ใคร จะมาเป็นหัวหน้าพรรค ผมไม่ค่อยจะสนนะ แต่อยากให้ทั้งห้าแกนนำมานำเรา
ปลุกและปลอบเราอย่างเคย ให้ฝ่าฟันเข้าสู่สนามการเมือง
ซึ่งทุกอย่างก้าวช่วยนำเราไปอย่าให้เราตกขอบการเมืองใหม่
ลงสู่การเมืองเก่า เสียงในสภาไม่สำคัญ เท่าการทำให้ทุกย่างก้าวเราสง่างาม
เฉกเช่น 193 วัน... เสน่ห์อย่างหนึ่งของพันธมิตร คือ
การเป็นอยู่ร่วมกันของเรา ในนิยามว่า เมืองพันธมิตร นี่แหละ
ที่ทำให้เราสู้ได้ยาวนาน เพราะมีความดีงาม ความเสียสละ
การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน น้ำใจ อันสร้างแรงดึงดูดมวลชนอันไพศาล
ซึ่งยอมรับกันได้ว่า ในสังคมทั่วไป ยากที่จะหาได้แบบนี้...
ดังนั้นการที่พันธมิตร จะเข้าไปสู่การเมือง
ต้องอย่าให้การเมืองเปลี่ยนเรา แต่เราต้องเปลี่ยนการเมือง
การจะมีกลุ่มหรือตัวแทนพรรคในแต่ละพื้นที่ สำคัญสุดคือ
ต้องปักหลักให้เกิดมณฑลย่อยของเมืองพันธมิตรขึ้นที่นั่น...
กลุ่มคนที่จะเสียสละลงมาเป็นตัวเลือกลงเลือกตั้ง
ต้องทำงานภายใต้ทีมงานที่มาจากประชาชนที่พร้อมเข้ามาเสียสละ
ตัวแทนแม้จะมีกี่คนก้อตามที่จะเสนอตัวแข่งกันเป็นทางเลือก
แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในทีมงานใหญ่ชุดเดียวกัน แม้จะเลือกตั้งได้เป็นสส.
แต่สส.นั้นต้องทำงานเป็นตัวแทนนำเสนอเรื่องราวจากทีมงานในจังหวัดนั้นๆ
ขึ้นสู่สภา การแข่งขันเป็นตัวแทน ต้องมิใช่การแก่งแย่งชิงดีกัน
แต่ควรมาจากการคัดคุณสมบัติ ความสามารถ ปูมหลัง
คนที่ได้เลือกกับคนที่พลาดหวัง ต้องยังสามารถทำงานเกื้อกูลกันได้
หากเราทำได้แค่นี้ นั่นก้อถือว่าเป็นการเมืองใหม่ไปแล้วครึ่งทาง...
ส่วนรูปแบบการหาเสียง ควรใช้สโลแกน "มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน
และมาทำบุญ (กั๊บ..บ-เสียงหนูบอล)" ตัวแทนพรรคในพื้นที่
ไม่ต้องไปซื้อเสียง หรือ สัญญาว่าจะให้เมื่อได้รับเลือกตั้ง
แต่ให้คิดโครงการพัฒนา ทำสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ขึ้นมาเลย
แล้วนำเสนอเข้าส่วนกลาง แล้วนำมาบอกแกนนำพันธมิตร
แกนนำจะจัดกิจกรรมนำมวลชนอาสาสมัครชาวพันธมิตร
บุกไปยังจังหวัดหรือเขตนั้นๆ แล้วสร้างมหกรรม มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน
และมาทำบุญ เอาให้คนในจังหวัดนั้นๆ ตกใจ งงว่าคนจากทุกจังหวัด
บุกมาเที่ยว ค้างคืน แถมยังช่วยกันทำงานที่สร้างสรรค์
อย่างบุกไปปลูกป่าชายเลน ไปปลูกป่า
บุกไปทำความสะอาดศาสนสถานทุกศาสนาในจังหวัดนั้นๆ ทำสีกำแพงวัด โรงเรียน
ทำอาหารเลี้ยงผู้ด้อยโอกาส เปิดโรงทานพันธมิตร ฯลฯ...
