...+

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สร้าง"พันธะมิตร"เพื่อการเติบใหญ่แห่งอุดมการณ์พันธมิตรฯ

สร้าง"พันธะมิตร"เพื่อการเติบใหญ่แห่งอุดมการณ์พันธมิตรฯ

ผู้เขียน: Younger Pat
พี่น้องพธม.ครับ

ทันที ที่เราเริ่มต้นการนับหนึ่งว่าจะตั้งพรรคการเมืองพธม.
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างการเมืองใหม่
ชาวพธม.เราจำเป็นต้องปรับท่าทีและทัศนคติ
เพื่อสร้าง"แนวร่วม"ทางสังคมให้มากที่สุดครับ

เมื่อมากมิตร เราย่อมมีหลากมิตรด้วย
เราจะไปคาดหวังให้แนวร่วมทุกส่วนในสังคมไทย
"เป็น"และ"คิด"แบบพธม.พันธุ์แท้ 100 % คงจะไม่ได้ ดังนั้น
เราต้องปรับทัศนคติเราเองว่า "แนวร่วม"นั้นแค่มีบางสิ่งบางอย่างร่วมกัน
แต่คงจะไม่เหมือนพวกเราทั้งหมด

ตามความเห็นของผม เราควรพยายามเลี่ยงการก่อศัตรูรอบด้านแบบที่แล้วๆมาครับ
หากเราคิดจะสร้างการเมืองใหม่ การเมืองของพี่น้องปชช.เพื่อนร่วมชาติ
ซึ่งมีความหลากหลาย (Diversity) ทั้งความคิดและการกระทำอย่างเป็นธรรมชาติ
ของสังคมประชาธิปไตยอยู่แล้ว
เราจำเป็นต้องปรับท่าทีและทัศนคติต่อเพื่อนร่วมชาติใหม่ เช่น

- สื่อสารมวลชนแบบเอเอสทีวีและพธม.
นั้นเป็นองค์กรที่มีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะมากๆ หากเราจะไปคาดหวังว่า
สื่อมวลชนสายอื่นๆในประเทศนี้
"ควร"จะเป็นหรือดำเนินรอยตามเอเอสทีวีทั้งหมด แบบนั้นผมคิดว่ามันฝืนสภาพ
ความเป็นจริง เอ้า...ลองคิดดูครับ สื่อที่ไหนเขาจะยอมถึงขนาด มาขายข้าว
ขายปุ๋ย ขอเงินบริจาค เลี้ยงตนเองบ้าง
ผมอยากให้พี่ๆน้องๆในเอเอสทีวีลองนึกดูดีๆ การไปประนาม
การไปต่อล้อต่อเถียง บางทีก็ปล่าวประโยชน์
บางครั้งการ"ทำใจ"รับสภาพความเป็นไปและความจริงของสังคมรอบข้างเราบ้าง
จะทำให้เราไม่ก่อศัตรูแบบสุดโต่งอย่างที่แล้วๆมาได้นะครับ

แนวคิด อุดมการณ์ที่ดีของเรา
เราก็ยึดมั่นและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดให้เพื่อนๆร่วมอาชีพได้เห็นเชิง
ประจักษ์ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องไปประนามเขาหรอกครับ
พูดไปเขาก็ไม่เปลี่ยนมาทำแบบเราหรอก เป็นแนวร่วมหลวมๆกันไปดีกว่า
ถ้าเราอยากจะสร้างฐานมวลชนขนาดใหญ่พอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในประเทศนี้

ไม่เช่นนั้น เรานั่นแหละที่จะโดดเดี่ยวตนเอง กลายเป็น
"คนดีที่สังคมรับไม่ได้"
ซึ่งมันไม่เป็นผลดีเลยต่อการเมืองใหม่ที่เราอยากจะสร้าง
เพราะเราจะไม่มีแนวร่วมเพื่อนร่วมอาชีพนะสิครับ ลองถามใจตัวเองดู
ตอนนี้ชาวเอเอสทีวีเข้าหาเพื่อนๆร่วมอาชีพที่เราเคยสนิทสนมหรือพูดคุยกันดี
ในอดีตได้ไหมครับ? อุดมการณ์นั้นดีแน่
แต่มิตรภาพฉันเพื่อนมนุษย์/เพื่อนร่วมอาชีพในวงการก็จำเป็นนะครับ

