...+

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เจาะลึกแผนลับล้ม "รัฐบาลมาร์ค"

โดย สิริอัญญา 12 พฤศจิกายน 2552 16:34 น.
การขับเคลื่อนเพื่อล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก ล่าสุดสามารถจับกระแสการสื่อความได้ชัดเจนว่า
ความเปลี่ยนแปลงใหญ่ของประเทศไทยกำลังเกิดขึ้นในระยะเวลาหลังจากนี้ไม่นาน
นัก

การล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ
คือเป้าหมายแรกสุดในการกลับคืนสู่อำนาจ และได้คืนทรัพย์สิน ผลประโยชน์
ตลอดจนพ้นจากโทษภัยใดๆ ของคุณทักษิณ ชินวัตร

ความ เคลื่อนไหวตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วนับถึงขณะนี้บ่งชี้ชัดเจนว่ามีความเชื่อ
ค่อนข้างจะหนักแน่นว่า คุณทักษิณ ชินวัตร
จะกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่งก่อนสิ้นปีนี้
และเด่นชัดมากจากการส่งข่าวสารและการเคลื่อนไหวชายแดนเขมร
โดยมีนัยว่าจะมีการข้ามแดนจากเขมรสู่ประเทศไทยก่อนเข้ากรุง

จึงต้องมาดูกันว่าจากข้อเท็จจริงและปรากฏการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น
มีเรื่องใดบ้างที่อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้
ที่สำคัญเห็นจะมีดังต่อไปนี้

ประการแรก การเดินทางไปเขมรของบิ๊กจิ๋ว
และหลังจากนั้นนายฮวยเซ็งก็ได้เข้ามาอาละวาดหยามน้ำหน้าประเทศไทยในการ
ประชุมสุดยอดอาเซียน ต่อเนื่องมาจนถึงเรื่องการโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งให้คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาของเขมร
และเชื่อมโยงมาถึงการต้อนรับอย่างเอิกเกริกผิดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
พร้อมๆ กับนายฮวยเซ็งประกาศด่ารัฐบาลและกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างไม่ไว้หน้า
ประสานเสียงจากคุณทักษิณ ชินวัตร
ที่ใช้เขมรเป็นฐานในการด่ากราดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

เรื่องราวทั้งหมดในกระบวนการของประการนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่อง
เดียวกัน เป็นการเดินหมากเกมกลที่มีการวางแผนไว้เป็นอย่างดีและอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ไม่ใช่เรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ

สถานการณ์ ในวันนี้ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใดๆ
อีกแล้วว่าได้เกิดความขัดแย้งถึงขั้นเป็นปรปักษ์ระหว่างไทย-เขมร
ที่สร้างความเคียดแค้นชิงชังอย่างสุดแสนประมาณให้กับคนไทยทั้งประเทศ

ประการที่สอง การให้สัมภาษณ์ของคุณทักษิณ ชินวัตร
ต่อสื่อมวลชนอังกฤษที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
องคมนตรี นางสนองพระโอษฐ์ และองค์รัชทายาท ได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ไปทั่วโลก
แต่คุณทักษิณ ชินวัตร กลับแถลงการณ์มายังคนไทยว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น
ครั้นถูกนำข้อเท็จจริงมายันก็อ้างว่าพลั้งปากพูดเพราะเข้าใจภาษาอังกฤษไม่ดี
พอ ในขณะที่ลิ่วล้อก็ป้ายสีเป็นว่าเรื่องราวเกิดขึ้นจากการวางแผนของฝ่ายรัฐบาล

ผลแท้จริงที่เกิดขึ้นคือ ผลกระทบในทางเสื่อมเสียต่อพระมหากษัตริย์
สถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท คณะองคมนตรี คณะนางสนองพระโอษฐ์
ที่เผยแพร่ออกไปทั่วโลก
โดยที่ไม่มีคำประกาศแจ้งแก่ผู้ได้รับข้อมูลเหล่านั้นว่า ไม่เป็นความจริง
หรือเพราะสำคัญผิด ดังนั้นต่อโลกกว้างจึงเกิดความเสียหาย
แต่ขณะเดียวกันก็แก้ตัวกับคนไทยเพราะเกรงแรงใจจงรักภักดีที่ยังเปี่ยมล้นราช
อาณาจักรไทย ซึ่งไม่ได้แก้ไขความเสียหายใดๆ เลย

