ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
สธ. เตือน เด็ก ผู้ป่วย หญิงตั้งครรภ์ ระวังกินเจ
ชี้ควรกินระยะสั้นๆ เสี่ยงขาดสารอาหาร แนะควรดื่มนมสด
หรือนมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียมรวมทั้งผักผลไม้สด เพิ่มวิตามิน
กรมอนามัยแนะควรกินผักสดเพิ่มวิตามิน
วันนี้(17 ต.ค.) นายมานิต นพอมรบดี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)
กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานเทศกาลกินเจ ปี 52 ที่ อ.บ้านโป่ง
จ.ราชบุรี ว่า ในช่วงวันที่ 18-26 ตุลาคม2552
จะเป็นช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ
ซึ่งปัจจุบันมีผู้นิยมกินอาหารประเภทนี้มากขึ้นทั้งกินเพื่อสุขภาพและกิน
เพื่อถือศีล อาหารเจโดยทั่วไป มีส่วนประกอบหลักคือธัญพืชจำพวก ถั่ว งา
ผักและผลไม้ 5 สี ได้แก่ ขาว ดำ แดง เขียว เหลือง งดพวกอาหารหมักดอง
ละเว้นเนื้อสัตว์
นายมานิต กล่าวต่อว่า ในการกินเจ
ต้องเลือกปฏิบัติให้เหมาะสมตามวัย อายุ และสภาพร่างกาย
เพราะอาจมีผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ โดยกลุ่ม ที่ต้องระมัดระวังในการกินเจ
เป็นกรณีพิเศษ ได้แก่กลุ่มเด็ก คนป่วยและหญิงตั้งครรภ์ ควรกินระยะสั้นๆ
ในช่วงถือศีลเจ 9 วัน
เนื่องจากร่างกายต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนมากกว่าคนปกติทั่วไป
จึงเสี่ยงขาดสารอาหารได้ ในการกินเจ ต้องกินอาหารอื่นให้ครบ 5 หมู่
โดยให้ดื่มนมสด หรือนมถั่วเหลือง เพิ่มโปรตีนและแคลเซียมด้วย
รวมทั้งกินผักสดและผลไม้ เพิ่มวิตามินให้ร่างกาย ในกรณีของเด็ก
หากต้องกินเจต่อเนื่องเป็นระยะยาวหรือตลอดไป จะต้องดื่มนมและกินไข่ด้วย
เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นในการเจริญเติบโต
นายแพทย์โสภณ เมฆธน รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า
ผู้ที่ถือศีลกินเจ ต้องระวังเรื่องการปรุงอาหารไม่ให้มันมาก
เนื่องจากอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว อาหารเจทั่วไป
ถ้าเป็นผักจะนำมาต้มจนเปื่อย และอุ่นซ้ำบ่อยๆทำให้สูญเสียวิตามิน
ควรกินผักสด และผลไม้ตามด้วยทุกมื้อเพื่อให้ได้วิตามินที่เพียงพอ
สำหรับผู้ที่กินเจตลอดปี ให้ระวังเรื่องการขาดธาตุเหล็ก
ควรกินยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กควบคู่ไปด้วย
อย่างไรก็ตามที่สำคัญที่สุดคือต้องกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่
ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง
สำหรับในกลุ่มของประชาชนที่ต้องการกินเจเพื่อสุขภาพ
มีข้อแนะนำดังนี้ 1.ต้องกินผักและผลไม้สดด้วย
2.ต้องระวังการกินอาหารที่มีไขมันมาก 3.ต้องระวังอาหารที่มีรสเค็มจัด
4.ต้องมั่นใจในวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารเจว่าเป็นโปรตีนจากพืช ไม่ใช่แป้ง
และ 5.ต้องล้างผักและผลไม้เพื่อลดสารพิษตกค้าง
ทั้ง นี้ การลดสารพิษตกค้างในผักผลไม้มีหลายวิธี
ได้แก่การล้างน้ำผักในน้ำไหลนาน 2 นาที จะลดสารพิษได้ ร้อยละ 54-63
ล้างด้วยผงฟูในอัตราผงฟู 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 อ่าง แช่ทิ้งไว้ 15 นาที
จะลดสารพิษลงได้ร้อยละ 90-95 หรือแช่ในน้ำสะอาด นาน 15 นาที
ช่วยลดสารพิษลงได้ร้อยละ 7-33 นอกจากนี้อาจล้างด้วยน้ำผสมด่างทับทิม
ประมาณ 20-13 เกล็ด ต่อน้ำ 4 ลิตร นาน 10 นาที แล้วล้างน้ำตาม
จะลดสารพิษลงได้ร้อยละ 50 การล้างด้วยน้ำเกลือเข้มข้นร้อยละ 50
โดยใช้เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ลิตร นาน 2 นาที จะลดสารพิษลงร้อยละ
34 หากล้างด้วยน้ำส้มสายชู โดยใช้น้ำส้มสายชู 1 ขวด ต่อน้ำ 4 ลิตร นาน 15
นาที จะลดสารพิษลงได้ร้อยละ 60-84
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น