...+

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บีโอไอ:งานออแกไนซ์ฝีมือหญิงไทยในประเทศฝรั่งเศส

โดย วรรณนิภา พิภพไชยาสิทธิ์/สุนันทา อักขระกิจ 2 สิงหาคม 2552 13:38 น.





สุนิสา กุศลส่ง

การเป็นคนไม่เลือกงาน สามารถทำงานอะไรก็ได้
ทำให้ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จ
มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในปารีส ประเทศฝรั่งเศส
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทย ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทออแกไนซ์
ที่รับจัดงานต่างๆ และมีบริการทุกอย่างครบวงจร
โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอาหารไทย รวมทั้งสิ่งต่างๆ ที่แสดงถึงความเป็นไทย

ทีมงานวารสารส่งเสริมการลงทุนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณสุนิสา
กุศลส่ง เจ้าของบริษัท B.W.T. จำกัด และกรรมการผู้จัดการบริษัท G.A.
Media Global จำกัด
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความสำเร็จในการประกอบอาชีพในต่างประเทศ
และได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่สนใจได้ศึกษา
และตัดสินใจในการเลือกประกอบอาชีพในต่างประเทศต่อไป

คุณสุนิสา กล่าวว่า เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด
แต่ไปสำเร็จการศึกษาที่เทคนิคลพบุรี
หลังจากนั้นจึงได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส
สำหรับเหตุผลที่เลือกมาเรียนที่ประเทศนี้มีอยู่ 2 ประการ คือ
ชอบภาษาฝรั่งเศสเพราะเป็นภาษาที่มีความไพเราะ และชอบเรื่องการวางผังเมือง
ซึ่งฝรั่งเศสมีระบบการวางผังเมืองที่ดีมาก
จึงอยากมาเรียนทางด้านการจัดทำแผนที่และการวางผังเมือง
เนื่องจากสำเร็จการศึกษาทางด้านการสำรวจมา

เมื่อมาถึงประเทศฝรั่งเศส สิ่งที่เริ่มทำอย่างแรก คือ
การเรียนภาษา เพื่อจะได้สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังหารายได้พิเศษด้วยการทำงานในร้านอาหารควบคู่ไปด้วยหลังจากมา
อยู่ได้ประมาณ 2 ปีกว่า ก็ได้พบกับสามีซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส
ทำให้ชีวิตเกิดความเปลี่ยนแปลงจากจุดมุ่งหมายหลักคือ การมาเรียน
ต้องเปลี่ยนไปทำงานอย่างจริงจังมากขึ้น

จากการที่เป็นคนที่รักและชอบเรื่องการทำการค้า
โดยชอบค้าขายมาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่มีอาชีพค้าขายอยู่แล้ว
กิจการแรกที่ทำคือ การเปิดร้านขายเนื้อหมูขายเนื้อวัวในฝรั่งเศส
ซึ่งกว่าจะได้ร้านนี้ต้องใช้เวลาในการเลือกทำเลที่เหมาะสม
รวมทั้งหาข้อมูลในด้านอื่นๆ ประกอบอยู่นานพอสมควร
เมื่อได้ร้านดังกล่าวจากเจ้าของเดิมแล้ว เจ้าของเดิมยังให้ความช่วยเหลือ
ในการช่วยสอนงานต่างๆ ให้อีกประมาณ 1 เดือน
โดยการพาไปทำความรู้จักกับตลาดขายส่งหมูและเนื้อต่างๆ

การเปิดร้านดังกล่าวเป็นการสร้างความแปลกใจให้กับชาวฝรั่งเศสมาก
เนื่องจากโดยปกติแล้วเจ้าของร้านขายหมูขายเนื้อส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย
แต่นี่เป็นคนต่างชาติและยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย แต่ไม่ได้หนักใจอะไร
เพราะคิดไว้ว่าทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับการค้าขาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อดำเนินกิจการมาได้ประมาณปีเศษ
เริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยและยังคิดว่าไม่ใช่อาชีพที่อยากจะทำ
จึงเปลี่ยนไปเปิดร้านทำผม โดยซื้อจากเจ้าของเดิมซึ่งเป็นคนไทย
แม้ว่าจะทำผมไม่เป็นแต่สามารถช่วยสระผม และรับโทรศัพท์ได้

