...+

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เคาะข่าวริมโขง : "ประสงค์" เตือน "จิ๋ว" หยุดสุมไฟประเทศ ก่อนจะเหมือนคำ "ป๋า"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

รายการ "เคาะข่าวริมโขง" ออกอากาศทาง "อีสานทีวี" ช่วงเวลา
18.30-20.30 น. วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายประพันธ์เป็นผู้ดำเนินรายการ
และร่วมวิเคราะห์หลากหลายประเด็นข่าวที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะกรณีขบวนการทำลายบ้านเมืองที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี สมคบคิดกับบรรดาลิ่อล้อกำลังลงมือกระทำการบางอย่าง
เพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

โดยในรายการ น.ส.อัญชะลี ได้ต่อสายสัมภาษณ์สด น.ต.ประสงค์
สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
ถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่น่าไว้วางใจในเดือนนี้ โดย น.ต.ประสงค์
กล่าวว่า เดือนพฤศจิกายนนี้ ตนถือว่าประเทศเปรียบเหมือนคนที่เป็นร่างทรง
และกำลังจะออกจากร่าง ซึ่งจะเกิดอาการสั่นสะท้านไปทั้งตัว
คล้ายกับเป็นช่วงราหูยก ดังนั้น ต้องเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวของหลายฝ่าย
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมืองหรือกลุ่มประชาชน
ที่กำลังพยายามทำตัวเหมือนสุมไฟให้กับประเทศ โดยคนพวกนี้
ต้องการจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางไม่ดี

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนคาดการณ์สถานการณ์ไว้ มีอยู่
2-3 เรื่อง คือ การเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังทิ้งใบไพ่สุดท้าย
ต้องการทำให้ทุกอย่างจบลงในเร็ววันนี้ ดังนั้น จึงต้องทำทุกอย่าง
หลังจากที่เดินเกมใช้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวแล้ว แต่ไม่ได้ผล
ต้องหันไปใช้บริการทหารเก่าอย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ซึ่งการกลับมาเล่นการเมืองครั้งนี้ของ พล.อ.ชวลิต จะเห็นได้ว่า
แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แต่ก็ทำให้ประเทศปั่นป่วนและเกิดปัญหาต่างๆขึ้นมากมาย
โดยเฉพาะปัญหาระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา แม้ว่าตนจะรู้ดี พล.อ.ชวลิต
เป็นคนที่ฉลาดและมีกลอุบายที่แยบยล แต่ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า
ไม่เคยกระทำการใดๆ สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจาก
สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศเท่านั้น

"พล.อ.ชวลิต เข้ามาร่วมงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่นาน
ก็มีเตรียมทหารรุ่น 10 ตบเท้ามาสมทบเป็นจำนวนมาก ดังนั้น
การเคลื่อนไหวของกระบวนการที่มีทหารเข้าร่วมก็ถือว่าบ่งบอกสัญญาณอะไร
บางอย่าง อีกทั้งยังไม่นับรวมพวกตำรวจและกลุ่มคนเสื้อแดง
ที่ร่วมในขบวนการนี้ โดยสามเกลอหัวขวด ก็ออกมาประกาศชัดเจนว่า วันที่ 14
พฤศจิกายนนี้ จะมีการชุมนุมครั้งใหญ่
ทำให้คิดว่าต่อจากนี้ต้องจับตามองสถานการณ์ให้ดีๆ
จะเห็นได้ว่าทุกการเคลื่อนไหวล้วนสอดคล้องกับท่าทีของ พล.อ.ชวลิต"
น.ต.ประสงค์ กล่าว

น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนกำลังมองเห็นคือ ความวุ่นวาย
ที่ประเทศไทยกำลังจะพบเจอ ยิ่งในช่วงที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
บริหารประเทศ ซึ่งหากให้วิพากษ์วิจารณ์ตรงๆ ตนคงต้องพูดว่า ผิดหวัง
เพราะรัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นที่พึ่งได้จริงๆ
เสมือนใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ แก้ปัญหาไม่ได้ทันท่วงที ไม่หนำซ้ำ
ยังปล่อยให้พรรคร่วมมีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่า
ตนจึงเสียใจกับท่าทีกับคำพูดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ประกอบกับเวลานี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง
ก็กำลังป่วยไข้หวัดแขก เพราะขณะนี้ นายราเกซ สักเสนา
ผู้ต้องหาสำคัญในคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ (บีบีซี)
ที่ถูกส่งตัวจากประเทศแคนาดากลับประเทศไทย เพื่อดำเนินคดี ทำให้เวลานี้
ไม่ว่ารัฐบาลจะขยับตัวไปทางไหน ก็พบแต่ความยากลำบาก
เนื่องจากคนใกล้ตัวนายกรัฐมนตรีหลายคน มีส่วนเกี่ยวพันกับคดีนี้