- ชาวเสื้อแดง เสื้อน้ำเงิน เสื้อขาว ฯลฯ ก็เหมือนกัน
แน่นอนผมภูมิใจและกล้าจะประกาศตนว่าเป็นชาวเสื้อเหลือง
แต่ผมก็ไม่ได้คิดเกลียดชาวเสื้อแดงบริสุทธิ์เลย
จำวันที่เสื้อแดงถูกล้อมหน้าทำเนียบแล้วต้องยอมสลายตัวราวก่อนได้ไหมครับ?
มีผู้หญิงอายุระดับสว.แบบชาวพธม.เสื้อเหลืองนี่แหละ
หน้าตาก็คนแถวๆกทม.นี่แหละ แกร้องห่มร้องไห้หลังโดนสลายว่า
ขอให้เอาประชาธิปไตยคืนให้ประเทศไทยได้ไหม?
ผมรู้เลยคนแบบนี้เป็นกลุ่มที่ถูกแกนนำหลอกมาร่วมชุมนุม และปิดหูปิดตา
ให้ข่าวสารผิดๆกับเขา

จริงๆผมว่า สิ่งที่เขาฝันก็คงไม่ต่างจากพวกเราเท่าไหร่
แต่มันไปติดอยู่ที่รูปแบบหยาบๆ เช่น รธน.ที่มาจากการปฏิวัติ
รัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ไม่ได้มาจากเสียงข้างมาก อะไรแบบนี้
คนกลุ่มนี้ผมว่าต่อไปสามารถเข้าร่วมกับพธม.ได้ไม่ยาก ในการเมืองใหม่
หากเขาเห็นนโยบายของพธม.ในอนาคต ผมว่า เราสามารถดึงมวลชนคนเสื้อแดง
เสื้อขาวมาได้จมเลย

จึงเรียนมาให้พวก เราโปรดพิจารณาถึงท่าที
ถึงทัศนคติของพวกเรากันเองสำหรับปฏิบัติการครั้งใหม่นับแต่นี้ครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีลักษณะพลวัต ครั้งหนึ่งเราเคยชุมนุมขับไล่รัฐบาล
เราจำเป็นต้องแฉ ต้องประนาม ฯลฯ แต่กลับคนที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ
ที่หากเราคิดจะสร้างการเมืองใหม่บนฐานมวลชนขนาดใหญ่
ในระดับที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในประเทศนี้ได้จริงๆ มิใช่แค่พรรค 10-20
เสียงที่ไม่มีวันโตแล้วละก็........

.......... เราจำเป็นต้องปรับทาทีและทัศนคติของพวกเรากันใหม่ครับ

ด้วยจิตน้อมคารวะในความเป็นพธม.

++

ขออนุญาติเห็นต่างในบางประเด็นครับ...

แน่นอน ครับว่าเราไม่ควรไปชวนทะเลาะกับใครต่อใคร
แต่เราควรมีสิทธิ์ปกป้องการถูกโจมตีฝ่ายเดียว เพราะทุกกรณีที่มีการวิวาทะ
หรือการออกมาสวนกลับสไตล์สนธิ มันเนื่องมาจากว่า
เราถูกคนนอกมองและวิพากษ์ โดยไม่ได้ชวนเราไปอธิบาย
ซึ่งมันน่าอึดอัดใจยิ่ง (เลยมักสวนออกไปแรงเกินความจำเป็น)

คิดดูเถอะครับ กรณีพันธมิตรตั้งพรรคเนี่ย... มีพูดถึงกันทุกสื่อทุกช่อง
ถามความเห็นกันไปทั่ว แต่ลืมอย่างหนึ่ง...
ลืมเอาความเห็นจากพันธมิตรไปออก... ด้วยสามัญสำนึกนะครับ
หากเป็นประเทศอื่น จะมีการตั้งพรรคการเมืองหนึ่งขึ้นมา
คนที่จะถูกเชิญให้ไปออกรายการ เชิญไปซักถาม ต้องเป็นแกนนำแน่นอน...
นี่มันมีอะไรแปลกๆแล้วหล่ะครับ

