...+

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เคาะข่าวริมโขง : ละครลวงโลก ภาค 2 แฉสัมพันธ์พ่อ "ศิวรักษ์" เคยมีบุญคุณ "นช.แม้ว"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 พฤศจิกายน 2552 22:03 น.

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการเชิญ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายประพันธ์ คูณมี ว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ และนายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ มาร่วมพูดคุยและวิเคราะห์ถึงท่าทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ประกาศชักธงรบในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อเขย่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมทั้งต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไทย รวมทั้ง ล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน

เริ่มต้นรายการ น.ส.อัญชะลี แจ้งถึงกรอบเวลาประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. - 14 ธ.ค.นี้ เพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง

นอกจากนี้ น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า วันนี้ ตนอยากพูดถึงกรณี ทางการกัมพูชาจับกุมตัว นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย ในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับ โดยล่าสุด เอเอฟพี ได้รายงานว่า ทนายความวิศวกรไทย ได้ออกมาชี้แจงว่า นายศิวรักษ์ กล่าวยอมรับว่าได้ให้ข้อมูลตารางการบิน แก่เจ้าหน้าที่รัฐของไทยจริง แต่ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ที่สามารถเปิดเผยได้ ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด นอกจากนี้ นายศิวรักษ์ แจ้งแค่ว่า เครื่องบินส่วนตัวลำดังกล่าวมาถึงสนามบินกัมพูชา โดยไม่รู้ว่าผู้โดยสารที่นั่งมาเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น เมื่อดูจากเจตนา นายศิวรักษ์ ไม่ได้เป็นภัยต้องทางการกัมพูชาแต่อย่างใด ซึ่งเวลานี้ ได้มีการขอยื่นประกันตัววิศวกรไทยแล้ว

น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า ส่วนทางด้านกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานว่า นายศิวรักษ์ ได้เขียนจดหมายมอบให้แก่สถานทูตไทย โดยมีใจความสำคัญ ว่า ถูกกักขังอยู่ที่เรือนจำเพรย์ซอว์ ชานกรุงพนมเปญ ด้วยข้อหาจารกรรมข้อมูลลับ ทั้งที่ผ่านมา ประกอบอาชีพสุจริตมาตลอด และทำงานไปตามปกติ ตามหน้าที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำการจารกรรมข้อมูลแต่อย่างใด ดังนั้น ฝากถึงรบ.ทั้งสองประเทศให้แก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี อย่านำประเด็นนี้ไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมทั้งหวังว่าทางการกัมพูชาและกระบวนการยุติธรรม จะให้ความเป็นธรรม นอกจากนี้ หวังว่าจะได้ออกจากเรือนจำแห่งนี้ไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ สุดท้าย ก็ขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ห่วงใยตนเอง

นายโสภณ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า ตนมีข้อมูลบางอย่างที่เมื่อพูดไปแล้ว คนจะตั้งคำถามกลับไปที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทันที ว่าทำไมถึงไม่ช่วย นายศิวรักษ์ ทั้งๆที่ ในอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเรียกบิดาของ นายศิวรักษ์ ว่า เตี่ย เพราะบิดาของวิศวกรไทยคนดังกล่าว คือ นายสุวิทย์ ชุติพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ มีบุญคุณกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาก เมื่อครั้งที่ทำธุรกิจโรงภาพยนตร์ ภายใต้ชื่อว่า "ชินทัศนีย์" และ "ดุสิตเธียเตอร์" ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ นำภาพยนตร์หลายเรื่องของนายสุวิทย์มาฉาย แต่ไม่ได้จ่ายเงินแต่อย่างใด ซ้ำยังติดหนี้เป็นจำนวนมาก โดยที่ นายสุวิทย์ ไม่เคยทวงถามหนี้ดังกล่าว เพราะเอ็นดู พ.ต.ท.ทักษิณ

