...+

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ตะลึง! คนไทยกินยาพารา 100 ล้านเม็ดต่อปี ระวังกินเกิน "ตับวาย"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 ตุลาคม 2552 17:02 น.

อภ.รอประเมินค่า เสียหายโรงงานต้นเหตุ เจอลวดปนยาพาราฯ
เผยปัจจุบัน อภ.จ้างผลิต 2 โรงงาน เดือนละล้านกว่าเม็ด ส่วนแบ่งตลาด 10%
พบคนไทย กินยาพาราฯ ปีละ 100 กว่าล้านเม็ด
เตือนกินเกินขนาดตับวายเฉียบพลันได้ ขณะที่ อย.ชี้โรงงานได้จีเอ็มพี
แนะปรับปรุงการผลิตโรงงานติดตั้งเครื่องตรวจจับโลหะเพิ่มอีก 1
เครื่องในช่วงร่อนผงยา แนะใช้แผ่นเหล็กมีรูแทนตะแกรงลวด

วันที่ 27 ตุลาคม นพ.วิทิต อรรถเวชกุล
ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงกรณีพบเส้นลวดในยาพาราเซตามอล
ซึ่งผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ที่ จ.แพร่
ว่าความผิดพลาดในกระบวนการผลิตยาสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
แต่โรงงานควรที่จะมีคือกระบวนการตรวจสอบที่ดีได้มาตรฐาน
โดยความผิดพลาดที่มักพบบ่อยๆ เช่น เม็ดยาแตก เม็ดยาดำ กร่อน
เมื่อพบจะมีการคัดแยกออกจากสายการผลิตทันที และยังมีเครื่องตรวจโลหะด้วย
ส่วนกรณีที่พบกระบวนการผลิตยาพาราฯ มีปัญหานั้น
ต้องหาสาเหตุและปรับปรุงต่อไป
โดยขณะนี้ยังไม่ได้หารือเรื่องค่าเสียหายกับบริษัทผู้ผลิตยาซึ่งจะต้องรอการ
ประเมินและตรวจสอบโรงงานก่อน อย่างไรก็ตาม
เบื้องต้นคิดว่ามีค่าเสียหายเกิดขึ้นแน่นอนเพราะต้องหยุดกระบวนการผลิตลง

นพ.วิทิต กล่าวว่า ปัจจุบัน
อภ.ได้ส่งมอบให้บริษัทเอกชนเป็นผู้ผลิตยาทั่วไปที่ประชาชนใช้เป็นจำนวนมาก
เนื่องจากกำลังการผลิตของ อภ.เองไม่เพียงพอ เช่น กลุ่มยาแก้ปวด ยาแก้หวัด
แก้วิงเวียนศีรษะ สำหรับยาพาราฯ มีบริษัทที่รับทำการผลิตอยู่ 2 บริษัท
คือ บริษัท โอสถอินเตอร์ แลบอลาตอรี่ จำกัด ซึ่งผลิตแบบแผง
และโรงงานเภสัชกรรมทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร
กทม.ประเทศไทย ของกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะผลิตแบบกระป๋อง
โดยมีกำลังการผลิตประมาณเดือนละ 1.4 ล้านเม็ด ปีละประมาณ 20-30 ล้านเม็ด
ทั้งนี้ อภ.มีส่วนแบ่งการตลาดของยาประเภทดังกล่าวอยู่เพียงร้อยละ 10
ของจำนวนยาทั้งหมดเท่านั้น
ซึ่งตลาดโดยรวมทั้งประเทศอาจมีการผลิตอยู่ที่ปีละประมาณกว่า 100 ล้านเม็ด

"คน ไทยมักใช้ยาอย่างพร่ำเพรื่อทำให้มีการใช้ยาแก้ปวดจำนวนมาก
ทั้งที่ไม่จำเป็นเพราะคิดว่าเป็นยาที่ปลอดภัยความจริงแล้วยาประเภทดังกล่าว
หากรับประทานมากเกินกว่าที่กำหนด เช่น รับประทาน 6 เม็ด/ครั้ง
อาจทำให้ตับวายได้ และหากเกิดขึ้นจะรักษาได้ยากมาก
อาการที่พบเบื้องต้นคือ ตัวเหลือง ซึม อาการเข้าข่ายโคม่า จนถึงเสียชีวิต
ซึ่งหากหลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ควรรับประทาน เช่น
ปวดเมื่อยเนื้อตัวจากการทำงาน หรือไข้ต่ำๆ
เพราะสามารถใช้วิธีอื่นเช่นพักผ่อน
ดื่มน้ำเยอะก็สามารถหายเป็นปกติได้"นพ.วิทิต กล่าว

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
กล่าวว่า จากการตรวจสอบเรื่องมาตรฐานการผลิตที่ดี (จีเอ็มพี)
ของโรงงานดังกล่าวไม่มีปัญหา
เพียงแต่อย.ได้แนะนำให้ทางโรงงานได้ติดตั้งเครื่องตรวจจับโลหะเพิ่มอีก 1
เครื่องบริเวณชั้นที่ร่อนผงยา
เพื่อให้การปฏิบัติการตรวจจับโลหะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนอื่นไม่มีปัญหาอะไร และโรงงานอื่นๆ ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.)
เป็นผู้ว่าจ้างให้ผลิตยาก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน

"อย่างไรก็ตาม
แนะนำว่าหากเป็นไปได้ควรจะนำแผ่นเหล็กซึ่งมีลักษณะเป็นรูมาแทนตะแกรงลวดที่
อาจทำให้เส้นลวดหลุดออกมาได้ หากพิจารณาด้วยสายตา
ลักษณะของลวดมีความคล้ายคลึงกับลวดของตะแกรงแร่งยา
แต่ในรายละเอียดว่าเส้นลวดดังกล่าวจะหลุดมาจากแร่งยาหรือไม่นั้น
เป็นหน้าที่ของ อภ.ในการตรวจสอบหาสาเหตุ" นพ.พิพัฒน์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น