...+

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

บันทึกจาก I Pad เรื่อง ศึกวันภูมิสรอล ทวงคืนเขาพระวิหาร 19 ก.ย.2552

ผู้เขียน: I Pad (otto101 สมาชิก)
ขณะที่เขียนนี่เพิ่งตื่นจากกลับมาจากบ้านภูมิสรอล
แต่เป็นการตื่นขึ้นมาอย่างสุขใจในอารมณ์ที่ได้ทำหน้าที่เล็กๆ ในฐานะ พธม.

ขอเล่าเรื่องราวคร่าวๆ

7.45 น. คณะ พธม. ร้อยเอ็ด และ การ์ดร้อยเอ็ด - ขอนแก่น เดินทางถึงศรีษะอโศก

8.00 - 9.00 น. จัดการธุระส่วนตัว
เสร็จแล้วได้รับการบอกกล่าวจากชุดการ์ดชุด "ทวงคืนพระวิหาร" ว่าวันนี้
งานเข้า แบบหนักๆ แน่นอน การ์ดร้อยเอ็ด - ขอนแก่น
จึงอาสาเข้าร่วมชุดการ์ดพิเศษทันที แล้วการ์ดอาสาร้อยเอ็ด - ขอนแก่น
ก็แยกตัวให้มวลชนไปกับรถบัส แต่ชุดการ์ดเดินทางไปกับรถกองทัพธรรม

9 โมงกว่า ออกเดินทางผ่านตัวอำเภอกันทรรักษ์ ได้เห็นภาพที่น่ายินดีคือ
ชาวบ้านที่อยู่รายทางออกมาโบกมือตบ (ขอย้ำ มือตบจริงๆ นะครับ)
ส่งเสียเชียร์พวกเรา มากเกินคาดหมาย

9 โมง เกือบ 10 โมง ขบวนเริ่มเข้าใกล้เขตบ้านภูมิสรอล เริ่มมีเหตุรถยนต์
พี่น้องเอ๊ย! ถูกยิงด้วยหนังสติ๊กถึงขั้นกระจกรถแตก
ชุดการ์ดเริ่มกระจายออกคุมเส้นทาง

10 โมงเศษๆ หัวขบวนไปติดจุดสกัดของตำรวจบนถนนหน้าวัดภูมิสรอล
แต่หางแถวยังเดินทามาไม่ถึง (มีลุงคนหนึ่งเดินนับรถในขบวนบอกว่าแกนับได้
677 คัน ย้ำ หกร้อยเจ็ดสิบเจ็ดคัน)
กำลังการ์ดส่วนใหญ่จึงอยู่รั้งท้ายคุ้มครองขบวนรถ

เกือบๆ 11 โมง ขบวนทั้งหมดมารวมกันครบ
ชุดการ์ดได้รับคำสั่งให้ไปรวมตัวที่หัวขบวนเพื่อเปิดทาง

ประมาณเที่ยง การ์ดมารวมตัวที่หน้าวัดภูมิสรอลเกือบทั้งหมด

ชักยาว ขอต่อกระทู้หน้า
วันที่ : 20 กันยายน 52 18:46


ก่อนเข้าเนื้อหาขอเล่าสภาพการหน้าวัดภูมิสรอล นิดนึง นะ

หน้า วัดภูมิสรอลมีแถวตำรวจพร้อมโล่ห์ตั้งแถว 4 - 5 แถว
(ตำรวจชุดนี้อุปปกรณ์ใหม่โคด เพราะโล่ห์ของมันยังไม่ได้แกะพลาสติกเลย
ตอนดันลื่นมืออิ๊บอ๋าย อิอิอิ) ขวางตลอดความกว้างถนน
และมีตำรวจอีกชุดหนึ่งยืนขวางปิดประตูวัดภูมิสรอล

สุดรั้ววัดมีรถ 6 ล้อ บรรทุกลำโพงขนาดใหญ่ 7 - 8 ตัว พร้อมมีผู้ปราศรัย
"ข่มขู่" พธม. ตลอดเวลา และมีชาวบ้านตะโกนขับไล่อยู่รอบๆ รถ 6 ล้อ

ในวัดมีมวลชนพวกนั้นประมาณ 3 - 4 ร้อยคน แสดงกิริยาขับไล่
พี่น้องเราตลอดเวลา พร้อมมี เสียง ประทัด เสียง ปืน ดังประปราย ตลอดเวลา