จากนั้นจึงได้เปิดร้านนวดแผนโบราณแบบไทยขึ้นอีกหนึ่งร้าน
โดยอยู่ตรงข้ามกับร้านทำผม ซึ่งเมื่อประมาณ 10
กว่าปีที่แล้วถือว่าเป็นร้านคนไทยร้านแรกที่เปิดบริการนวดแผนโบราณ
แต่เปิดได้เพียง 6 เดือนก็ต้องปิด
เนื่องจากในช่วงนั้นการนวดดังกล่าวยังไม่เป็นที่รู้จักมากเหมือนกับตอนนี้
แต่ร้านทำผมยังเปิดดำเนินการต่อไปอีกประมาณ 3 ปี
จนกระทั่งสัญญาเช่าหมดจึงเลิกกิจการ เพราะคิดว่ายังไม่ใช่อาชีพที่ชอบ

หลังจากเปิดร้านขายหมูขายเนื้อ ร้านทำผม ร้านนวดแผนโบราณมาแล้ว
จึงเริ่มขยับขยายไปทำงานด้านอื่นๆ
โดยเพื่อนที่ทำงานในร้านจัดจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี
ได้มาชักชวนให้ไปรับ-ส่งนักท่องเที่ยวที่สนามบิน
เนื่องจากมีรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งเมื่อทำไปได้สักระยะหนึ่ง
มีความรู้สึกว่ารถที่ใช้รับ-ส่งเริ่มเล็กไปแล้ว
หากเรามีรถที่ใหญ่ขึ้นจะสามารถรับได้มากขึ้น ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นรถใหญ่
และนี่เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ถือว่าประสบความสำเร็จเช่นกัน

การที่สามารถทำงานได้หลากหลายเป็นเพราะอุปนิสัยส่วนตัวที่สามารถเข้า
กับผู้อื่นได้ง่าย และมีเพื่อนที่ดีคอยแนะนำให้
นอกจากนี้งานที่ได้ทำส่วนใหญ่เป็นงานที่ไม่ค่อยมีใครทำ
ทำให้การทำงานที่ผ่านมาได้รับผลสำเร็จ
จนเป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งคนไทยและคนฝรั่งเศส
จึงได้เริ่มเข้าไปทำงานให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ

อย่างไรก็ตาม
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่สนใจในการว่าจ้างให้เราดำเนินการจัดงาน
ต่างๆ ให้ จึงจัดตั้งบริษัทขึ้นมารองรับงานดังกล่าว โดยใช้ชื่อว่าบริษัท
B.W.T. จำกัด เริ่มแรกเป็นบริษัทที่ดำเนินการร่วมกับเพื่อนคนไทยที่อยู่ในประเทศสหรัฐ
อเมริกา เปิดขึ้นมาเพื่อจัดจำหน่ายบัตรโทรศัพท์
แต่ดำเนินการได้ไม่นานต้องหยุดกิจการไป
เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมและมีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก
แต่ยังไม่ได้ยกเลิกตัวบริษัท

เมื่อมองเห็นช่องทางที่สามารถสร้างงานและรายได้ให้เกิดขึ้น
จึงเปลี่ยนจากบริษัทที่จำหน่ายบัตรโทรศัพท์
มาเป็นบริษัทที่รับจัดงานออแกไนซ์ต่างๆ
โดยมีจุดเด่นที่เน้นเรื่องความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร
รวมถึงเรื่องการตกแต่งสถานที่ด้วย สำหรับลูกค้าสำคัญๆ
ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา คือ สถานทูตต่างๆ บริษัทการบินไทย ฯลฯ

ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประมาณ 20 คน ส่วนใหญ่เป็นคนไทย
และส่วนหนึ่งเป็นนักเรียนไทยที่เดินทางมาศึกษาต่อ
การทำงานและความเป็นอยู่ จะเป็นในลักษณะแบบพี่น้องมากกว่า
ซึ่งสามารถพูดคุยและช่วยเหลือกันได้ทุกเรื่อง
เนื่องจากเคยเป็นลูกน้องมาก่อน จึงมีความคิดว่าถ้าเราไม่ชอบอะไร
คนอื่นก็คงไม่ชอบเช่นกัน จึงทำให้บรรยากาศในการทำงานเป็นไปด้วยดี

คุณสุนิสา
ยังให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจทำธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสว่า
การที่จะดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต้องมีองค์ประกอบหลายประการ คือ

ประการแรก เรื่องภาษา ในเบื้องต้นต้องมีความเข้าใจอยู่พอสมควร
หากไม่สามารถทำความเข้าใจได้ทั้งหมด
ควรหาผู้ช่วยที่สามารถวางใจได้มาเป็นที่ปรึกษา
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องการทำงาน

