บให้ยกมือขึ้น
เพราะอุดฟันเด็กห้าขวบ โดนเหงือก โดนปาก
เด็กคงต้องเจ็บน่าดู
ตลอดการอุดฟัน
ผมก็ถามเป็นระยะว่าเจ็บรึเปล่า
โมเนต์ไม่ยกมือว่าเจ็บเลยซักครั้ง
ผมก็นึกว่าคงไม่เป็นไร อุดเสร็จ
เรียบร้อยก็กลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน ผมก็ถามลูกว่า
อุดฟันเจ็บมั้ย โมเนต์บอกว่า
เจ็บมากเพราะโดนเหงือก ผมก็ถามต่อด้วย
ความสงสัยว่าทำไมไม่ยกมือ หรือร้องล่ะ
โมเนต์บอกสั้นๆ ยิ้มอายๆ
"หนูอดทน อยากให้พ่อดีใจ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น