...+

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ยาบ้า...ยาไอซ์ วายร้ายในโรงเรียน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

แม้มีการปราบ ปรามครั้งใหญ่เมื่อไม่กี่ปี ที่ผ่านมา ทว่า
ตั้งแต่ปี 2551 สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในประเทศไทยมีแนวโน้มกลับมาทวีความรุนแรง
อีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน

จากการเปิดเผยข้อมูลของหลายหน่วยงาน ชี้ว่า
กลุ่มเป้าหมายที่ควรเฝ้าระวัง คือ กลุ่มเยาวชน อายุ 15-24 ปี
กลุ่มว่างงาน และรับจ้าง
หรือแม้แต่ข้อมูลที่ทางคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ออกมาเปิดเผยถึงภาวะสังคมในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2551 ว่า

มีคดียาเสพติดเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง ร้อยละ 43
ที่สำคัญ เป็นคดีที่เกี่ยวกับยาบ้าถึงร้อยละ 66
ซึ่งสอดรับกับการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่พบว่า
ยาเสพติดแพร่ระบาดสู่สถานศึกษาเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 22.5 ในปี 2546
เป็นร้อยละ 34 ในปี 2551

ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราเห็นภาพสถานการณ์ยาเสพติดในกลุ่มเยาวชนได้
ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะยาบ้า
ซึ่งเป็นยาเสพติดที่แซงโค้งนำโด่งมาเป็นอันดับหนึ่ง
และสถานศึกษากลายเป็นทั้ง สถานที่เสพ
และซื้อขายโดยนักเรียนผู้เสพจะพัฒนาเป็นนักค้ารายย่อย
และนักเรียนหญิงจะเข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องทั้ง ในฐานะผู้เสพผู้ติดยา
และผู้ค้า อีกทั้งยังมีอายุลดน้อยลงเรื่อยๆ
ดังผลงานวิจัยของหน่วยวิจัยยาเสพติดและผลกระทบทางสังคม สถาบันวิจัยสังคม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่ศึกษาสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานพินิจเด็กและ
เยาวชน 4 จังหวัด

น่าสังเกตว่า ขณะที่ ยาบ้า
เป็นยาเสพติดที่มาแรงที่สุดในกลุ่มเยาวชน รองลงมาเป็นกัญชา และยาไอซ์

แต่ถึงกระนั้น เมื่อโฟกัสไปเฉพาะกลุ่มเยาวชนหญิง จะพบว่า ยาไอซ์
ซึ่งเป็นยาเสพติดอันดับสุดท้ายกลับเป็นยาเสพติดชนิดเดียวที่เด็กผู้หญิงติด
มากกว่าเด็กผู้ชาย

อย่างไรก็ตาม แม้ยาไอซ์ เหมือนเป็นยาเสพติดนอกสายตา
และฤทธิ์ไม่แรงเท่ายาบ้า แต่ขึ้นชื่อว่ายาเสพติด ย่อมทำลายกายใจ
ซึ่งเป็นเสมือน "ต้นทุน" ของสังคมไทย
ตั้งแต่ต้นทางที่ผู้ใหญ่ไม่ควรมองข้าม

บทความโดย : รายงานสุขภาพคนไทย พ.ศ.2552
สืบค้นได้จาก http://www.hiso.or.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น