ประการที่สอง ต้องทำงานที่ได้รับมาให้ถูกต้อง
และเป็นไปตามมาตรฐานที่ผู้ว่าจ้างต้องการ
เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยตรวจสอบอยู่เสมอ
โดยเฉพาะเรื่องอาหารมักถูกตรวจสอบอยู่เสมอว่าอาหารเหล่านั้นมีคุณภาพตรงตาม
มาตรฐานหรือไม่

ประการที่สาม
เรื่องภาษีเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจและระมัดระวังเป็น
พิเศษ เนื่องจากมีการเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากคือ ประมาณร้อยละ 70
ของรายได้รวมทั้งหมด
ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องมีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายโดยละเอียด
หากมีใบเสร็จรับเงินก็ต้องเก็บไว้ทุกใบ
ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นเสียภาษีและขอคืนภาษีในแต่ละปี

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่
เป็นเพียงกฎที่แต่ละประเทศกำหนดไว้
เพื่อให้ทุกคนได้ปฏิบัติให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน
ซึ่งหากดำเนินการถูกต้องก็จะไม่เกิดปัญหาใดใดตามมา

"นอกจากการเลือกสถานที่ตั้งให้เหมาะสมแล้ว
ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ ของเมืองนั้น
ต้องศึกษาเรื่องระบบการจ่ายภาษีให้ละเอียด
เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
ควรมีเงินทุนสำรองเบื้องต้นอย่างน้อยร้อยละ 20-30
หากเป็นคนไทยที่คิดจะมาประกอบธุรกิจในประเทศฝรั่งเศส
ควรหาผู้ร่วมทุนชาวฝรั่งเศส โดยคนไทยถือหุ้นร้อยละ 49
ส่วนร้อยละ 51 ถือหุ้นโดยชาวฝรั่งเศส"

คุณสุนิสายังให้คำแนะนำสำหรับผู้สนใจทำธุรกิจในต่างประเทศว่า
สำหรับคนไทยที่คิดจะมาประกอบธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสนั้น
ควรหาผู้ร่วมทุนชาวฝรั่งเศส โดยคนไทยถือหุ้นร้อยละ 49 ส่วนร้อยละ 51
ถือหุ้นโดยชาวฝรั่งเศส

ส่วนผู้ที่สนใจจะประกอบธุรกิจด้านต่างๆ นั้น
นอกจากการเลือกสถานที่ตั้งให้เหมาะสมแล้ว
ยังต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ ของเมืองนั้นว่าเป็นอย่างไร
รวมทั้งต้องศึกษาเรื่องระบบการจ่ายภาษีให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะเปิดดำเนิน
การ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
นอกจากนี้ควรมีเงินทุนสำรองเบื้องต้นสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างน้อยร้อย
ละ20 - 30

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสนั้นไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะไปซื้อร้านหรือ
สถานที่เพื่อค้าขายได้ตามใจชอบ จะต้องแสดงหลักฐานทางด้านการเงิน เช่น
การทำหนังสือกู้ยืมเงินจากธนาคาร โดยต้องทำเป็นแผนงานว่า
จะดำเนินธุรกิจประเภทใด ตัวอย่างเช่น หากต้องการเปิดร้านอาหาร
จะต้องมีรายละเอียดว่า ในร้านมีจำนวนที่นั่งเท่าใด
ประมาณการรายได้ในแต่ละวันว่าสามารถขายได้เท่าไร
และเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ออกแล้วจะเหลืออีกเท่าไหร่
ซึ่งธนาคารจะนำรายละเอียดต่างๆ
เหล่านี้ไปพิจารณาว่าจะปล่อยกู้ได้เท่าไหร่

โดย ส่วนตัวแล้วถือว่าโชคดีที่มีสามีคอยช่วยเหลือในเรื่องนี้
เนื่องจากสามีเป็นพนักงานบัญชี ทำให้การจัดทำเอกสารต่างๆ ง่ายขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจและมีความรู้ทางด้านภาษาฝรั่งเศสยังไม่ลึกซึ้ง
ควรให้ทนายช่วยดำเนินการให้
หรือให้คนที่มีความรู้ทางด้านภาษาช่วยร่างแผนให้
จะช่วยให้การทำงานและทำธุรกิจในประเทศฝรั่งเศสง่ายขึ้นมาก

ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่ศูนย์บริการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2537-8161 หรือที่ head@boi.go.th

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000087268

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น