...+

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จาก “สายวัดจู๋” สู่ “มาตรฐานชายไทย”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2552 09:31 น.
พูดถึง Thai Size หลายคนอาจจะเข้าใจไปถึงเสื้อผ้าและรองเท้าของคนไทย ที่ก่อนหน้านี้ “เนคเทค” ได้เปิดเผยข้อมูล เพื่อส่งต่อให้แก่ภาคการผลิตสินค้า ผลิตให้ตรงตามขนาดร่างกายของคนไทยมากขึ้น แต่ในขณะนี้ประเด็นของ “ขนาด” ที่กำลังฮือฮามากไปกว่านั้น เกิดขึ้นหลังจากที่ สำนักโรคเอดส์ ที่ได้แถลงข่าวเปิดตัว “สายวัดจู๋” หรือสายวัดขนาด “อวัยวะเพศชาย” เพื่อหาขนาด “มาตรฐานชายไทย” นั่นเอง

นพ.สมยศ กิตติมั่นคง หัวหน้ากลุ่มงานโรคเอดส์ สำนักงานโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ภาพถึงที่มาของแนวคิดดังกล่าว ว่า เกิดจากในตลาดถุงยางอนามัยในประเทศไทยมีถุงยางอนามัยขายอยู่ไม่กี่ขนาด จึงเล็งเห็นว่าเป็นทางเลือกที่จำกัด และทำให้คิดต่อไปว่า ขนาดที่มีจำกัดนั้น ตรงหรือไม่ตรงกันขนาดคนไทยหรือไม่ อย่างไร

“เท่าที่ผมเห็นมันจะมีแค่ไซส์ 49, 52, 53 และ 54 มม.ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันเหมาะกับขนาดของคนไทยหรือไม่ จริงๆ แล้วขนาดคนไทยแล้วมันเท่าไหน เซ็กซ์เดี๋ยวนี้มันไม่เข้าใครออกใคร อย่างที่เราทราบคือแนวโน้มการมีเซ็กซ์ในวัยรุ่น เด็กจะอายุน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งน่าเป็นห่วงนะครับ”

“สายวัดขนาดอวัยวะเพศชาย” ที่จัดทำโดยสำนักงานโรคเอดส์ฯ
นพ.สมยศ กล่าวอีกว่า เคยมีลูกน้องรายหนึ่งเล่าว่า มีกรณีเด็กมัธยมในต่างจังหวัดที่ใช่ถุงพลาสติกก๊อบแก๊บแทนถุงยางอนามัย

“เรามองว่า ไม่ใช่เด็กไม่อยากใช้ถุงยาง แต่ไม่กล้าซื้อ เข้าไม่ถึง หรือมันอาจไม่พอดีกับขนาดของเขาหรือเปล่า เรื่องนี้หลายคนอาจจะมองว่าเรื่องเล็ก แต่จริงๆ แล้วมันส่งผลกระทบเยอะ เช่นทำให้หลุดขณะกำลังมีเซ็กซ์ ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์และติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ ประกอบกับวันที่ 1 ธ.ค.นี้จะเป็นวันเอดส์โลก พวกเราจึงทำให้เราคิดโครงการ “สายวัดจู๋” นี้ขึ้นมา”

เจ้าของไอเดียโครงการสุดเก๋รายนี้กล่าวต่อไปว่า จะแจก “สายวัดจู๋” ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ที่ห้างโตคิว จำนวน 40,000 ชิ้น จากนั้นจะสำรวจผ่านเว็บไซต์ www.aidsthai.org ให้คุณผู้ชายเข้ามาตอบข้อมูลขนาดของตัวเอง เพื่อจะเก็บสถิติไว้ หากพบว่าขนาดอวัยวะเพศที่ได้ข้อมูลมาแตกต่างจากขนาดถุงยางที่มีในท้องตลาด ก็จะนำส่งข้อมูลชุดนี้ไปยังภาคอุตสาหกรรมผลิตถุงยางอนามัย เพื่อผลิตไซส์ของคนไทยต่อไป

ทราบถึงที่มาของโครงการไปบ้างแล้ว ทีนี้ลองมาดูความคิดเห็นของหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับแวดวงนี้กันบ้าง “นิมิตร์ เทียนอุดม” ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ออกอาการไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ และมองว่าน่าจะมีวิธีอื่นที่แก้ปัญหาด้านการรณรงค์ให้คนใช้ถุงยางอนามัยได้ ดีกว่า

“มันไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องไปให้ความสำคัญมากนัก เรื่องขนาดของอวัยวะเพศกับถุงยางอนามัย ผมว่าน่าจะเป็นไปในรูปของการรณรงค์ให้คนเข้าถึงและใช้ถุงยางอนามัยมากกว่า เช่นการแจกให้ทั่วถึง คิดว่าโครงการสายวัดน่าจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก”


นพ.สมยศ กิตติมั่นคง
เช่นเดียวกับถนัด ยมหา อาสาสมัครทดลองวัคซีนเอดส์ อาร์วี144 ที่ให้ความเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า น่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่าการค้นหาขนาดโดยเฉลี่ยของอวัยวะเพศชายไทย

“ผมว่าโดยทฤษฎีมันก็โอเคนะ แต่จริงๆ แล้วมันไม่น่าจะช่วยได้มากนัก และเชื่อว่าน่าจะมีวิธีอื่นที่จะรณรงค์ให้คนใช้ถุงยางมากขึ้นและถูกวิธี”

ส่วนมุมจากหนุ่มๆ วัยฉกรรจ์อย่าง “โตโต้” - อาทิตย์ พันธิทักษ์ วัย 26 ปี มองว่า เรื่องของ “ขนาด” เป็นเรื่องที่ผู้ชายแต่ละคนน่าจะรู้ของตัวเอง แต่แม้หากเป็นวัยรุ่นที่เพิ่งจะลองซื้อถุงยางอนามัยครั้งแรกแล้ว ปรากฏว่า ขนาดไม่พอดี ประสบการณ์ครั้งต่อๆ มาก็จะสอนไปเองควรจะเลือกขนาดไหนที่เหมาะกับตัวเอง

อาทิตย์ พันธิทักษ์

“ลองผิดลองถูกหนหรือสองหนก็รู้แล้ว คือคำถามที่ผมได้ยินโครงการนี้ครั้งแรกคือ ทำเพื่ออะไร? มันอาจจะดีขึ้นบ้าง แต่มันเกินจำเป็น ออกแนวไร้สาระ เรื่องของร่างกายเฉพาะคน คนๆ นั้นน่าจะรู้เองล่ะครับว่าขนาดเท่าไหร่ แล้วอะไรเหมาะกับตัวเอง”

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนไม่เห็นด้วย เพราะ “อาร์ท” หรือ วีระ คิดรอบ นักศึกษาหนุ่มวัย 23 ปี เปิดประสบการณ์สุดเสี่ยงของตัวเองว่า...


วีระ คิดรอบ
“เคยมีปัญหาการหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ด้วยครับ ตกใจมาก ตอนนั้นกลัวติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่เหมือนกัน ถ้ามีขนาดมาตรฐานของคงไทยก็ดีนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเครื่องมืออย่างสายวัดจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องดูกันต่อไป ส่วนเรื่องโพล ถ้าถามผมว่าผมจะไปกรอกเพื่อให้ข้อมูลไหม...ผมให้นะ แล้วผมก็เชื่อว่ามีวัยรุ่นอีกเยอะที่ไปกรอกให้ เพราะอย่างที่เรารู้ก็คือ วัยรุ่นกับเรื่องเพศนี่มันมาคู่กัน เขาน่าจะได้ข้อมูลเยอะนะครับ” อาร์ท กล่าว

แต่ ถึงที่สุดแล้ว ผลการสำรวจมาตรฐานจะเป็นอย่างไร ข้อมูลที่ได้มาจะเป็นไปในทิศทางไหน และจะทำไปสู่การต่อยอดด้านใดบ้าง ผู้ที่สนใจติดตามโครงการกระแสแรงโครงการนี้ คงจะต้องติดตามกันต่อไป เพราะ นพ.สมยศ กระซิบว่า ผลการสำรวจจะเปิดเผยในช่วงวาเลนไทน์ของปี พ.ศ.2553 ซึ่งเป็นไปได้ว่า น่าจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้กันรอต่อยอดจากผลสำรวจชุดนี้อยู่...

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000143277

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น