สรุป สภาพการณ์ตึงเครียดสุดๆ

เข้าเนื้อหาต่อเลย

เมื่อ เห็นว่าการเจรจาเปิดทางไม่เป็นผล แกนนำสั่งตั้งแถวดันเปิดทาง
ดันกันประมาณ 5 นาทีแถวตำรวจยอมเปิดทาง หัวขบวนผ่านไปได้ แต่ ทันทีนั้น
การกระหน่ำยิงเริ่มขึ้นทันที

รถเครื่องเสียงผ่านหน้าวัดไปได้ประมาณ 50 ม. พร้อมจอดคอยบัญชาการ
การ์ดชุดแรกวิ่งหลบอาวุธกันไปมา (พร้อม strike back เล็กน้อย
แต่อย่าเอ็ดไป เด๋ว โดนด่ามากกว่านี้ อิอิ)

การ์ด หัวดีไม่รู้ว่าใครบอกล้มเต๊นท์ของพวกมันที่เอามากางบนถนนเป็นโล่ห์กำบัง
พวกเราเห็นดีด้วยช่วยกันล้มเต็นท์ ทั้ง 4 หลัง เอาเป็นโล่ห์กำบัง
ซึ่งได้ผลดีพวกการ์ดสามารถยืนนิ่งๆ ตั้งแนวสกัด "พวกมัน" หน้าวัดได้
แต่ก็มีการ์ดบางคนหลบไม่ทันหัวแตก คิ้วแตก ไป 3 - 4 คน
(ซึ่งขอสดุดีวีรกรรม พี่ๆ เหล่านี้ ว่า พวกพี่ๆ สุดยอดจริงๆ ครับ)

เมื่อ เห็นว่าแนวการ์ดเราบล็อคพวกมันให้อยู่ในวัดได้แล้วจึงสั่งการให้รถมวลชนขับ
ผ่านหน้าวัดไปโดยรวดเร็ว เพื่อเดินทางไปให้ถึงด่านอุทยานเขาพระวิหาร
ตอนนี้นี่เองที่รถมวลชนโดนกระหน่ำยิงเสียหายไปประมาณ 200 คัน
(ตรงนี้ก็ขอยกย่อง "น้ำใจ" อันกล้าหาญของพี่น้องเรา
ที่กล้าขับรถฝ่าห่ากระสุนเข้ามาโดยไม่หวั่นไหว พี่น้องเราสุดยอดจริงๆ
ครับ)

ฉากอยู่ที่เดิม หน้าวัดภูมิสรอล (ขอจำชื่อนี้ไปอีกนานๆ แสบจริงๆ วัดนี้ อิอิอิ)

เมื่อ รถพวกเราผ่านด่านวัดภูมิสรอลไปได้ ด้วยความเสียหายเล็กน้อย
(คิดว่าประมาณล้านกว่าบาทเอง ขออีกที ขอเฮ! ดังๆ ให้ความกล้าหาญมวลชน
พธม. พวกคุณคือสุดยอด คนไทย) พวกมันก็หยุดการกระหน่ำยิงไปดื้อๆ (กวงติง
จิงๆ อิอิ)

ขบวนไปติดอีกทีที่ด่านที่ 2 หน้าสถานีพิทักษ์ไฟป่าเขาพระวิหาร
แกนนำสั่งมวลชนดัน (ที่ไม่ใช้การ์ดเพราะ
การ์ดยังติดอยู่ที่หน้าวัดภูมิสรอล) ปรากฎว่าได้มวลชน พธม. ผู้หญิง
ออกไปดัน (แม่ยกครับ พวกคุณก็สุดยอดอีกเหมือนกัน นับถือจากใจจริง
แต่ผมสั่งไว้ไม่ใช่เหรอว่าให้อยู่แต่บนรถ นี่ออกมาดันกับตำรวจเฉยเลย
อิอิอิ)

ปรากฎว่าตอนนี้นี่เองที่ มทภ. 2 สั่งประกาศกฎอัยการศึกทันที เพราะ
แถวตำรวจด่านที่ 2 เริ่มจะแตก
แกนนำเมื่อทราบว่ามีการสั่งประกาศกฎอัยการศึก จึงสั่งให้มวลชนหยุดดัน
และใช้วิธีเจรจาแทน
พี่วีนะและพี่แซมดินจึงเดินทางเข้าไปในอุทยานเขาพระวิหารเพื่อเจรจากับผู้
ว่า