นายโสภณ กล่าวอีกว่า ดังนั้น เวลานี้การที่ นายศิวรักษ์ ลูกชายของผู้มีพระคุณในอดีตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวอยู่ในเรือนจำ ตนจึงไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงไม่ยอมช่วยเหลือ ทั้งที่ เป็นคนไทยเหมือนกัน ลำพังไม่ช่วยเหลือก็ถือว่าใจดำแล้ว แต่ นายศิวรักษ์ เป็นถึงลูกผู้มีบุญคุณ ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไม่แสดงตัวว่า รู้จักกันแล้วช่วยเหลือทันที สิ่งเหล่านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นคนเนรคุณบุญคุณคนใช่หรือไม่

"อย่างแรกเพื่อเตือนความจำ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องตอบคำถามก่อนว่ารู้จัก นายสุวิทย์ บิดาของ นายศิวรักษ์ หรือไม่ รวมทั้ง ถ้าหากปฏิเสธ ก็ต้องตอบว่า เมื่อก่อนสมัยที่ทำธุรกิจโรงหนัง เคยจ่ายเช็คเด้งจำนวนมาก แล้วมีลูกหนี้เยอะจริงหรือไม่ นี่ถือเป็นเรื่องราวเมื่อสมัยที่ตอนนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังรับราชการเป็นตำรวจยศ ร.ต.อ. แล้วมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้ พอร่ำรวยมหาศาล และในเมื่อมีโอกาสที่จะได้ตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ทำ ทำไมไม่ช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ ทั้งที่แสดงออกถึงความสนิทสนมกับ สมเด็จฯ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา หนักหนา แต่ที่น่าสงสัยที่สุด ทำไม มารดาของ นายศิวรักษ์ กลับไม่ออกมาเปิดเผยว่า รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ มาก่อน เพราะสามีตัวเองก็เคยร่วมทำธุรกิจกันมาในอดีต" นายโสภณ กล่าว

นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมว่า อีกอย่างที่ตนไม่เข้าใจ คือ ทำไม บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ นายศิวรักษ์ ไม่ออกมาเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเรื่องนี้ ทั้งที่ พนักงานตัวเองถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวอยู่ในเรือนจำ แต่ตนยังไม่เห็นฝ่ายใดในบริษัทดังกล่าวออกมาแสดงความช่วยเหลือหรือช่วย ประสานงานอะไร

นายประพันธ์ กล่าวว่า นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะใจดำไม่ช่วยเหลือลูกชายผู้มีพระคุณ ยังบินหนีกลับไปนครดูไบทันที หลังจากที่เกิดเรื่อง แถมยังเอาเรื่องนี้ มาเป็นประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อสร้างเครดิตให้ตัวเอง จากการออกมาให้ข่าวว่า จะช่วยเหลือวิศวกรไทย ในเมื่อรัฐบาลไทยทำอะไรไม่ได้มาก

นายโสภณ กล่าวว่า แต่มันก็น่าสงสัยว่า นายศิวรักษ์ จะไม่รู้เรื่องเลยหรือว่า บิดาของตนเคยทำธุรกิจภาพยนตร์ร่วมกับอดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สำหรับตนแล้วเชื่อว่า อย่างไรเสีย มารดาของนายศิวรักษ์ อย่างน้อยต้องทราบว่าสามีตนเองเคยทำธุรกิจกับใครบ้าง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงขั้นเรียกบิดาของ นายศิวรักษ์ ว่า เตี่ย แสดงว่าย่อมมีความสนิทสนมกันดีแน่นอน

น.ส.อัญชะลี กล่าวเสริมว่า ความจริงเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นภาคสองของละครลวงโลกที่จับกุมวิศวกรไทย โดยเรื่องนี้ นอกจากต้องการดิสเครดิตรัฐบาล เพื่อทำให้หลายฝ่ายเห็นว่า รัฐบาลไทยไม่สามารถช่วยเหลือวิศวกรไทยกลับประเทศได้แล้ว ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์พระเอกขี่ม้าขาวให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ แท้จริงแล้วทำกันเป็นขบวนการ โดยมีผู้คนหลายคนร่วมรู้เห็นเป็นใจ มีเบื้องลึกเบื้องหลังหลายด้าน แต่สุดท้ายแล้วตอนจบของละคร ใครๆก็เดาได้ว่า ต้องเป็นผลดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ มีการปล่อยตัววิศวกรไทยในที่สุด

