...+

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

แถลงการณ์เรื่อง ความจริงที่บ้านภูมิซรอล

..............................................................................
ด้วยตามที่โครงการ "รวมใจคนไทยทวงคืนเขาพระวิหาร"
ได้ทำการรณรงค์ในระหว่างวันที่ 10 - 19 กันยายน 2552
เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและปลุกจิตสำนึกของคนไทยให้มีความรู้สึกหวงแหนผืนแผ่นดินไทยบริเวณ
โดยรอบประสาทพระวิหาร ในเขตอำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ
เนื้อที่ประมาณ 4.6 ตร.กม.(ประมาณ 3,000 ไร่)
ซึ่งเป็นพื้นที่ของประเทศไทย
แต่ถูกชาวกัมพูชาและกองกำลังทหารยึดครองอยู่ในขณะนี้
แต่รัฐบาลไทยกลับไม่อนุญาตให้คนไทยขึ้นไปบนพื้นที่ดังกล่าวนั้น
บัดนี้ การรณรงค์ฯดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
ปรากฏว่าสื่อมวลชนได้เสนอข่าวเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นที่บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านภูมิซรอลกันอย่างกว้างขวาง
ซึ่งทางคณะกรรมการโครงการฯเห็นว่ายังมีความคลาดเคลื่อนของการเสนอข่าวในหลายประเด็นซึ่งอาจทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
จึงได้มอบหมายให้นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์
ผู้ประสานงานโครงการฯซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้โดยตลอดเป็นผู้ทำการแถลงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนในวันนี้
(22/9/52) ดังนี้
ประเด็นที่ 1 มวลชนที่ร่วมขบวนคือประชาชนชาวไทยจากทั่วประเทศโดยมีมวลชนที่เป็นทั้งพันธมิตรฯและไม่ใช่พันธมิตรฯ
ประเด็นที่ 2 ขบวนรถถูกโจมตีทันทีที่เคลื่อนออกหลังจากด่านตำรวจยอมเปิดทางที่หน้าโรงเรียนบ้านภูมิซรอลโดยกลุ่มคนประมาณ
30-40 คนที่อยู่ภายในรั้วของโรงเรียนได้ขว้างปาก้อนหิน ท่อนไม้ ขวดน้ำ
และมีเสียงปืนดังขึ้นตลอดเวลา
โดยมีผู้ใช้เครื่องเสียงอยู่ในนั้นพูดปลุกระดมตลอดเวลาและกลุ่มคนเหล่านั้นได้มีการวิ่งกรูเข้ามาหาขบวนรถพร้อมอาวุธมีด
ดาบ และท่อนไม้ในมือ
ทำให้คนในขบวนต้องป้องกันตัวเองโดยมีรถเครื่องเสียงได้ประกาศให้ทุกคนอย่าได้เข้าปะทะเป็นอันขาด
แต่ให้รวมตัวกันให้มากเพื่อเป็นการข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามให้ล่าถอยเข้าไปในโรงเรียน
สถานการณ์เป็นอยู่แบบนี้เป็นระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงรถเครื่องเสียงนำขบวนจึงสามารถผ่านหน้าโรงเรียนไปปักหลักอยู่เลยไปจากหน้าโรงเรียนประมาณ
50 เมตรเพื่อรอให้ขบวนรถของทุกคนสามารถผ่านไปได้ทั้งหมด
แต่ก็ถูกกลุ่มคนภายในโรงเรียนขว้างปาอยู่ตลอดเวลา
ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน รถยนต์ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
มีคนของฝ่ายตรงกันข้ามถูกจับกุมตัวได้ 1 คน
ขณะที่วิ่งเข้ามาทำร้ายคนในขบวนโดยมีอาวุธดาบอีโต้อยู่ในมือ
ซึ่งจากการพูดคุยปรากฏว่าชายผู้นี้พูดได้แต่ภาษาเขมร
หลังจากที่เวลาผ่านไปประมาณ 2
ชั่วโมงจึงสามารถคุ้มกันขบวนรถทั้งหมดผ่านไปได้
แต่ชุดคุ้มครองยังคงปักหลักป้องกันอยู่ที่เดิมเนื่องจากมีการซุ่มโจมตีตามแนวชายป่าด้านข้างอยู่ตลอดเวลา
ประเด็นที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมโล่อยู่ภายในบริเวณโรงเรียนมีประมาณ
200 คน ในช่วงแรกที่ขบวนรถถูกโจมตีก็ได้มีการพยายามเข้าระงับเหตุอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เข้ามาทั้งหมด
มีบางส่วนยืนดูอยู่ด้านข้าง แต่หลังจากนั้นไม่นาน
ตำรวจก็ล่าถอยไปยืนดูอยู่ด้านข้างทั้งหมดโดยไม่ทราบสาเหตุ
ปล่อยให้กลุ่มคนเหล่านั้นเข้าโจมตีขบวนรถโดยสะดวก
รถเครื่องเสียงได้พยายามพูดกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำหน้าที่แต่ก็ไม่เป็นผล
เหตุการณ์หลังจากนั้น
เมื่อการเจรจาระหว่างตัวแทนของพี่น้องประชาชนกับทางฝ่ายทหารบรรลุผล
การคุ้มกันการเดินทางกลับของพี่น้องโดยตำรวจและทหารจึงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ผิดกันอย่างสิ้นเชิงกับตอนขามา
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มที่
จะสามารถป้องกันเหตุร้ายได้

....................................................................
22 กันยายน 2552
คณะกรรมการโครงการรวมใจคนไทยทวงคืนเขาพระวิหาร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น