เลย-เวที ก้าวกับการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯเลย คึกคึก
พี่น้องพันธมิตรฯแห่ร่วมงานหนาตา ขณะที่"สมเกียรติ "เปรียบเหมือนซ่องโจร
และเลือกตั้งครั้งหน้ายังชั่งใจว่าจะเล่นการเมืองต่อหรือไม่
ย้ำพี่น้องพันธมิตรฯทุกจังหวัดต้องรักสามัคคีกันไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2552
ที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดเลย
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดเลย จัดงานสายสัมพันธ์
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีแกนนำพันธมิตร จากกรุงเทพมหานคร
ในรุ่นต่างๆเดินทางมาร่วมงานอย่างมากมาย เช่น นายสมศักดิ์ โกสัยสุข
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ พลเอกกิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ พร้อมดนตรี
พันธมิตรฯ จากส่วนกลาง โดยมีพี่น้องพันธมิตรฯมาร่วมงานประมาณ 500 คน
บรรยากาศการจัดงานไปไปด้วยความคึกคัก โดยแกนนำหลัก นายสมศักดิ์
โกศัยสุข กล่าวถึงบรรยากาศที่เดินทางมาจังหวัดเลย เป็นครั้งที่ 2
วันนี้มาจังหวัดเลยอีกครั้ง ดีใจ
มีคนมารวมกันพูดถึงเรื่องการเมืองกันมากกมาย เรามาสู้เพื่อบ้านเมือง
มานั่งฟังข้อมูลทางการเมือง
ทั้งนี้นายสมศักดิ์ ได้กล่าวถึงนายสมัคร สุนทรเวช
อดีตนายกรัฐมนตรีและนายนภดล ปัทมะ ที่กำลังจะชดใช้กรรม
นายสมัครนั้นขณะนี้ก็นอนป่วย ชนิดที่ว่าหมดสภาพ
พวกเราอย่าไปซ้ำเติมให้เป็นเรื่องของ เวรกรรม
นอกจากนี้นายสมัครกับนายนพดลกำลังจะถูกดำเดินคดีในกรณีไปยกเขาพระวิหารให้
เขมรไป นายสมัครและนายนภดล 2 คนศาลได้ชี้มูลความผิด
ไปแล้วว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ผิดกฎหมายมาตรา 157
ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ รวมถึง พลเอกเชาวลิต
ยงใจยุทธ ก็คงจะต้องรับกรรมในอีกไม่นานส่วนพลตำรวจเอกสุชาติ เหมือนแก้ว
ศาลได้ชี้มูลความผิดกรณี 7 ตุลาคม ฆ่าคนถือว่ามีความผิด
ใช้หน้าที่โดยมิชอบ
ด้านนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน5 แกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวว่า
จังหวัดเลยนั้นเป็นจังหวัดที่โชคดี ที่มี ส.ส. เป็นพรรคเดียวกันหมดเลย
ทุกครั้งที่ชาวเลยเลือกไปนั้น พรรคนั้นๆจะต้องยุบพรรคไปหมด
พร้อมกันนั้นนายสมเกียรติได้กล่าวชื่นชม พันธมิตรฯหนองหิน
จังหวัดเลยที่สามารถ ตั้งสถานีวิทยุ ASTV และมีการส่งกระจายเสียง 24
ชั่วโมงเป็นแห่งแรกในภาคอีสาน ที่คลื่น 92.25 MHZ ได้สำเร็จ
เป็นตัวอย่างที่ควรกระทำเหมือนกับพี่น้องพันธมิตรฯนครราชสีมา ได้มีวิทยุ
ที่ทำมาก่อนเช่นกัน
ส่วนเรื่องการเมืองนั้นนายสมเกียรติได้กล่าวถึงนโยบายหรือการบริหาร
งานของรัฐบาลนอมินีชุด ก่อนๆ ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อว่า ในอีก 5 ปี
คนจนจะไม่มีในเมืองไทย คนไทยจะดีขึ้น แต่ผ่านไปไม่รู้กี่ปีแล้ว
คนจนก็ยังคน จน คนไทยก็เป็นหนี้มากขึ้น
นายสมเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับความคิดของตนนั้น
พรรคการเมืองกับผลประโยชน์ของประชาชนนั้น ประชาชน ต้องมาก่อน
ตนจะต้องเอาปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่
ส่วนการที่จะลงสมัครการเมืองอีกครั้งหนึ่ง นายสมเกียรติบอกว่า
คงต้องพิจารณาให้มาก และอาจจะไม่ลงเลย เพราะเบื่อการเมืองแบบน้ำเน่า
แบบเก่า ในสภานั้นก็มีแต่ผลประโยชน์ต่างๆ ตนไม่เชื่อถือในระบอบสภาแล้ว
เปรียบเหมือนซ่องโจรดีๆนี้เอง
และอยากจะให้พี่น้องพันธมิตรฯทุกพื้นที่รักสามัคคีกันไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น