โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
"อภิสิทธิ์"
เน้นย้ำทุกชุมชนนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริมาใช้ก็จะทำให้อยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์
วันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุม ห้องมัฆวานรังสรรค์
สโมสรทหารบก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
กล่าวในการประชุมชี้แจงโครงการชุมชนพอเพียงให้แก่ผู้นำชุมชน ที่ กทม.ว่า
จาก ปัญหาสภาวะเศรษฐกิจประเทศไทย ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
แนวทางการแก้ปัญหาที่ประชาชนได้รับผลกระทบโดยตรง
ทั้งประชาชนที่ถูกเลิกจ้างและประชาชนที่ไดรับโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ได้น้อยลง คือ การส่งเสริมอาชีพในระดับชุมชน
เพื่อสร้างความเข้มแข็งอันจะเป็นรากฐานที่สำคัญให้กับชุมชน
เป็นภูมิคุ้มกันอย่างดียิ่งในขณะที่เศรษฐกิจโลกมีความแปรปรวน
สำหรับโครงการชุมชนพอเพียง
ได้วางเป้าหมายระยะแรกคือการลดภาระและสร้างโอกาสให้ประชาชนให้มากที่สุด
ซึ่งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ใช่การลดภาระค่าใช้จ่ายเท่านั้น
แต่ต้องคำนึงถึงการสร้างอนาคตให้กับประชาชนด้วย
รัฐบาลจึงได้เร่งเสริมสร้างความเข้มแข้งให้กับชุมชน
เพื่อให้สามารถฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้
และสามารถเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้นในสภาวะเศรษฐกิจช่วงถัดไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ยึดถือในการปฏิบัติ
ซึ่งก็ได้มีการดำเนินการมาแล้วกว่า 10 ปี
และสามารถใช้ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับประเทศไทยได้เป็นอย่างดีและ
สามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ในปี 2552
รัฐบาลได้ปรับเพิ่มงบประมาณประจำปีเข้าสมทบโครงการชุมชนพอเพียงเพื่อให้
ชุมชนเข้าถึงเงินทุนในครั้งนี้
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า
กทม.ได้จัดอบรมผู้อำนวยการเขตและหัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนฯ 50 สำนักงานเขต
เพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ชุมชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการชุมชนพอเพียง
และลงพื้นที่กระตุ้นให้เกิดการจัดทำแผนและโครงการ ซึ่งขณะนี้มีชุมชนของ
กทม.82 ชุมชน ได้จัดทำแผนและเสนอโครงการเพื่อขออนุมัติงบประมาณดำเนินการจากรัฐบาล
รวมวงเงินทั้งสิ้น 43 ล้านบาท
โดยเป็นโครงการที่ต้องเข้าหลักเกณฑ์ตามที่รัฐบาลกำหนด เช่น
เป็นโครงการที่สามารถรองรับผู้ด้อยโอกาสและผู้ว่างงานในชุมชนให้สามารถพัฒนา
ไปสู่ความพออยู่ พอกิน พอใช้
ซึ่งเป็นเป้าหมายขั้นต้นของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โครงการสนับสนุนและส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตร
การประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาสในอาชีพ
โครงการส่งเสริมการใช้และการอนุรักษ์พลังงาน พลังงานทดแทน
หรือพลังงานทางเลือก และโครงการที่สนับสนุนด้าน ศิลปวัฒนธรรม พลังงาน
และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
นอกจากนี้
ที่ผ่านมากทม.ยังได้ดำเนินโครงการอันเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาด้าน
เศรษฐกิจอื่นๆ อีก อาทิ การจัด "มหกรรมยิ้มสู้...กู้อาชีพ"
โดยร่วมกับธนาคารออมสินและธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
ภายใต้โครงการธนาคารประชาชน
เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในกรุงเทพมหานครที่ประสบความเดือดร้อนจากภาวะ
วิกฤตเศรษฐกิจให้มีแหล่งเงินทุนกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
เพื่อนำเงินไปลงทุนในการประกอบอาชีพ ธุรกิจ บริการ
ทั้งที่เป็นอาชีพประจำและอาชีพเสริม
ทั้งนี้มีประชาชนสนใจแสดงความจำนงเพื่อขอสินเชื่อจากธนาคารทั้ง 2
แห่งแล้ว เป็นจำนวนเงินกว่า 576 ล้านบาท และในวันที่ 30
พ.ค.จะเปิดให้ประชาชนที่ได้แสดงความจำนงไว้ยื่นขอกู้เงินกับธนาคารทั้ง 2
แห่ง ในงาน "มหกรรมยิ้มสู้...กู้สร้างอาชีพ" ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น.
ณ อาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น)
ซึ่งจะประชาชนจะได้รับสิทธิพิเศษในการได้รับทราบผลการพิจารณาโดยเร็ว
(FAST TRACK) ภายใน 15 วันด้วย
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000057551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น