น.ต.ประสงค์
กล่าวถึงกรณีหนทางการสืบสาวราวเรื่องคดียักยอกทรัพย์บีบีซี ว่า
เรื่องนี้ที่ นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า
ท่าทางจะขยายผลถึงผู้บงการได้ลำบาก ตนอยากบอกว่า นายอภิสิทธิ์
ดำเนินการขยายผลแล้วหรือไม่ จึงออกมาระบุเช่นนี้
ตนถือว่าเป็นการพูดโดยที่ยังไม่ได้ทำงาน ทั้งที่คดีนี้
ไม่ต้องไปสืบสาวราวเรื่องจากที่ไหน
แค่ไปขอข้อมูลการซื้อขายหุ้นวันดังกล่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(แบงก์ชาติ) เท่านี้ก็ทราบแล้วว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการปล่อยข่าวอัปมงคลทุบ
หุ้น และจะทราบเลยว่า
กลุ่มก้อนการเมืองใดอยู่เบื้องหลังการล้มของแบงก์บีบีซี

น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า หลายปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาล
นับเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ
กำลังเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบให้แก่ประเทศ อีกทั้ง
ต้องยอมรับว่าขุมกำลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจหรือพวกมวลชนภาคเหนือและภาคอีสาน
ยังไม่นับพวกฝ่ายข้าราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ที่สวามิภักดิ์ โดยขณะนี้
ก็ยังคงมีหัวคะแนน พ.ต.ท.ทักษิณ กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ
เพื่อเป็นแขนขาค่อยดำเนินการตามแผน
ซึ่งคนพวกนี้อยู่ได้ด้วยน้ำเงินของอดีตนายกรัฐมนตรี
สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นพลังจัดตั้งผู้คนหรือกองกำลังสนับสนุนเมื่อไหร่ก็ได้
ดังนั้น ตนจึงเชื่อว่า ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังวางเกมอยู่ว่า
ควรมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ใดบ้าง

"ผมคิดว่าภายในเดือนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีแผนอยากจะเผด็จศึก
ถือเป็นการทำสงครามครั้งสุดท้าย ส่วนเรื่องกระแสการปฏิวัติ
ยังตัดประเด็นนี้ออกไปไม่ได้ เพราะเวลานี้ มี พล.อ.ชวลิต
และบรรดาทหารเก่า รวมทั้งทหารที่ยังรับราชการอยู่
เรียงหน้ามาเข้าร่วมขบวนการ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งต้องบอกกันตรงว่า
ตอนนี้แม้แต่กองทัพเสถียรภาพภายในยังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ดังนั้น
สถานการณ์ที่เป็นอยู่จึงน่าเป็นห่วง
ยิ่งถ้ารัฐบาลไม่สามารถประสานความแตกแยกได้
ก็อาจมีการแทรกซึมสถานการณ์เพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยตนคิดว่า
เวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีความคิดเรื่องปฏิวัติอยู่
หลังจากใช้พวกแก๊งค์หัวขวดกับกลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวแล้วไม่ได้ผล
แต่ครั้งนี้ รัฐบาลจะประมาทไม่ได้
เพราะมีทหารจำนวนมากตบเท้าเข้าร่วมขบวนการนี้" น.ต.ประสงค์ กล่าว

น.ต.ประสงค์ กล่าวถึงการกระทำของ พล.อ.ชวลิต
ที่เป็นทหารรับใช้ชาติ แต่กลับไปร่วมมือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ว่าการกระทำดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้ประชาชนจำนวนมาก
ยิ่งการเดินทางไปพบสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
เปรียบเหมือนการชักศึกเข้าบ้าน เป็นการกระทำที่สุมไฟให้แก่ประเทศ ดังนั้น
ตนในฐานะเพื่อนอยากให้ พล.อ.ชวลิต ลองทบทวนและคิดดูให้ดีว่า การไปร่วมกับ
พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฯ ฮุนเซน ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรบ้าง ไม่หนำซ้ำ
ยังมีแผนจะเดินทางไปมาเลเซียและพม่าอีก
ซึ่งตนอย่าให้คิดให้ดีก่อนตัดสินจะทำ ไม่เช่นจะเหมือนที่ พล.อ.เปรม
ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้เรื่องทรยศชาติ