นายโสภณ กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนยังรู้อีกว่า ท้ายสุดแล้วยิ่งกว่านั้น ละครเรื่องนี้อาจมีการตลบหลัง โดยมีขบวนการลอบฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยฝีมือของ สมเด็จฯ ฮุนเซน เพราะผู้นำกัมพูชาใครๆ ก็รู้เรื่องกิตติศัพท์ว่าโหดร้าย ทารุณแค่ไหน สมัยก่อนเคยทำธุรกิจจับกุมตัวคนไปเรียกค่าไถมาแล้ว ดังนั้น เรื่องการลอบฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ไกลเกินเอื้อม โดยขอให้จับตาดูต่อไป หากศึกครั้งนี้ของกลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่จบ ท้ายที่สุดแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือเพื่อนรักอย่าง สมเด็จฯ ฮุนเซน ดังนั้น ตนอยากเตือนว่า เคยมีคนพูดไว้ว่า อย่าไว้ใจเขมรลูกครึ่ง คือ เขมรที่ถูกตัดตอนเผ่าพันธุ์โดยสืบเชื้อสายของ สมเด็จฯ ฮุนเซน

"เวลานี้ ทุกอย่างอาจยังเห็นไม่ชัดเจน เพราะ ฮุนเซน กำลังพยายามล่อลวง พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ทุ่มเงินลงทุนธุรกิจในเขมรให้มากๆ ก่อน แล้วจัดการทีหลัง จากนั้น จะมีการโยนความผิด กล่าวหาว่า รัฐบาลไทยส่งสายลับมาฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ" นายโสภณ กล่าว

นายชัชวาลย์ กล่าวว่า ตอนนี้ข่าวล่าสุด ทราบมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจเดินทางมากัมพูชาอีกครั้ง เพื่อมาบัญชาการรบในวันแดงเดือด ที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง

น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ว่า วันนี้ ครบหนึ่งปีของเหตุการณ์พันธมิตรฯ ชุมนุมปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ขณะนี้ คดีความยังไม่คืบหน้า ทีตอนชาวนาปิดถนนประท้วงในต่างจังหวัด ยังมีการจับกุมมาติดคุก การกระทำแบบนี้ถือว่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ หน้าด้านที่สุด ที่เลือกกระทำแบบสองมาตรฐาน แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะหาความสงบสุขได้อย่างไร หากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยังคิดกลั่นแกล้งตนด้วยวิธีนี้ ถ้ายังดื้อดึงอยู่ ตอนนี้ พวกเสื้อแดงเริ่มทนไม่ไหวแล้ว

นายโสภณ กล่าวว่า แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเอาเวลาโพสต์ข้อความในเว็บไซต์ทวิตเตอร์แล้วเดินทางมาร่วมงานศพ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ยังจะดีเสียกว่า เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ สมควรจะแสดงน้ำใจ เนื่องจากครั้งหนึ่งเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ของ นายสมัคร เคยเป็นนอมินีช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอนที่ผลัดบ้านเมือง ไม่สามารถกลับประเทศไทยได้

น.ส.วรรษมน กล่าวว่า เรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวิตเตอร์ แสดงความเสียใจกับการจากไปของ นายสมัคร โดยระบุว่าไม่สะดวกที่จะเดินทางมาร่วมงานศพด้วยตัวเอง

น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า วันนี้ ทางด้าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์เช่นกัน โดยระบุว่า เวลานี้ ดูเหมือนจะมีการบิดเบือนประเด็นและใช้สื่อรัฐอย่างเข้มข้น ดังนั้น เข้าใจได้ว่า รัฐบาลคงพยายามทำให้เหตุการณ์ในเร็วๆนี้ จบลงเหมือนเมื่อช่วงสงกรานต์ ซึ่งคิดว่าฝ่ายประชาชนควรจะวางแผนให้รัดกุมมากขึ้น รวมทั้งต้องยึดมั่นในหลักสันติวิธีและคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนให้มาก ที่สุด