(สองย่อหน้าข้างบนนี้ผมไม่ได้เห็นเอง แต่ตอนขากลับแม่ยกมาเล่าให้ฟัง
แบบภูมิใจสุดๆ ที่ได้ไปดันกับตำรวจ มีอยู่คนนึงเพิ่งมาครั้งแรก
ปรากฎว่าแกนนำสั่งหยุด แกในฐานะน้องใหม่ไม่ทราบคำสั่งยังดันอยู่คนเดียว
จนเพื่อๆ ต้องสะกิดบอก "เธอๆ หยุดดันได้แล้ว" เธอจึงได้หยุด
พอมาเล่าตอนหลังเธอแก้ตัวว่า "ก็ฉันเพิ่งมาครั้งแรก
ฉันก็ไม่รู้นี่ว่าให้หยุด" ฮาจริงๆ)


หลังประกาศกฎอัยการศึก เหตุการณ์ทุกอย่างสงบนิ่ง ทุกๆ คนได้พัก ทุกๆ
คนเฝ้ารอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแกนนำเรา "พี่วีระ สมความคิด"
(แต่ขอให้อย่าลืม เรือตรี แซมดิน และ ลุงเอี่ยม ของเรา ด้วยนะครับ ทั้ง 3
ท่าน ขอให้ได้รับการคารวะสูงสุดจากใจพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นั่น)

แต่การรอครั้งนี้นานมาก ตั้งแต่ประมาณ บ่ายสามโมง รออย่างเดียว

ตอน นี้พวกการ์ดเริ่มจับกลุ่มพักผ่อน เริ่มพูดคุยกัน ถึงประเด็นต่างๆ
หลากหลาย รวมถึงประเด็นที่คาใจเกี่ยวกับ Astv และ ห้าแกนนำ ด้วย
แต่ก็ไม่มีใครเห็นเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะตลอดเวลาที่นั่งคุยเล่นกันยังบอกกันในหมู่การ์ดเลยว่า
"เสร็จนี่แล้วจะไปไหนต่อ?" แทบทุกคนตอบตรงกัน "เจอกันอีกที 7 ตุลา
แถมต่อด้วย ธันวา ที่เชียงใหม่" จึงอยากบอกให้หลายๆ
ท่านที่น้อยอกน้อยใจอย่าเอาเรื่องนี้เป็นอารมณ์เลยนะครับ

เมื่อรอถึง ประมาณ บ่าย 4 โมง 45 นาที ผมชักเซ็ง เลยชวนทีมการ์ด ร้อยเอ็ด
- ขอนแก่น ไปดูหัวขบวนดีกว่า เพราะตอนนี้ท้ายขบวน "คนเยอะ" พออยู่แล้ว
ปรากฎว่าเดินไปเจอลุงคนนึงเดินมาบอกว่าแกเดินนับรถได้ 677 คัน
(ขออนุญาตอุทานว่า โอ้โฮ! เฮะ อิอิอิ)
ไปถึงหัวขบวนจึงได้เห็นสภาพด่านสุดท้ายมีสภาพดังนี้

แถวแรก ตำรวตั้งแถวโล่ห์ สงบนิ่งอยู่ 1 แถว

ถัดจากนั้นมีทหารในชุดลายพรางอยู่รอบๆ ประตูทางเข้าอุทยานเขาพระวิหารประมาณ 20 นาย

รอจนถึงประมาณ 5 โมง 45 นาที มีเสียงเฮลั่น หันไปดู อ้อ พี่วีระออกมาแล้ว
(เฮ ด้วย อิอิ)

พี่วีระขึ้นหลังคารถเครื่องเสียง พิธีกรประกาศ ขอให้พวกเรารอ 6 โมง
เพื่อร้องเพลงชาติ แล้วพี่วีระจะมีข่าวดีมาประกาศ

ร้อง เพลงชาติ (เออ! หันไปดู ตำรวจ ทหาร ก็ร่วมเคารพเพลงชาติด้วย
นึกว่าจะไม่ทำซะแล้ว อิอิอิ) จบเพลงชาติ พี่วีระก็ประกาศ ซึ่งมีใจความว่า

