...+

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

“มะเร็งตับ” ภัยสุขภาพที่ป้องกันได้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 พฤศจิกายน 2552 09:29 น.
“มะเร็งตับ” ถือเป็นมะเร็งที่คนไทยป่วยมากเป็นอันดับต้นๆ ที่ผ่านมา ได้มีบุคคลสำคัญ และผู้มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตด้วยโรคนี้ อาทิ “DJ โจ้” - อัครพล ธนะวิทวิลาศ จากคลื่นฮอตเวฟ, ยอดรัก สลักใจ ราชาลูกทุ่งชื่อดัง,นายอภิชาติ หาลำเจียก ดาราผู้ผันตัวมาลงสนามการเมือง หรือกระทั่งล่าสุดอย่าง “สมัคร สุนทรเวช” อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย

พญ.ฉัตรพร กิตติตระกูล จากศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและโรคตับโรงพยาบาลพญาไท 1 ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งตับ ว่า แบ่งได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ มะเร็งเซลล์ตับ และ มะเร็งท่อน้ำดี ผู้ป่วยประเทศไทย 95% เป็นมะเร็งเซลล์ตับ และเนื่องจากตับของคนเรามีขนาดใหญ่ คือ เป็นอวัยวะภายในที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และมีกำลังสำรองมาก ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งตับในระยะแรก จึงมักไม่มีอาการอะไร เพราะตับยังคงทำงานได้เกือบปกติ เมื่อมีอาการที่ชัดเจนแล้ว จึงมักพบก้อนมะเร็งที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้รักษาไม่ทัน มีอัตราการอยู่รอดเพียงไม่กี่เดือน หรือกว่าจะตรวจพบก็มีอาการแทรกซ้อนแล้ว

“การเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดในการเกิดโรคมะเร็งของเซลล์ตับในไทย จากสถิติของหลายสถาบันได้ผลใกล้เคียงกันว่า 80% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี ผู้ที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นมะเร็งตับ โดยมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติถึง 223 เท่า ส่วนมะเร็งท่อน้ำดีตับ เกิดเนื่องจากพยาธิใบไม้ตับเป็นสาเหตุสำคัญ นอกจากนี้ การดื่มสุราเป็นประจำ และการเคี้ยวหมาก รวมถึงการรับสารอัลฟลาท็อกซินเข้าไปในร่างกายก็มีผลวิจัยที่ระบุว่า ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้เช่นกัน”

พญ.ฉัตรพร กิตติตระกูล

ด้านนพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันวิทยาการวัคซีนได้พัฒนาวัคซีนตับอักเสบบีได้แล้ว ดังนั้น เด็กๆ ทุกวันนี้จะได้รับวัคซีนทุกคน แต่ก็จะมีวัยผู้ใหญ่บางคนที่ไม่ทันวัคซีนนี้และติดเชื้อจนป่วยเป็นโรคตับ อักเสบชนิดบี ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับได้

“ส่วนใหญ่ถ้าติดเชื้อและป่วยเป็นโรคตับอักเสบบี 90%จะเป็นแบบเฉียบพลันแล้วก็หายไปเอง แต่มักก็จะมี 10% ที่เป็นแล้วเรื้อรัง ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นมะเร็งได้ ประมาณ 0.2% ของคนที่เป็นตับอักเสบชนิดบีเรื้อรังจะเป็นมะเร็งตับ แต่หากเป็นชนิดซีจะสูงกว่า คือ ประมาณ 0.4% ที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับ”

ผอ.สถาบันมะเร็งฯ ได้แนะนำวิธีการรักษาสุขภาพให้ห่างไกลมะเร็งตับ ว่า ไม่ห่วงเรื่องอาหารบำรุงตับ เพราะถ้าตับทำงานปกติก็ไม่จำเป็นต้องบำรุง แต่ห่วงในประเด็นของอาหารทำลายตับที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น เหล้า อาหารเกิดราง่าย เช่น ถั่วลิสง การออกกำลังกายก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะในรายที่อ้วนมาก จะเกิดภาวะไขมันพอกตับ ทำให้ตับอ่อนแอ และกลายเป็นตับแข็งซึ่งจะนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับได้เช่นกัน

“สำหรับ ผู้ที่เป็นตับอักเสบชนิดบีและซี แนะนำให้ตรวจตรวจร่างกายสม่ำเสมอ ทั้งตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ ควรทำทุก 6 เดือน เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง ในรายที่มีลูกเล็กๆ ควรใส่ใจพาไปฉีดวัคซีนป้องกัน และเนื่องจากไวรัสชนิดบีและซีติดต่อได้คล้ายเอดส์ จึงควรระมัดระวังการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การมีเพศสัมพันธ์ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ไม่ควรใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วยที่มีเชื้อ ออกกำลังกายเป็นประจำ กินอาหารมีประโยชน์ ใส่ใจตรวจสุขภาพตามกำหนด เลี่ยงอาหารที่ทำลายตับ ก็จะลดความเสี่ยงลงไปได้ครับ”

4-

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น