งานสาธารณะแบบนี้อีกร้อยแปดพันเก้า
เพื่อให้เหล่านักแสวงบุญแบบชาวพันธมิตร ได้ทำกัน...
ระหว่างนักการเมืองเก่าที่สัญญาว่าจะให้ หรือจ่ายก้อครึ่งหนึ่ง
กะนักการเมืองใหม่ที่ไม่ว่าจะเลือกหรือไม่เลือก
เราทำสาธารณประโยชน์ให้คนในพื้นที่นั้นแล้ว... และหากเราไม่ได้เลือก
ก้อไม่ต้องเสียใจ
เพราะคนที่มาช่วยทำงานบุญก้อล้วนได้บุญติดไม้ติดมือกลับบ้านไปแล้ว...
การรณรงค์ปลูกป่าชายเลนกันทีนะ มีคนไปร่วมแค่ไม่กี่สิบ ไม่กี่ร้อย
แต่หากพันธมิตรเคลื่อนพล แม่ยกพันธมิตรขยับ
มันจะก่อผลอย่างยิ่งใหญ่แค่ไหน... ผมฝันเฟื่องได้แค่นี้
และหากทำได้แค่นี้แล้ว พลาดหวังจากเก้าอี้ในสภา
ก้อไม่คิดจะเสียใจใดๆเลย...
วันที่ : 30 พฤษภาคม 52 13:31
++
เด็กแนว
ฝัน ไปเลยพี่ หนูก้อชอบฝันเรื่องเมืองใหม่ตลอด เมืองที่ผู้คนมีน้ำใจกัน
มีอะไรก้อแบ่งปันกันกิน ไม่เห็นเงินเป็นพระเจ้า อยากให้ พธม
ขยายแนวร่วมด้วยการกำหนดกิจกรรมเพื่อสังคม ไปตามต่างจังหวัด
ขับเคลื่อนไปให้ความรู้เรื่องการเมืองด้วย อยากให้ชาวชนบท
มีความรู้ไม่เป็นทาสนักการเมืองชั่ว เราต้องฟันฝ่ากันไปให้ได้
ถึงแม้ว่ามันจะมีอุปสรรคเยอะแยะมากมาย จะใช้เวลาอีกกี่ปี ก้อจะไปให้ถึง
ขอบคุณคะ สำหรับกระทู้สร้างสรรค์อันนี้
++
พัันธมิตรแท้และดังเดิม
ถ้า เราได้เสียงน้อยในสภา พวกเราก็จะช่วยกัน........ ประท้วง
นี่แหล่ะคือประชาธิปไตยในอุดมคติอย่างแท้จริง การเมืองใหม่กิ๊กล่าสุด
พวกเราจะไม่มีทางแพ้เด็ดขาด เราจะประกาศชัยชนะทุกวัน
เรามีฐานเสียงคนกรุงเทพหลายแสนคนเป็นเสียงส่วนใหญ่ของปัญญาชนในประเทศ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราคิดถูกหมดใครคิดไม่ทันเราคือพวกชาวบ้านขาดการศึกษา
ใครไม่เห็นด้วยกับเรา มันคือพวกทรราชทักษิณ
++
ดำเกิง
เห็น ด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ
เป็นความคิดที่เป็นการเมืองใหม่อย่างแท้จริง และหวังว่า
การเมืองของเราจะเป็นไปในรูปแบบนี้
อยากให้แกนนำร่างกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนเลยครับว่าเราต้องทำในรูปแบบนี้
หากใครไม่เห็นด้วยก็ให้ถอยออกไปอย่ามายุ่งเกี่ยวในพรรคการเมืองของเรา
พรรคพันธมิตรจะได้พิสูจน์ตัวเองได้ว่าเราไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของพรรค
หรือนักการเมือง แต่เราทำเพื่อสังคมและประเทศชาติเป็นหลัก
ในระยะยาวที่นั่งในสภาไม่ไปไหนแน่นอนต้องเป็นของพันธมิตร
และหากเราจะสร้างให้พรรคการเมืองอื่นๆเอาอย่างก็นับเป็นกุศลของ พธม.
ที่จะได้เป็นคนนำ
from http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=296862&Mbrowse=9
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น