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ พล.อ.ชวลิต
แถลงข่าวเดินหน้าโครงการ "ไทยร่มเย็น เป็นมิตรเพื่อนบ้าน"
ก่อนจะทำการลงพื้นที่ภาคใต้ โดยระบุว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้นโยบายการตั้ง
"นครรัฐปัตตานี" ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ตนอยากบอกว่า สิ่งที่
พล.อ.ชวลิต คิดจะทำไม่สมควรจะดำเนินการ เพราะเหมือนยิ่งสุมไฟ
ซ้ำเติมสถานการณ์ภาคใต้ให้ยิ่งทวีความรุนแรง
ทั้งที่รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่ พล.อ.ชวลิต
กลับจะไปก่อเหตุให้บ้านเมืองเดือดร้อน เพราะถ้าหากกลุ่มผู้ไม่หวังดี
ใช้ประเด็นการตั้ง "นครรัฐปัตตานี" ขึ้นมาปั่นป่วนสถานการณ์
เพื่อนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน พล.อ.ชวลิต จะรับผิดชอบเช่นใด ดังนั้น
กองไฟที่ พล.อ.ชวลิต ก่อไว้
น่าจะกลับไปทบทวนตัวเองว่าบ้านเมืองได้อะไรจากการกระทำดังกล่าว
ซึ่งตนมองเห็นแต่ความแตกแยกที่จะเกิดขึ้น
คนพวกนี้เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อมีเป้าหมายไม่หวังดีกับประเทศของเรา

นายประพันธ์กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า การกระทำของ พล.อ.ชวลิต
ตั้งแต่ตอนที่เดินทางไปพบ สมเด็จฯ ฮุนเซน ที่กัมพูชา
ตนว่าไม่ใช่การเดินหน้าโครงการ "ไทยร่มเย็น เป็นมิตรเพื่อนบ้าน"
แต่เป็นโครงการ "พาไทยล่มจม ชักศึกเข้าบ้าน" มากกว่า
เพราะเป็นพฤติกรรมที่ชวนประเทศเพื่อนบ้านมาเผาบ้านเมืองตัวเอง
โดยที่คนไทยทั้งประเทศไม่ได้รับประโยชน์ เหมือนตอนที่
ตนเคยไปช่วยงานตอนก่อตั้งพรรคความหวังใหม่ พร้อมกับ น.ต.ประสงค์
ทำให้ล่วงรู้มาว่า พล.อ.เปรม ก็เคยคิดว่า พล.อ.ชวลิต เป็นคนดี
แต่กลับไม่ใช่ เพราะจากพรรคความหวังใหม่ กลับกลายร่างเป็นพรรคความหวังหมด
ตั้งแต่เซ้งพรรคให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ
และยังมาร่วมมือกับทำร้ายประเทศรอบนี้อีก

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องนโยบายตั้ง "นครรัฐปัตตานี"
โดยบิดเบือนว่าจะทำให้เหมือนนครเชียงใหม่ ตนถือเป็นนโยบายแบ่งแยกแผ่นดิน
ไม่รู้ว่าใช้อะไรคิด เพราะที่จริงแล้ว นครเชียงใหม่ เป็นเพียงแค่เทศบาล
ซึ่งถือเป็นการกระจายอำนาจภายใต้การบริหารของรัฐบาล ไม่เหมือนกับการตั้ง
"นครรัฐปัตตานี" ที่เป็นการแบ่งแยกอำนาจอย่างชัดเจน ตนจึงเชื่อว่า
พล.อ.ชวลิต กำลังจะสร้างความสับสนให้แก่ประชาชน
เพื่อปลุกปั่นให้สถานการณ์ภาคใต้วุ่นวายมากขึ้น

"ที่จริงผมอยากให้ พล.อ.ชวลิต และพรรคเพื่อไทย
ดำเนินการตามนโยบายนี้จริงๆ เพราะถ้าหากทำเช่นนั้น
ตนเชื่อว่าไม่มีใครเอาด้วย และมันจะทำให้เห็นว่าอดีตนายกรัฐมนตรี
มีความรู้แค่ ป.4 เนื่องจากอยู่ดีไปนำเสนอนโยบายไม่เข้าท่า แถมมีการชวน
พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน จากพรรคมาตุภูมิ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธ์
ส.ส.พรรคมาตุภูมิ นายเด่น โต๊ะมีนา ส.ว.
รวมถึงส.ส.นราธิวาสของพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมดำเนินการด้วย
ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัน" นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิต
เคยออกมาตอบโต้ผู้ที่ระบุว่าไม่รักชาติว่า
คนพวกนี้ไม่เคยทำอะไรให้บ้านเมือง แล้วออกมาต่อว่าหรือวิพากษ์วิจารณ์
เป็นพวกที่ไม่ได้ทำประโยชน์ใดๆให้กับประเทศ คำพูดดังกล่าว ตนอยากบอกว่า
คนที่อยู่เฉยๆ ไม่ไปร่วมขบวนการด้วย ก็ถือว่าเป็นผู้ที่รักชาติแล้ว
เพราะการรักชาติ ไม่จำเป็นต้องไปเต้นแรงเต้นกาให้คนอื่นเห็น
เพียงแค่ทำความดี และไม่ไปร่วมกับขบวนการเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พอ
ถือว่าไม่เป็นการทำร้ายประเทศแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น