...+

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

บันทึกของ...เธอ... เรื่องยาว จากอีเมล์ฉบับหนึ่ง... เหลือแค่เพียงความทรงจำ...ดีๆ

บันทึกของเธอ ', '

บันทึกของ...เธอ...

เรื่องยาว จากอีเมล์ฉบับหนึ่ง...

เหลือแค่เพียงความทรงจำ...ดีๆ

บนรถเมล์ 23-12-99...
ตัวหนังสือสามารถบอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปได้ดีกว่าคำพูดมากมายนัก
จึงไม่น่าแปลกที่ฉันจะหลงใหลในเสน่ห์ของตัวอักษรมาหลายปีดีดักแล้ว

ฉันมักจะเรียกตัวเองว่า "คนเขียนหนังสือ" อยู่เสมอ
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันคงเพราะว่าฉันเขียนหนังสือไม่ดีพอที่จะเรียกตัวเองว่า"กวี"
ได้ล่ะมั้ง
โลกของตัวอักษรสวยงามนัก แค่มีปากกาสักด้าม เศษกระดาษสักแผ่น
และมีเขาคนนั้นเป็นพระเอกของเรื่องสักคนก็คงเพียงพอ
เรื่องราวความรักของฉันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
รู้เพียงแต่ว่าในสมุดบันทึกประจำวันของฉัน
มีชื่อเขาตั้งแต่วันมอบตัวทีเดียว...

คงเพราะความบังเอิญที่ทำให้เราสองคนมักจะได้ทำอะไรด้วยกันเสมอ
ได้เล่นละครด้วยกัน
ได้นั่งคู่กันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์
หรือแม้กระทั่งไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง...
แต่เรากลับไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าที่ควร
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...
จนวันหนึ่ง...

"มีนอยากวาดรูปเหรอ เราสอนให้ก็ได้นะ"

นี่แหล่ะประโยคสำคัญที่ทำให้เราสองคนได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น
เขารีบกระวีกระวาดไปหากระดาษกับดินสอมาวางไว้ตรงหน้าฉัน
ไม่รู้ว่าวิญญาณครูไปสิงอยู่กับชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เขาลากเส้นเป็นตัวอย่างแล้วให้ฉันลองทำตามไปช้าๆ
ลมที่พัดแรงทำให้ผมของฉันปลิวจนยุ่งไปหมด

"ขอโทษนะ"

เขาพูดแล้วเอื้อมมือมาหยิบปอยผมของฉันที่ปลิว
เพื่อเหน็บหูของฉันไว้อย่างเดิม

"ขอบคุณนะเฟิร์ส" ฉันพูดเขินๆ

ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ
เขายิ้มบางๆเหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร
หลังจากทนนั่งดูฉันลากเส้นที่ดูไม่ได้เอาเสียเลยมาเป็นเวลานาน
เขาก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้ว
ส่ายหน้าไปมาอย่างหดหู่

"แย่กว่าเราตอนฝึกวาดใหม่ๆซะอีก"
เขาทำท่าทางเหมือนครูที่กำลังดุนักเรียนอยู่ยังไงยังงั้น

"ก็คนมันไม่เก่งนี่นา"
"ไม่ต้องสอนก็ได้นะ" ฉันบ่นเบาๆแล้ววางดินสอลงแรงๆ
เอาเหอะฝึกต่อไปละกันฮะ

"วาดรูปน่ะไม่ยากหรอกถ้ามีคนสอนดีๆอย่างเรา"
เขาบอกยิ้มๆ

ฉันส่ายหน้ากับความหลงตัวเองของเขา...หลงตัวเองจริงๆนะนายเฟิร์สจอมเก๊ก...
เราสนิทกันมากขึ้นทุกที...สนิทท่ามกลางเสียงแซวและวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนที่
"ไม่เว้นแม้แต่ในคาบเรียนสวีทกันจังเลยคู่นี้"
เสียงเพื่อนๆที่ดังมาจากด้านหลังห้องทำให้ฉันต้องวางดินสอลงอายๆ

"เฮ้ย! เธออย่าแซวซิ"
"เราไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย" เฟิร์สแก้ตัวให้

