...+

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความต้องการเปลี่ยนแปลง : เหตุให้พธม.ตั้งพรรค

โดย สามารถ มังสัง 1 มิถุนายน 2552 14:31 น.
ความจำเจอันเกิดจากการกระทำซ้ำซากหรือย่ำอยู่กับที่ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย
และความเบื่อหน่ายนี้เองคือแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากความมี
และความเป็น

โดยนัยแห่งข้อความดังกล่าวข้างต้น
จะเห็นได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างในสังคมไทยปัจจุบันตกอยู่ในภาวะจำเจ
และก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายที่รอการเปลี่ยนแปลง

หนึ่งในภาวะจำเจและกำลังเป็นที่เบื่อหน่ายก็คือ
การเมืองไทยในระบบการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2475
จนถึงปัจจุบัน คิดเป็นระยะเวลาได้ 77 ปีกว่าแล้ว
แต่ถึงกระนั้นผู้คนในสังคมไทยยังไม่ได้เห็นระบบการปกครองเป็นประชาธิปไตยที่
สมบูรณ์ ทั้งในด้านรูปแบบและเนื้อหา
เฉกเช่นที่เป็นอยู่ในประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย เช่น อังกฤษ และฝรั่งเศส
เป็นต้น และที่เป็นเช่นนี้น่าจะเนื่องมาจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1. ความไม่ต่อเนื่องของรัฐบาลที่มีรูปแบบ
และเนื้อหาตามครรลองแห่งประชาธิปไตย

ตามนัยแห่งปัจจัยดังกล่าวข้างต้น
จะเห็นได้ชัดเจนจากการย้อนไปดูความเป็นมาของการเมืองไทยที่มีการสลับสับ
เปลี่ยนกันระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
และรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
และรัฐตั้งรัฐบาลเผด็จการแทนซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา
และถ้าคิดเป็นระยะเวลาที่รัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งกับรัฐบาลที่มาจากการ
ทำรัฐประหารแล้ว
จะพบว่ารัฐบาลเผด็จการมีระยะเวลาในการปกครองประเทศมากกว่า
จึงไม่เอื้ออำนวยให้ประชาธิปไตยพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. พฤติกรรมองค์กรของพรรคการเมือง

ในระบบการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
พรรคการเมืองถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ
อันเป็นกฎหมายแม่บทในการปกครองในระบบนี้
และบุคลากรทางการเมืองซึ่งจะเข้ามาเป็นตัวแทนปวงชนในการทำหน้าที่ทางด้าน
นิติบัญญัติและด้านบริหาร

แต่พรรคการเมืองไทยเท่าที่ผ่านมาเป็นเพียงองค์กรเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้น
สนองกิเลสทางการเมืองของนายทุนทางการเมือง
และนักการเมืองที่มุ่งเล่นการเมืองเพื่อแสวงหา
และปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
มากกว่าที่จะเข้ามารับใช้ปวงชนตามเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบนี้

ด้วยเหตุที่กล่าวมาแล้ว
พรรคการเมืองประเภทที่ตั้งขึ้นเฉพาะกิจจึงมีวงจรชีวิตระหว่างตั้งขึ้นและ
เลิกล้มไปในระยะเวลาไม่นาน เหมือนสินค้าราคาถูก
และด้อยคุณภาพไม่คงทนต่อการใช้งาน

จะมีบ้างที่เป็นพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้น และมีวงจรชีวิตยาวนาน
ก็เห็นจะมีเพียงพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวที่ดำรงอยู่ยาวนานและมี
ลักษณะเป็นสถาบันทางการเมืองมากที่สุดเท่าที่มีมา

แต่พรรคนี้ก็มีข้อด้อยที่เกิดจากบุคลากรของพรรคถนัดในการเป็นผู้ตรวจ
สอบ และวิพากษ์การทำงาน หรือพูดง่ายๆ ก็คือถนัดในการเป็นฝ่ายค้าน
และที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่าพรรคนี้มีลักษณะการทำงานเป็นแบบตั้งรับ
และเข้ากับราชการได้ดี
จึงทำให้มีลักษณะเป็นอำมาตยาธิปไตยเด่นชัดกว่าพรรคอื่น
และที่สำคัญอุดมการณ์ของพรรคนี้ที่เห็นว่าเด่นชัดและไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือ
ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ และเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
จึงทำให้มีบทบาทโดดเด่นเป็นที่ยอมรับในยุคที่เผด็จการเรืองอำนาจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่ระบบเผด็จการเสื่อมลง
และเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐบาล
ก็จะพบว่าทำงานไม่เข้าตาประชาชน
ไม่ช้าไปก็ทำแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยอาศัยข้าราชการประจำเป็นมือเป็นเท้า
และคอยอนุมัติตามเสนอโดยไม่มีนโยบายเชิงรุก
และนี่เองที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ต่อพรรคไทยรักไทยในปี 2544
เนื่องจากพรรคไทยรักไทยเข้ามาพร้อมกับนโยบายเชิงรุกในหลายๆ ด้าน
และทำงานแบบไม่รอให้ข้าราชการเสนอ
จึงทำให้ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ต้องการเห็นรัฐบาลทำงานเร็ว