ปรากฏการณ์ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่นับเนื่องต่อเนื่องยาวนาน
และล้วนเชื่อมโยงกับความเคลื่อนไหวของบรรดาลิ่วล้อบริวารที่ถูกจำคุกอยู่ใน
ขณะนี้ และที่หลบหนีออกไปต่างประเทศ ตลอดจนที่ยังทำการเคลื่อนไหวอยู่

เป็นปรากฏการณ์ที่ส่งผลต่อการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
หรือล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
อย่างน้อยที่สุดก็ส่อว่าจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแค่เจว็ด
ดังเช่นที่เกิดขึ้นในเขมรในปัจจุบันนี้

ประการที่สาม
การเคลื่อนไหวของบิ๊กจิ๋วในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยจุดประเด็น
เรื่องการตั้งนครรัฐปัตตานี ซึ่งเป็น 1 ใน 7
ข้อเรียกร้องของฮะยีสุหรงในอดีต
ซึ่งเป็นรูปแบบการปกครองในลักษณะที่เอื้ออำนวยต่อการแบ่งแยกราชอาณาจักรออก
เป็นอีกรัฐใหม่ ทำนองเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับติมอร์ตะวันออกของอินโดนีเซีย

ความเคลื่อนไหวนี้เห็นได้ชัดว่าต้องการดึงฐานเสียงพี่น้องมุสลิม
โดยไม่คำนึงถึงอธิปไตยของประเทศชาติและไม่ได้เป็นส่วนใดๆ
ในกระบวนการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้นท่ามกลางการเคลื่อนไหวนี้
จึงเกิดปรากฏการณ์คาร์บอมบ์ครั้งร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้น
และมีแนวโน้มว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากที่เป็นอยู่

ประการที่สี่ สถานการณ์ตึงเครียดทางการทหารตามแนวชายแดนไทย-เขมร
ถึงขั้นส่งกำลังหน่วยรบพิเศษขึ้นไปประจำอยู่บนเขาพระวิหาร
ต่อมาก็ออกข่าวลวงว่าได้ถอนทหารหน่วยนี้ออกไปแล้ว
แต่ในทางความเป็นจริงกลับเตรียมกำลังชุดใหม่เข้ามาเตรียมไว้

หากนับรวมกำลังที่จะถอนออกไป
และกำลังที่กำลังเข้ามาใหม่ภายใต้ข้ออ้างว่ามาทดแทน
ก็จะกลายเป็นการเพิ่มกำลังทหารของฝ่ายเขมรถึงสองเท่า
แต่ในขณะเดียวกันกลับส่งคนมาเจรจากับฝ่ายทหารของไทยว่าไม่ต้องการให้มีการ
ปะทะกัน

หรือนี่คืออุบายลวงให้วางใจ
เพื่อเตรียมปฏิบัติการทางการทหารโดยไม่ให้ฝ่ายไทยรู้ตัว

ประการที่ห้า
การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงและทหารรับจ้างที่มีการประกาศชุมนุมใหญ่ก่อนปลาย
ปี ในขณะที่มีการแอบฝึกซ้อมกำลังติดอาวุธในหลายพื้นที่
รวมทั้งล่าสุดคือการเตรียมมวลชนเพื่อห้อมล้อมรองรับบุคคลสำคัญจากเขมรที่จะ
เดินทางเข้ามาประเทศไทย
ทำนองเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศฮอนดูรัส

จาก ห้าประการดังกล่าวนี้จึงสามารถต่อรูปการเข้าเป็นแผนที่มองเห็นได้อย่างเลือน
ลางว่าเมื่อวันเวลาที่กำหนดมาถึง ก็จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ
ขึ้นอย่างสอดรับประสานกัน

เป็นไปได้ว่าจะเกิดเหตุระเบิดร้ายแรงในพื้นที่ภาคใต้จนเกิดการระส่ำ
ระสาย ขณะเดียวกันก็จะเกิดเหตุปะทะกันชายแดนเขมร
โดยทหารไทยถูกบุกโจมตีโดยไม่รู้ตัว
และมีขนาดการปะทะในระดับกรมหรือใกล้ระดับกองพล
เพื่อดึงกำลังทหารส่วนกลางจากพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ขึ้นไปยันศึก
ทำให้เปิดช่องว่างทางกำลังขึ้นในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1
และในขณะนั้นบรรดานักรบรับจ้างก็จะปฏิบัติการอย่างพร้อมเพรียงกันในหลายจุด
เพื่อปฏิบัติการต่อผู้นำของรัฐบาลและกองทัพ
เพื่อตัดการบัญชาการให้ขาดสะบั้น