การ ที่ตำรวจไม่ทำหน้าที่ปล่อยให้มีเหตุการ์ณที่หน้าวัดภูมิสรอลนั้น
พี่วีระจะดำเนินการทาง กม. ต่อไป (เฮ),
พี่วีระกล่าวหาว่าการประกาศกฎอัยการศึกนั้นไม่ถูกต้อง
ซึ่งพี่วีระจะดำเนินการทาง กม. กับทหาร ด้วย (พวกเราเฮดังกว่าเดิม),
แต่ทหารไม่อนุญาตให้เราเข้า พท. อุทยาน
ซึ่งพีวีระพิจารณาแล้วว่าการดึงดันเข้าไปจะทำให้พวกเราทำผิด กม.
ซึ่งพี่วีระยอมไม่ได้ เพราะพี่วีระบอกว่า "พี่วีระไม่ยอมทำผิด กม.
และไม่ยอมให้พวกเราไปทำผิด กม. เช่นกัน" (ประโยคนี้เด็ดมาก พวกเรา เฮ
กันสนั่น) พี่วีระจึงขอต่อรอง ซึ่งได้บทสรุปว่า
พวกเราจะยอมถอยไปตั้งหลักที่ศรีษะอโศกคืนนี้ แต่
พรุ่งนี้พี่วีระพร้อมตัวแทนจำนวนหนึ่ง จะขอขึ้นไปอ่านแถลงการ์ณบนมออีแดง
ซึ่งทหารยินยอม พร้อมจะคุ้มครองความปลอดภัยให้

พวกเราพร้อมกันถอยไปตั้งหลักตามแผน

แต่ถึงวัดภูมิสรอลจะ 'ดุ' แค่ไหนแต่ก็ 'เอา' พวกเราไว้ไม่อยู่
เพราะพวกเรา 'ดุกว่า' และ 'ดุที่สุด' ว๊อยยยยยย! อิอิอิ

ขอสรุป

1. งานนี้ผึ้งงานที่อยู่เบื้องหลังก็คือ กองทัพธรรม
ที่คิวนี้เป็นบทบาทของ ศรีษะอโศก พี่ๆ กองทัพธรรม คือ ยอดมนุษย์
ในดวงใจผมจริงๆ (และเป็นเสมอมา)

2. พี่น้องเอ๊ย! ซึ่งเห็นพี่น้องเอ๊ย! ครั้งใด ผมซาบซึ่งจนบรรยายไม่ออก
ได้แต่บอกว่า พี่น้องเอ๊ย! พวกท่านคือ 'ประชาชน' ที่ดีที่สุดของโลก

3. การ์ด แต่แหม! เขินนะ ถ้าชมมาก เด๋ว จะหาว่าบ้าเห่อชมตัวเอง
แต่ผมรู้ดีว่า พี่น้องการ์ด ที่อยู่รอบๆ ตัวผมทุกคนไม่ได้หวังคำป้อยอใดๆ
ขอแต่เพียงให้ได้เป็นโลห์ทองแดงกำแพงเหล็ก ขวางกั้นระหว่าง พี่น้องเรา
กับ สิ่งเลวร้ายทั้งหลาย ก็สุขใจแล้ว จริงมั๊ยครับ พี่น้องการ์ด
ที่รักทุกคน (ไม่ได้เลียนแบบบักใสนะ แค่ขอยืม อิอิอิ)

4. และที่ลืมไม่ได้ แกนนำทั้ง 3 ท่าน

- พี่วีระ ไม่มีพี่วีระ 'วาระ' เขาพระวิหารคงไม่เดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

- พี่แซมดิน อยู่เคียงข้างเสมือนขุนพลคู่กายพี่วีระ และเป็น กำลัง
สำคัญขับเคลื่อนให้เราผ่านไปได้

- ลุงปรีชา คือผู้ที่ทำให้วลี ทหารแก่ไม่เคยตาย คงความศักดิ์สิทธิ์ชั่วนิจนิรันดร์

4. ประสานในวาระนี้ทำให้ยังเห็นได้ชัดเจนว่า พธม. ไม่ได้หายไปไหน
ยังคงอยู่รอทุกเวลาที่ชาติบ้านเมืองเรียกร้อง และ
ทำให้ผมเต็มเปี่ยมด้วยความหวังว่า เอใดที่ชาติบ้านเมืองเรียกร้อง ก็จะมี
พธม. ออกมาทำหน้าที่โดยไม่ระย่อต่ออุปสรรคที่กีดขวางแม้เพียงนิด

ขอบคุณครับ
วันที่ : 20 กันยายน 52 19:56

http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=303339&Mbrowse=9

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น