เพื่อนๆทำสีหน้าไม่เชื่อ
แต่พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของฉันก็เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำแล้วเดินหนีไปคุยกันที่
อื่นแทน

"ช่างเขาเหอะ"
ฉันพูดเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป

"มีน...เรามีอะไรจะบอก" เขาพูดท่าทางเขินๆ
อารายเหรออออ"
ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดลากเสียงยาว

"เราชอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ"
สีหน้าอายๆของเขาทำให้ฉันแอบหวังอยู่ลึกๆว่านี่
คงจะเป็นวิธีการบอกรักทางอ้อมของเขา แต่....

"คนนั้นไง"
ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เพื่อนร่วมสถาบันคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
ฉันหันไปยิ้มล้อ
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยจนนิดเดียว
อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก
แค่รู้สึกรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็พอ

เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
ฉันวางดินสอลงโดยอัตโนมัติ "เรากลับแล้วนะ" ฉันบอกเบาๆ
"ขอบคุณสำหรับการสอนวาดรูปและทุกๆอย่างนะ"
"มีนพูดเหมือนสั่งลาเลย" เขาพูดติดตลก
"อย่างกับเราจะไม่ได้สอนมีนอีกอย่างนั้นแหละ" "ใครจะไปรู้ล่ะ
ชีวิตมันไม่แน่หรอกเฟิร์ส" ฉันพูดทีเล่นทีจริง
แล้วเดินไปปิดกระจก
และประตูห้องเรียน เขาเดินมาช่วยอีกแรงหนึ่ง

"วันเสาร์เจอกันที่เรียนพิเศษแล้วกันนะ บ๊ายบาย"
เขาบอกลาแล้วโบกมือให้
ฉันยิ้มรับแล้วโบกมือตอบไป "กลับบ้านดีๆนะจ้ะหนูมีน"
เสียงตะโกนของเขาที่ดังตามหลังมา
ทำให้ฉันแอบอมยิ้มบางๆอย่างมีความสุข
ฉันนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขานับตั้งแต่วันแรกที่รู้
จักกัน ตลอดเส้นทางกลับบ้าน
ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่แสนจะธรรมดาคนนี้จะกลายมาเป็นคนสำคัญของหัวใจ
ถึงจะรู้ว่าเขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว
แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเพราะฉันก็ยังคงมีความสุขที่จะรักเขา
ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม
ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา
มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันคนนี้แล้ว
ฉันหยิบภาพเหมือนของฉันที่เขาวาดให้ตอนวันเกิดขึ้นมาดู

"สุขสันต์วันเกิดนะครับ"
ฉันยังจำเสียงใสๆของเขาที่บอกตอนเช้าตรู่ในวันสำคัญของฉัน
"มีความสุขมากๆนะครับมีน"
รอยยิ้มจริงใจของเขาในวันนั้นยังบันทึกอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอมา....ไม่เคยลบเลือน

"โครมมมมมมม!!!!!!" เสียงดังขึ้นที่ถนนสายหนึ่ง
บรรดาไทยมุงต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์รถคว่ำ
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งถูกหามออกมา
กระดาษวาดเขียนตกลงมาจากมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ
ชายแก่คนหนึ่งหยิบขึ้นมาดู
เห็นหยดเลือดเปรอะไปทั่วแผ่นกระดาษนั้น
แต่ก็พอจะมองเห็นลางๆ
ว่าเป็นภาพวาดของหญิงสาวที่กำลังยิ้มสดใสในชุดนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง
มีลายมือที่เขียนไว้ใต้ภาพอย่างสวยงามว่า

"เพียงความทรงจำ...เฟิร์ส"

ชายแก่คนนั้นทิ้งภาพไว้ที่เดิมอย่างไม่ใคร่สนใจใยดีนัก
ลมเริ่มพัดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนทำให้กระดาษแผ่นนั้นปลิวตกลงไปบริเวณลำคลองริมถนนและค่อยๆจมหายลงไปใต้ผืนน้ำนั้น
ผมได้สมุดเล่มนี้มาจากเพื่อนสนิทของเธอ...
ผมเลยขอเขียนเรื่องนี้ให้จบด้วยมือของผมแทน

เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา
ผมไปเรียนพิเศษก็นึกแปลกใจอยู่ตะหงิดๆว่าทำไมเธอถึงไม่มาเรียน
เพราะปกติเธอไม่ใคร่จะชอบหยุดเรียนนัก
ก็บังเอิญผมไปพบเพื่อนสนิทของเธอเข้าพอดิบพอดี

"เฟิร์ส...รู้เรื่องมีนหรือยัง"
เขาถามผมทันทีที่พบกัน
สีหน้าของเขามีแววเศร้าๆปรากฏอยู่ ตาก็ดูบวมแดงผิดปกติ
"ยังครับ มีนทำไมเหรอ" ผมถามยิ้มๆ
เธอก็คงไม่สบายแต่อาจจะหนักหน่อยถึงยอมขาดเรียนวันนี้...ผมคิด

"มีนรถคว่ำ"
"ตอนนี้อยู่ห้อง ICU โรงพยาบาล............." เขาบอก

ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ
พอได้สติอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้อง ICU
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งข้างๆเพื่อนสนิทของเธอคนเดิม
เขาจัดการเป็นธุระไถ่ถามพยาบาลถึงเตียงของเธอเพราะไม่เห็นเธออยู่ที่เตียงเดิม

"เสียใจด้วยนะคะ คุณมีนาหัวใจล้มเหลวเมื่อ 15
นาทีที่แล้วค่ะ"
หูผมอื้อไปหมดจนไม่ได้ยิน
เสียงพยาบาลที่พูดอธิบายเรื่องราวต่อจากนั้น
ถ้าจะถามผมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกเช่นไร
ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
รู้เพียงแต่ว่าน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาท่วมใบหน้าของผมตั้งแต่ได้รับรู้ว่า
เธอจากไปแล้ว ....

.....

..........

ผมอ่านบันทึกเล่มนี้หลังจากที่ร่างของเธอฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว...
ผมเพิ่งรู้ว่าเธอรักผม...
แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าคำพูดที่ผมพร่ำบอกกับเธออยู่บ่อยครั้งว่า

"รักกับชอบแตกต่างกัน"
มันคือสิ่งที่ผมอยากให้เธอรับรู้
ผู้หญิงคนที่ผมเคยชี้ให้เธอดูคือคนที่ผมชอบ
แต่ผู้หญิงคนที่ผมรักคือ

"เธอคนนี้"...

เธอคนที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอ...
เธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ
ถ้าผมสามารถขอพรวิเศษใดๆได้
ผมอยากจะขอแววตาคู่นั้นที่เคยจ้องมองผมด้วยความรู้สึกดีๆอยู่เสมอ
รอยยิ้มที่เคยมีให้เวลาผมท้อแท้
เสียงหัวเราะที่เคยทำให้โลกทั้งโลกดูสดใส

...ผมอยากจะขอให้เธอกลับคืนมา...

เธอคือรักครั้งแรกของผม
อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อยในการทำใจว่า
ต่อจากนี้จะไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว....
ไม่มีคนที่เข้าใจและคอยห่วงใยผมตลอดมา
แต่ผมรู้เสมอว่าเธอจะคอยจ้องมองผมอยู่ห่างๆเหมือนอย่างเคย
เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเรียกมันว่าความสุข
และเธอจะรอผมอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
ตรงดินแดนแห่งความรักที่สร้างไว้สำหรับเราเพียงสองคน...
สักวันผมจะไปหาเธอ...

หลับให้สบายนะครับ...มีน...
หลับตาเถอะนะ...แล้วเราก็จะพบกันอาจเป็นเพียงฝันก็พอใจ
หลับตาเถอะนะ...ถึงตัวเราจะแสนไกลห่างกันเพียงไหนก็ใกล้เธอ

ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกันขีดทางที่ผกผันให้มีวันห่างไกล
หลับตานานนาน...คิดถึงวันเก่าจะยังมีเราสองคน...หลับตาเถอะนะคนดี...

Story from : Mthai!


Story by : เบส ซัง
Date : 19 March 2004

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น