...+

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ต้นฉบับเสียงหล่อยุค 80 : นกเจ้าโผบินของจำรัส

โดย ต่อพงษ์ 27 กันยายน 2552 20:09 น.
ยุค 80 เป็นยุคที่สนุกจริงๆ นะครับสำหรับคนฟังเพลง
ส่วนหนึ่งเพราะความหลากหลายที่ไม่ได้มีเพราะความที่ศิลปินนั้นอยู่ต่างค่าย
แต่เป็นเพราะความหลากหลายที่เกิดจากการเขียนเพลงและการเป็นตัวของตัวเองจน
สามารถที่จะแยกสำเนียง เสียง และลีลาของแต่ละวง แต่ละคนได้อย่างสบาย

ที่ต้องพูดแบบนี้
เพราะผมพยายามจะเขียนเรื่องราวของนักร้องเสียงหล่อแห่งยุค 80
ซึ่งได้มาแล้ว 3 คนคือ พี่อ๊อด คีรีบูน พี่ต้น สุชาติ ชวางกูร และ
น้าแต๋ม ชรัส เฟื่องอารมณ์ พอมาถึงตอนนี้บอกตามตรงก็เริ่มที่จะตัน
แต่ไม่ได้ตันเพราะนึกใครไม่ออก แต่ตันเพราะตัวเลือกที่จะเขียนต่อมันเยอะ

คือถ้าจะนับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นตัวแทนเสียงหล่อนี่พวกเขาก็ควรจะมีเพลงฮิต
เยอะหน่อยใช่ไหมครับ แต่สำหรับบางคนที่มีเพลงประเภทโคตรไพเราะ
แต่อาจจะมีเพลงฮิตแค่อัลบั้มเดียว หรือ
เสียงร้องได้ยินอยู่ทั่วไปแต่งานของตัวเองกลับแป๊กมันก็มี

ผม ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับนักร้องอย่าง น้าจ๋าย จำรัส
เศวตาภรณ์ กับ เดอะ เรดิโอ พี่อ้อง สุรสีห์ อิทธิกุล และ ปานศักดิ์
รังสิพราหมณกุล สามหนุ่ม
สามมุมนี้กินกันไม่ลงเลยในแง่ของชีวิตของการเป็นนักดนตรีและความสำเร็จใน
ด้านยอดขาย

นั่นคือเพลงดัง แต่ดังอยู่ไม่นานเท่าไหร่
และยอดขายก็ต้องนับว่าลุ่มๆดอนๆ แต่กระนั้นไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า
ผลงานของทั้งสามคนนี้ไพเราะและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดเหมือนกันนะครับ


ครับ ขี้เหล้ารุ่นกระเตาะอย่างพวกผมยุคโน้นก็ต้องเล่นและร้องเพลงของพวกเขาได้
เป็นประจำตอนเมาเหมือนกัน และต้องร้องอย่างซึ้งที่สุดด้วย
...อย่ากระนั้นเลยเขียนถึงสามคนนี่เรียงคิวไปเลยแล้วกันนะครับ

สำหรับจำรัส เศวตาภรณ์ คนยุคนี้อาจจะรู้จักเขาจากผลงานเพลงโยคะ
หรือเพลงประเภทชวน Relax บางคนอาจจะเรียกมันว่า นิวเอจ แบบไทยๆ หรือ
Green Music แต่สำหรับผมคุ้นเคยกับเพลงของน้าเขาจากการไปนวดเพื่อสุขภาพในหลายที่
แต่เด็กรุ่นนี้อาจจะไม่รู้ว่า
เมื่อก่อนนี้เขาเคยทำเพลงที่คนไทยทั้งประเทศต้องร้องได้มาแล้ว

จำรัสเคยร้องเพลงกับแกรนด์เอ็กซ์ยุคแรกๆ
โดยเฉพาะลูกทุ่งดิสโก้นี่มันส์ครับ ส่วนเพลงหวานก็คู่นก
(สองอัลบั้มนี้ยังมีขายเป็นแผ่นเสียงที่ร้านเชิงสะพานเหล็กนะครับ
..เผื่อใครสนใจ) แต่เพราะเบื่ออะไรก็ไม่ทราบ แกก็เลยลาออกจากแกรนด์เอ๊กซ์
จากนั้น 'พี่แช่' ก็เข้ามาเป็นนักร้องนำด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างกัน
สำหรับผมพี่จ๋ายนั้นเสียงเหมือนใยแพร มันนุ่ม มันลื่น มันไหล
โดยเฉพาะเมื่อแกร้องเพลงช้า แต่พี่แจ้นี่สดใส
มีพลังเข้มแข็งและมีอารมณ์ขันกว่า

พี่จ๋ายมาตั้งวงที่ชื่อว่า จำรัส แอนด์ เดอะ เรดิโอ ขึ้นมา
ออกงานชิ้นแรกปี 2525 ในชื่อชุด นกเจ้าโผบิน
จำได้ว่าชุดนั้นผมซื้อเพราะมีแผงขายเทปอยู่หน้าโรงเรียนพอดี
จำได้ว่าเป็นแผงขาจรซึ่งตั้งขายแถวๆร้านสมใจ
เพลงที่ผมได้ยินแล้วต้องดูเงินในกระเป๋าแล้วก็ตัดสินใจว่า เอาว่ะ
ยอมจิ๊กของกินเพื่อนๆจานละคำๆ เพื่อแลกกับเทปเลยก็เพราะ เพลงที่มีชื่อว่า
"สาวน้อย"