แต่พรรคไทยรักไทยก็มีข้อด้อย
เมื่อได้อำนาจเบ็ดเสร็จโดยมีเสียงข้างมากเพียงพรรคเดียวก็ออกลายด้วยการแสวง
หาประโยชน์จากนโยบายทับซ้อน
และในที่สุดก็ถูกกองทัพโค่นล้มเหมือนกับที่หลายๆ
พรรคประสบมาแล้วในอดีตก่อนหน้านี้

3. พฤติกรรมเฉพาะตัวของบุคลากรทางการเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรในพรรคเฉพาะกิจ
ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเมืองไทยไปไม่ถึงไหน
และพฤติกรรมที่ว่านี้ก็คือลงเล่นการเมืองเพื่อแสวงหาโอกาสได้ตำแหน่ง
และใช้ตำแหน่งหน้าที่หาประโยชน์ในทางมิชอบ

เมื่อจุดมุ่งหมายในการลงสู่สนามเลือกตั้งเป็นแบบนี้
ในทันทีที่ได้รับเลือกก็สอดส่ายแสวงหาลู่ทางที่จะได้ตำแหน่งทางการเมืองใน
ทุกวิถีทาง เริ่มด้วยการวิ่งเต้นเป็นรัฐมนตรี
และถ้าผิดหวังจากตำแหน่งรัฐมนตรีก็ลดระดับลงเป็นเลขารัฐมนตรี
หรือแม้กระทั่งการเป็นกรรมาธิการชุดต่างๆ
ก็มีให้เห็นอย่างดาษดื่นทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง

ด้วยเหตุ 3 ประการดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
การเมืองไทยจึงย่ำอยู่กับที่
และมีภารกิจทางการเมืองที่จำเจจนทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย

แต่วันนี้และเวลานี้
ความจำเจอันเป็นเหตุให้เกิดความเบื่อหน่ายกำลังจะได้รับการแก้ไข
โดยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลัง
จะตั้งพรรคขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใหม่
ทั้งในด้านพฤติกรรมองค์กรของพรรค และพฤติกรรมของบุคลากรทางการเมือง

ส่วนว่าเมื่อตั้งขึ้นแล้วจะมีอะไรใหม่หรือไม่
และมากน้อยแค่ไหนนั้น
จะต้องคอยดูกันต่อไปสักระยะหนึ่งหลังจากที่พรรคนี้ได้ตั้งขึ้น
และมีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแล้วอย่างเต็มรูปแบบ

อย่างไรก็ตาม ในทัศนะของผู้เขียนเชื่อว่า พันธมิตรฯ
น่าจะจัดตั้งพรรคและทำการเมืองในแนวใหม่ได้
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

1. พรรคที่พันธมิตรฯ จะจัดตั้งขึ้นไม่ว่าจะชื่ออะไร
และมีใครเป็นหัวหน้าพรรค
ย่อมแตกต่างไปจากพรรคการเมืองทุกพรรคในอดีตที่ผ่านมา
อย่างน้อยเท่าที่เห็นได้ชัดก็คือที่มาของพรรคซึ่งพันธมิตรฯ
ตั้งขึ้นมิได้เกิดจากการรวมตัวของนายทุนหรือนักการเมืองบางคนบางกลุ่มที่รวม
ตัวกันตั้งพรรค และรวบรวมนักการเมืองจากพรรคโน้นพรรคนี้
และเมื่อได้รับเลือกตั้งเข้ามาก็จับขั้วต่อรองตำแหน่งทางการเมืองเพื่อเป็น
ลู่ทางกอบโกยเป็นการถอนทุน หรือไม่ก็ปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง
แต่พรรคนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของประชาชนจากหลายๆ สาขาอาชีพ
เพื่อต่อต้านนักการเมืองที่มีพฤติกรรมทุจริต
และมีพฤติกรรมเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง

ส่วนความแตกต่างในด้านอื่นๆ เช่น
การหาทุนมาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และการหาผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง
ส.ส.จะแตกต่างจากพรรคการเมืองเก่าๆ มากน้อยแค่ไหนนั้น
คงต้องรอให้ถึงวันนั้น

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าฟังจากที่แกนนำพันธมิตรฯ
แถลงแล้วก็เชื่อได้ว่าแตกต่างไปจากเดิมมากพอที่จะเรียกได้ว่า
การเมืองใหม่

ส่วนว่าจะแตกต่างขนาดไหน และเป็นความหวังของประชาชนได้หรือไม่
คงต้องรอให้ถึงวันที่พรรคนี้เปิดตัวและแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการก่อน

2. พรรคพันธมิตรฯ เกิดขึ้นก็ด้วยเหตุที่ว่าพันธมิตรฯ
ได้เสนอแนวทางการเมืองใหม่และเมื่อแนวทางที่ว่านี้ไม่มีพรรคการเมืองที่มี
อยู่พรรคใดสนใจจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ทั้งพฤติกรรมองค์กรของพรรค
และนักการเมืองในสังกัดพรรค

ดัง นั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่พันธมิตรฯ
จะตั้งพรรคเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามแนวทางใหม่ให้เป็นไปตามที่นำ
เสนอประชาชนไว้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า พันธมิตรฯ
พูดไว้และทำได้ตามที่พูด

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000061294

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น