นายประพันธ์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า ตนดูท่าทีและข้อความของ นายจาตุรนต์ แล้วก็รู้สึกงง เพราะทุกอย่างขัดแย้งกับความจริงหมด ทั้งที่ผ่านมา มีแต่ฝ่ายกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาระบุอย่างเปิดเผยว่า จะใช้ความรุนแรงจัดการนายกรัฐมนตรี หรือท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ประกาศชัดเจนว่า ต้องสู้รบแบบแตกหัก ดังนั้น แสดงได้ชัดว่า ไม่มีฝ่ายใดออกมาระบุเหมือนกลุ่มคนเสื้อแดงเลยว่าจะต้องก่อความรุนแรง มีแต่พวกเสื้อแดงทั้งนั้นที่ออกมาประกาศ ตนจึงขอเรียกการต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ไม่ได้สู้ตามแนวทางประชาธิปไตย แต่สู้ตามแนวทางของตนเอง คือ ประชาธิปตาย มีการมอมเมาประชาชน ให้มาเผชิญหน้ากับความรุนแรง ที่จะไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น

นายโสภณ กล่าวว่า การชุมนุมในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ตนอยากแนะนำ สามเกลอหัวขวด ว่าอย่าทำงานพลาดเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ที่รับเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวแล้วไม่ได้อะไรเลย นอกจาก สร้างความวุ่นวายให้แก่บ้านเมือง อีกทั้ง ยังทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้น ตนอยากเตือนว่าเวลานี้ ประชาชนทั่วไปหมายหัวตัวป่วนบ้านเมืองไว้แล้ว หากจะทำอะไรที่ไปสร้างความเดือนร้อน มีสิทธิ์ได้เจอพลังบริสุทธิ์ของประชาชนออกมาต่อต้าน

"ผมอยากพี่น้องชาวเหนือรวมทั้งผู้ที่คิดจะมาชุมนุมกับเสื้อแดง ให้คิดดีๆก่อน โดยอยากให้ลองตรองดูว่า ที่ผ่านมา ชุมนุมแต่ละครั้งของคนเสื้อแดง บ้านเมืองได้ประโยชน์อะไรบ้าง แล้วยิ่งเวลานี้ มีการขู่ฆ่านายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำของประเทศ ดังนั้น หากมาร่วมชุมนุม ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่า จะไม่เกิดเหตุความรุนแรง เพราะคนพวกนี้ ต้องการปะทุความรุนแรงอยู่แล้ว ดังนั้น ทางที่ดี อย่ามาเป็นเครื่องมือของคนที่ไม่หวังดีกับบ้านเมือง รวมทั้ง การชุมนุมดังกล่าว เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอยู่ดีๆ กลับต้องมาปั่นป่วน เนื่องจากคนพวกนี้มาทำลายความเชื่อมั่น สิ่งเหล่านี้ มีแต่เสีย ไม่มีใครได้ ประเทศไทยก็ไม่สงบ" นายโสภณ กล่าว

นายโสภณ กล่าวอีกว่า ตามที่แกนนำเสื้อแดงออกมาประกาศว่าการชุมนุมครั้งนี้ มีคนเป็นล้านมาร่วม ตนขอไม่เชื่อคำพูดนี้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ต้องมีการใช้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งในเวลานี้ความจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นเหมือนซากศพ ที่ถูกวางทิ้งไว้ให้พวกสามเกลอหัวขวด ที่เปรียบเหมือนแร้งหรือหมาป่าไฮยีน่า คอยรุมแทะ เพื่อหลอกเอาผลประโยชน์ เสมือนหลอกว่าจะชนะแน่ แต่ผลสุดท้ายก็ล้มเหลวเหมือนครั้งที่แล้วมา

นายประพันธ์ กล่าวว่า ในเมื่อมีเค้าลางว่าจะเหตุวุ่นวาย แล้วรัฐบาลยังนิ่งเฉยอยู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่า ต้องการบีบพันธมิตรฯ ให้ออกมาต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดง แล้วรัฐบาลนั่งดู พันธมิตรฯ สู้กับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยที่ตัวเองรอรับผลประโยชน์จากการต่อสู้ตอนจบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น