สำหรับเด็กมัธยมที่เพิ่งจะรู้จักสาวน้อย...เพลงนี้มันเข้าถึงใจเหลือเกิน
เขาว่าด้วยสาวที่กำลังคอยชายคนรักที่จากไป ผมเองยังไม่มีแฟน
แต่มนต์เพลงนี้ทำให้เกิดความรู้สึกอยากจะไปปลอบเธอคนนั้นเหมือนกัน
แน่นอนทำนองเพลงที่มีอยู่ในหัว
มันทำให้เย็นวันนั้นซึ่งต้องไปเรียนพิเศษที่ Home Of English
ข้างๆโรงหนังเฉลิมไทยนั้นไม่รู้เรื่องเลย...เพราะมัวแต่จ้องจะหาสาวน้อยคน
ไหนซักคนแล้วจะเข้าไปปลอบแหล่ะครับ อิอิอิ

แต่ที่ฮิตระดับชาติจริงๆ (และเป็นเพลงที่ทำให้ใครๆ
ก็ต้องซื้อเทปม้วนนี้) เป็นไตเติ้ลแทร็คที่ชื่อว่า "นกเจ้าโผบิน"
ท่วงทำนองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของญี่ปุ่น
ไปจนกระทั่งโซโล่ตอนกลางเพลงที่ผมแน่ใจว่า เขาพยายามเล่นแบบโกโตะ
เครื่องดนตรีญี่ปุ่น ท่วงนำนองโคตรไมเนอร์นี้เอง
เข้ากันเหลือใจกับเรื่องราวของนกน้อยที่กำลังโผบินไปตามขอบฟ้าและชายฝั่ง
ซึ่งจากเพลงนั้น ผมว่านกคงหมดแรงตายแน่ๆ
แต่กระนั้นมันก็เจ๋งสุดๆและฮิตสุดๆ เลยนะครับ

อีกเพลงที่ถือเป็นมาสเตอร์พีซในชุดแรกเลยเป็นบัลลาดอีกนั่นแหล่ะ
เพลงชื่อ 'สายน้ำ'
เพลงนี้โคตรเศร้าเพลงอุปมาอุปมัยเรื่องของสายน้ำกับสายใจและสายสวาท
เสียงฟลุ๊ตเพราะสุดๆเลยครับ
จะว่าไปอัลบั้มของวงนี้ใช้เครื่องเป่าอย่างฟลุ๊ตเยอะนะครับมันถึงได้พริ้ว
ไหวเป็นใยไหมแบบนั้น

แต่อาจจะเป็นเพราะฝีมือของวงนี้จะพีคอยู่แค่อัลบั้มแรก
งานชิ้นต่อมาอย่าง "หยาดฝน" ก็เลยดูแป๊กๆ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ตามมาด้วยงานชุดสุดท้ายในปีถัดมา "ในชื่อบทเพลงแห่งฝัน"
ชุดนี้ขอสารภาพมาตั้งแต่ซื้อมา จำได้ว่าฟังอยู่ไม่กี่ครั้งเอง
เพราะเพลงมันแปร่งๆพิกล หลังจากนั้นจำรัส แอนด์ เดอะ เรดิโอก็จบตัวเอง
เหลือแต่จำรัส เศวตาพร
ที่ชอบทำเพลงประกอบดนตรีและเพลงในแนวสีเขียวธรรมชาติอย่างที่เรารู้จักกัน
ปัจจุบันนี้แหล่ะครับ

จะเห็นได้ว่าวงอย่างจำรัส แอนด์ เดอะ เรดิโอ
นั้นมาเร็วและไปเร็วอย่างยิ่ง ชั่วเวลาแค่ 3
ปีพวกเขาขึ้นถึงจุดสูงสุดที่คนในประเทศต้องรู้จักทั้งสามเพลงนี้
และก็ถึงจุดต่ำสุดได้เร็วเหลือใจ
ส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะว่าพวกเขามีฝีมือต่ำลง
แต่ผมโทษยุคสมัยมากกว่าโดยเฉพาะปี 2526-2527
นั้นมีเพลงดีๆและวงดีๆโผล่ขึ้นมาเยอะเหลือเกินครับ

หนึ่งในปรากฏการณ์ที่โผล่มีชื่อ สุรสีห์ อิทธิกุล ที่ปลุกให้เพลง
'หยาดเพชร' ซึ่งเดิมชรินทร์ นันทนาคร เคยร้องไว้ต้องสะท้าน
เพราะน้ำเสียงของพี่อ้องนั้นหล่อโคตรๆ สง่าโคตรๆ หวานโคตรๆ
...แต่ใครจะนึกว่าเจ้าของเสียงหล่อคนนี้คือร็อคเกอร์มือดีของไทย(ในยุคโน้น)
ในนาม Butterfly ที่ทำงานโปรเกรีสซีฟให้คนฟังอึ้งและทึ่งมาแล้วนะครับ

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000113355

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น