...+

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

“นางสาวขนมเบื้อง” นศ.ตัวอย่างวัยรุ่น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤศจิกายน 2552 18:19 น.
“ขนมเบื้องไหมจ๊ะ ขนมเบื้อง หวาน หอม กรอบ อร่อย ชิ้นละ 1 บาทเดียวเองจ้า”
และนี่ก็เป็นเสียงหวานๆของสาวน้อยหน้าใส ที่มาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนผืนเก่งซึ่งหาก ใครได้มีโอกาสเดินผ่านไปผ่านมาแถวย่าน ตลาดพรธิสาร ก็คงจะเคยได้พบเห็นเธอยืนร้องตะโกนเรียกลูกค้าอยู่บริเวณหน้าร้าน ข้างๆกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อย่างสม่ำเสมอ

ซึ่ง หลังจากที่ใครต่อใครได้ยินเสียงดังกล่าวจนพอเริ่มที่จะคุ้นชินกับแม่ค้า เสียงเจื้อยแจวคนนี้สักพักแล้ว หลายคนต่างก็เริ่มตั้งฉายาให้สาวน้อยคนนี้ ว่า “น้องขนมเบื้อง”


น.ส. จันทรา เสวกสุท

ทั้งๆที่ชื่อเสียงเรียงนามจริงๆของเธอนั้น มีชื่อว่า “น้องน้อยหน่า” หรือ น.ส. จันทรา เสวกสุท นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ เอกการตลาด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

น้อยหน่า เล่าว่า ก่อนที่ครอบครัวจะมาขายขนมเบื้อง พ่อแม่ของเธอก็มีอาชีพค้าขายมาก่อนแต่เป็นการขายอาหาร เช่น ขายข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว อยู่บริเวณห้างสรรพสินค้าเซียร์ ย่านรังสิต โดยตลอดมาไม่ว่าครอบครัวของเธอจะประกอบธุรกิจอะไรก็ตาม น้อยหน่าก็จะคอยเป็นอีกแรงของพ่อแม่อยู่ตลอด อาทิ นับตั้งแต่สมัยที่ยังขายข้าวราดแกงอยู่เธอก็จะช่วยหุงข้าวไว้ขายก่อนไป โรงเรียน“หนูเป็นลูกคนเดียว ถ้าหนูไม่ทำแล้วใครจะทำ” และนี่ก็คือเหตุผลของสาวน้อยหน่าที่ลุกขึ้นมาแข็งขันเป็นอีกแรงหนึ่งของครอบครัว

แม่ค้าสาวก็เล่าต่อถึงจุดเริ่มต้นของการขายขนมเบื้องว่า แม่ของน้อยหน่าต้องการที่จะขยายกิจกรรมเพื่อหารายได้เสริมเพิ่มขึ้นจึงได้ คิดขายขนมเบื้องไปพร้อมๆกับการขายข้าวแกงที่เซียร์รังสิต แต่ภายหลังจากรายได้เสริมก็เปลี่ยนมาเป็นรายได้หลักเมื่อย้ายบ้านมาอยู่ที่ ปทุมธานี แล้วคุณพ่อของน้อยหน่าเริ่มที่จะมีสุขภาพไม่ดี จึงทำให้เธอต้องขายอย่างจริงจัง

“พอพ่อเริ่มป่วยเราก็เลย ขายแต่ขนมเบื้องในตลาดพรธิสารอย่างเดียวโดยได้ขายมาตั้งแต่ม.3 ซึ่งคุณแม่เป็นคนสอนให้เราทำ โดยแรกๆน้อยหน่าก็ดูคุณแม่ไปก่อนค่ะว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง และ ตอนหลังคุณแม่ก็สอนทั้งวิธีการละเลงแป้ง ละเลงอย่างไรให้แป้งมีขนาดเท่าๆกัน การใส่ครีมลงบนแป้ง โรยไส้ต่างๆ จนขายเป็นมาถึงตอนนี้”
จากมือใหม่จนมาถึงมืออาชีพ ปัจจุบันสาวน้อยหน่ายังคงขายขนมเบื้องสลับไปกับการเรียนควบคุ่ น้อยหน่าบอกต่ออีกว่าเธอมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวฉะนั้นเธอจึงต้องขยัน กว่าคนอื่น ซึ่งแม้ว่าเธอจะมีเรียนทุกวัน แต่เธอก็จะไม่ลืมแบ่งเวลาให้กับการขายเพื่อช่วยแม่

“ทุก วันนี้เราขายคล่องขึ้นเพราะมีประสบการณ์ขายทุกวัน โดยจะเลือกวันที่มาช่วยแม่ก็คือ วันจันทร์-วันอาทิตย์ เวลาที่ว่างจากการเรียน ก็จะออกมาจากมหาวิทยาลัยช่วยแม่ขายขนมเบื้อง เช่น วันไหนมีเรียนทั้งวัน ตอนช่วงกลางวันก็จะออกมาขาย พอช่วงบ่ายก็จะกลับไปเรียน เพราะไม่อยากให้แม่เหนื่อยไม่มีคนช่วย”


ทั้งนี้เห็นน้อยหน่า ทั้งขยันและตั้งใจ ผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ปล่อยเธอเหนื่อยเปล่า ให้ค่าตอบแทนเธอวันละ 200 บาทเพื่อใช้จ่าย แต่กระนั้นเองเจ้าตัวก็ไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือย อย่าง ล่าสุดภาคภูมิใจมากที่สามารถจ่ายค่าเทอมเองได้ ทั้งยังคิดเสมอว่าเงินที่เก็บไว้แต่ละบาท หาได้ไม่ง่ายนัก ลดลาเรื่องของการชอปปิ้งและรับมรดกตกทอดจากรุ่นพี่ อาทิ ชุดนักศึกษามาสวมใส่

“ตอน ที่ยืนขายขนมเบื้องร้อนมาก กว่าจะได้แต่ละบาท กว่าจะได้เงิน 100 บาท ต้องทำขนมเบื้อง 100 แผ่น ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออะไร ควรคิดก่อนว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด สำหรับเพื่อนๆที่มหาวิทยาลัยบางคนที่น้อยหน่าเห็นเค้าก็มีความใช้จ่าย ฟุ่มเฟือยมาก ซึ่งบอกตรงๆเลยค่ะว่าเห็นแล้วรู้สึกสารพ่อแม่ของเขา เพราะกว่าจะได้เงินมาต้องเสียหยาดเหงื่อไปเท่าไร”น้อยหน่าระบาย

ก่อนที่จะปิดท้ายถึงความภูมิใจกับ “ฉายาน้องขนมเบื้อง ”ที่เหล่าเพื่อนพ้องรวมใจตั้งให้ “ชอบ ค่ะที่มีคนเรียกเราอย่างนั้น แถมยังไม่เคยอายที่จะต้องยืนขายขนมเบื้องด้วย เพราะว่าเราไม่ได้ไปขอใครกิน ตลอดจนอาชีพค้าขายก็เป็นอาชีพของครอบครัวตั้งแต่เกิด ก็เลยซึมซับและรู้สึกรักในการขายโดยเฉพาะการขายขนมเบื้อง” ขนมเบื้องหวานๆมั้ยจ้าขนมเบื้อง น้อยหน่าร้องชวนขายต่อ

http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000139709

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น