พร้อมๆ กันนั้นก็มีกลุ่มมวลชนเข้ายึดที่ทำการของรัฐบาลและกองทัพ
ประกาศปฏิวัติโดยประชาชน
โดยมีสื่อประสานเสียงให้เกิดความสมานฉันท์ร่วมมือกับการปฏิวัติของประชาชน
นั้น

และพร้อมๆ
กันอีกก็มีนักการเมืองคนสำคัญข้ามแดนจากเขมรเข้ามาฝั่งไทย
โดยมีมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งคอยแวดล้อมต้อนรับ
และมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนเข้าร่วมก่อเกิดเป็นกระแสประสานกับการปฏิวัติ
ในส่วนกลาง

หากเป็นเช่นนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ก็คงดับเครื่องแดวดิ้นสิ้นน้ำยาอย่างแน่นอน

อย่าคิดว่ารูปการดังกล่าวเป็นเรื่องเหลวไหล
เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันพลเรือเอก บรรณวิทย์ เก่งเรียน
อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็ได้นำแผน 4
ประสานที่จะล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาตีแผ่ไปแล้ว
และมีลักษณะที่ไม่ต่างกับการวิเคราะห์ดังกล่าวเลย

ข้อ ที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือ
การกระทำของนายฮวยเซ็งต่อประเทศไทย ต่อรัฐบาลไทย ต่อกระบวนการยุติธรรม
ต่อกองทัพไทย และต่อประชาชนไทยนั้น
เป็นที่ประจักษ์ว่าได้ประกาศความเป็นศัตรูอย่างเปิดเผย
นำประเทศเขมรเข้าเผชิญหน้ากับประเทศไทย
และยอมทุ่มเททุกอย่างเสี่ยงให้กับคุณทักษิณ ชินวัตร

มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
การทุ่มเทและการเสี่ยงถึงเพียงนี้มีสาเหตุได้เพียง 2 ประการ คือ
มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าคุณทักษิณ ชินวัตร
กำลังกลับมามีอำนาจในประเทศไทยอย่างหนึ่ง
และได้รับเงินผลประโยชน์ตอบแทนเป็นจำนวนมหาศาล
คุ้มค่าต่อการนำพาประเทศและอำนาจของตนเข้าเสี่ยงภัย

ใน ประการหลังนั้นไม่เป็นวิสัยที่จะเป็นไปได้
ดังนั้นวิสัยที่จะเป็นไปได้คือการได้รับข้อมูลข่าวสารและความเชื่อมั่นอย่าง
เต็มเปี่ยมว่าคุณทักษิณ ชินวัตร จะกลับมามีอำนาจในประเทศไทย
และไม่เห็นความเสี่ยงใดๆ ที่จะทำให้แปรผันไปได้
นายฮวยเซ็งจึงกล้าทุ่มและเสี่ยงถึงเพียงนี้

นายฮวยเซ็งเคยดึงเอากองทัพเวียดนามเข้ามายึดเขมรเพื่อตัวเองจะได้มี
อำนาจสำเร็จมาแล้ว
ก็ย่อมเห็นและเข้าใจเป็นอันดีว่าเมื่อนายฮวยเซ็งสนับสนุนทุ่มเทและเสี่ยงถึง
เพียงนี้ ก็ย่อมเป็นทีให้คุณทักษิณ ชินวัตร
ได้เข้ามาปกครองประเทศไทยในเวลาอันใกล้ที่สุดนี้
ดังนั้นบรรณาการที่เขมรต้องให้แก่เวียดนามเท่าใด
จึงย่อมเป็นที่หวังใจได้ว่าเมื่อการใหญ่สำเร็จ
นายฮวยเซ็งก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนมากกว่ากันหลายเท่านัก

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทยคิดดูดีๆ
แล้วจะรู้สึกหนาว!
และช่วงเวลาที่จะหนาวเหน็บก็คือช่วงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จะเดินทางไปประชุมในต่างประเทศในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น