...+

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

"ไส้ติ่ง" มีไว้ทำอะไร / เอมอร คชเสนี

ไส้ติ่ง คือส่วนของลำไส้ใหญ่ที่ยื่นออกมาเป็นติ่งอยู่ตรงบริเวณด้านขวาล่าง
มีขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย ยาวตั้งแต่ 2-20 เซนติเมตร
มีรูติดต่อกับลำไส้ใหญ่
แต่เดิมนั้นเรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าไส้ติ่งทำหน้าที่อะไร
มีประโยชน์หรือไม่ หลายคนคิดว่าไส้ติ่งเป็นส่วนเกินของร่างกาย
เมื่อมีเหตุให้ต้องผ่าตัดช่องท้อง จึงผ่าไส้ติ่งทิ้งไปด้วย
เพราะเกรงว่าไส้ติ่งจะสร้างปัญหาหากกลายเป็นไส้ติ่งอักเสบขึ้นมา
แต่มีงานวิจัยที่ค้นพบว่าไส้ติ่งนั้นมีประโยชน์ค่ะ



ไส้ติ่งมีไว้ทำอะไร
นัก วิทยาศาสตร์อเมริกันจากมหาวิทยาลัย Duke
ค้นพบว่าไส้ติ่งมีหน้าที่สร้างและปกป้องเชื้อจุลินทรีย์ในช่องท้องของคนเรา
จุลินทรีย์ที่ว่านี้ช่วยในระบบการย่อยอาหาร
นอกจากนี้ไส้ติ่งยังทำหน้าที่กระตุ้นระบบย่อยอาหารให้กลับมาทำงานอย่างมี
ประสิทธิภาพ ในกรณีที่ถูกเชื้อโรคอหิวาต์หรือเชื้อโรคบิดเล่นงาน

ศาสตราจารย์ Bill Parker แห่งมหาวิทยาลัย Duke อธิบายว่า
ไส้ติ่งทำหน้าที่เป็นเสมือนที่หลบภัยและโรงงานผลิตแบคทีเรียที่มีประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของไส้ติ่งจะลดน้อยลงมากในประเทศที่พัฒนาแล้ว
เนื่องจากมีโอกาสเกิดโรคอหิวาต์หรือโรคบิดน้อยมาก
แต่สำหรับในประเทศด้อยพัฒนา
ไส้ติ่งยังคงมีประโยชน์กับประชากรในประเทศเหล่านั้นอยู่
รายงานบอกด้วยว่าในประเทศด้อยพัฒนานั้นมีอัตราการเกิดโรคไส้ติ่งอักเสบน้อย
มากเมื่อเทียบกับในสหรัฐ
ทฤษฎีเรื่องประโยชน์ของไส้ติ่งนี้บันทึกไว้ในเว็บไซต์ของนิตยสาร
Scientific นักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยครั้งนี้หลายคนแสดงความเห็นว่า
ทฤษฎีเกี่ยวกับไส้ติ่งนี้มีความเป็นไปได้
และเป็นงานวิจัยที่อธิบายหน้าที่ของไส้ติ่งได้อย่างมีเหตุมีผลมากที่สุด

อย่าง ไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าแม้ไส้ติ่งจะมีประโยชน์
แต่เมื่อติดเชื้อจนมีอาการไส้ติ่งอักเสบ ก็จำเป็นต้องผ่าตัดออก
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งนี้
ในแต่ละปีมีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณ 300-400 คน

ไส้ติ่งอักเสบ

รู้จักหน้าที่ของไส้ติ่งกันแล้ว มารู้จักโรคไส้ติ่งอักเสบกันบ้างค่ะ
ไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคปวดท้องแบบเฉียบพลันที่พบมากที่สุด
มักพบในวัยหนุ่มสาวอายุไม่เกิน 30 ปี สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง

สาเหตุของไส้ติ่งอักเสบ
เกิด จากการอุดตันของไส้ติ่ง
แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเม็ดฝรั่งตามความเชื่อแต่โบราณ
ส่วนใหญ่พบว่าเกิดจากเศษอุจจาระที่แข็งตัว มีบ้างที่เกิดจากสิ่งแปลกปลอม
พยาธิ หรือก้อนเนื้องอก ทำให้ไส้ติ่งเกิดการอุดตัน และติดเชื้ออักเสบขึ้น

อาการของไส้ติ่งอักเสบ
โดยทั่วไปจะมีอาการปวดท้อง บอกตำแหน่งแน่นอนไม่ได้
อาจปวดรอบสะดือก่อน อาจปวดเป็นพักๆ หรือตลอดเวลาก็ได้
แต่โดยทั่วไปมักปวดตลอดเวลา
หลังจากนั้นอาการปวดจะเริ่มย้ายไปที่ท้องน้อยด้านขวา
และปวดตลอดเวลาเช่นกัน อาจมีไข้ต่ำๆ มักไม่เกิน 38.5 องศาเซลเซียส
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการไม่เหมือนดังที่กล่าวมา
ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของไส้ติ่ง เช่น
อาจปวดท้องด้านขวาบนหรือตรงกลางก็ได้ถ้าปลายของไส้ติ่งยาวไปถึงบริเวณนั้น

นอกจากนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการเบื่ออาหาร กินข้าวไม่ลง
บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หากยังไม่ได้รับการรักษา
อาการอาจเพิ่มมากขึ้น ไข้อาจสูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส
อาจมีอาการปวดมากทั้งด้านซ้ายและขวา กดเจ็บบริเวณที่ปวด
และปวดมากเวลาเคลื่อนไหวจนต้องนอนนิ่งๆ
ซึ่งนั่นหมายถึงไส้ติ่งเริ่มติดเชื้อรุนแรง เน่า และแตก หรือกลายเป็นฝี
โดยทั่วไประยะเวลาตั้งแต่เริ่มปวดจนไส้ติ่งแตก มักไม่เกิน 3 วัน

การรักษาไส้ติ่งอักเสบ
โรคไส้ติ่งอักเสบ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที
อาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น ไส้ติ่งกลายเป็นฝีในท้องต้องผ่าตัดออก
หรือไส้ติ่งแตกมีหนองออกมาภายในช่องท้อง ทำให้เสียชีวิตได้
การรักษาไส้ติ่งอักเสบไม่ว่าไส้ติ่งจะแตกหรือไม่ทำได้โดยการผ่าตัด
ในรายที่ไส้ติ่งแตก แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย

อาการปวดท้องในระยะแรกไม่ว่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบหรือโรคอื่นๆ
ก็ตาม จะแยกโรคได้ยาก ต้องใช้การสังเกตอาการ ดังนั้น ใน
กรณีที่เริ่มปวดท้องโดยที่ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร อย่าเพิ่งกินยาแก้ปวด
ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยก่อน
เพราะการกินยาแก้ปวดจะทำให้แพทย์วินิจฉัยแยกโรคลำบาก
เนื่องจากยาจะบดบังอาการปวด โดยเฉพาะหากปวดท้องมากติดต่อกันนานกว่า 6
ชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่เป็นไส้ติ่งอักเสบ
ก็มักเป็นอาการร้ายแรงอื่นๆ เสมอ

ติดตามฟังรายการ "Happy & Healthy"
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-12.00 น.
ทางคลื่นของประชาชน FM 97.75 MHz
และ www.managerradio.com

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000098781

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น