การเมืองใหม่ มันไม่ได้ทำให้นักการเมืองขาสั่นเท่านั้น
ฝ่ายสื่อสารมวลชนทั้งหมดก้อกำลังกลัวการเปลี่ยนแปลง
การถูกเอาไปเปรียบกับสื่อทางเลือกแบบ ASTV ซึ่งรับรองเทียบไม่ติด...
ดังนั้นนะครับสื่อจะพยายามตีรวน พธม. ASTV และพรรคที่กำลังจะเกิดขึ้น...
อาจจะทำโดยการตั้งประเด็นตรวจสอบล่วงหน้าเกินงาม เช่น
พรรคพันธมิตรจะไม่ทุจริตหรือ...

ดังนี้แล้ว สื่ออื่นๆจะโปรยคำถาม ความน่าสงสัย ไปยังประชาชนทั่วไป
ชี้นำประชาชนทั่วไปให้ตั้งแง่กับพันธมิตร
แล้วทำให้เราแปลกในสายตาคนทั่วไป แบบที่เราเผชิญมาตลอดเวลา

ผมจึง เห็นว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตนเอง
เปลี่ยนแนวคิดไปจนทำให้ประชาชนทั้งหมดทุกภาคส่วนยอมรับเราได้อยู่ดี
ผลของการเปลี่ยน(ประนีประนอม)มันจะทำให้เราเสียจุดยืนและเราจะกลายเป็น
เหมือนคนส่วนใหญ่ของสังคม ซึ่งหมายถึงว่า ปัญหาต่างๆจะไม่ได้รับการแก้ไข
เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกว่า นี่-นั่นเป็นปัญหาสำหรับเค้า...

อย่าเลย อย่าพยายามลดสำนึกและการตื่นตัวของตนเองลงไป
เพียงเพื่อให้คนอื่นๆยอมรับว่าเราเหมือนเค้าเลย

ลอง ย้อนไปมองช่วงการต่อสู้ที่ผ่านมา เราผ่านมาได้
ไม่ใช่เพราะคนทั้งหมดเห็นด้วยกับเรา
แต่เราและคนส่วนหนึ่งทำไปยังถูกต้องต่อสามัญสำนึกและศีลธรรมในใจเรา...

แต่ เห็นด้วยว่า อย่าไปทะเลาะกับคนที่มุ่งเตะตัดขาเราเลย
เสียเวลาเสียอารมณ์ เพราะ "เค้าจะเริ่มว่าเราก่อนอย่างสุภาพแต่ไร้เหตุผล
เราก้อสวนกลับด้วยเหตุผลอย่างไม่สุภาพ"... คนทั่วไปฟังก้อ
ตัดคะแนนความไม่สุภาพไปแล้ว เราเสียคะแนนไปฟรีๆ ทั้งที่พูดความจริง...
นี่แหละยุคที่สื่อกระแสหลักขาสั่นจนต้องสกัด ASTV ด้วยทุกวิถีทาง...

อย่า หลงไปในวาทะกรรมว่า นักการเมือง พรรคการเมือง
ต้องเป็นตัวแทนและรักษาผลประโยชน์ของประชาชนทุกคนโดยไม่แบ่งแยก
ตลอดมานักการเมือง พรรคการเมือง รักษาผลประโยชน์ตนเองทั้งนั้น
ดังนั้นการเมืองใหม่ พรรคพันธมิตร ไม่จำเป็นต้องทำให้ประชาชนทุกคนพอใจ
เช่น ไม่จำเป็นต้องทำให้นายทุนหวยตู้พอใจ
ไม่จำเป็นต้องรับฟังเงื่อนไขจากนายทุนข้ามชาติ
ไม่จำเป็นต้องยอมให้ผู้ขายผู้เสพยาเรียกร้องสิทธิ์ในการเสพของเขา...
{2} ้เพียงแต่ เราต้องพยายามผลักดัน สิ่งที่เราตรองแล้ว
ตรองอย่างถึงที่สุดแล้วว่า นั่นเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง
ความจริงและความดีจะพิสูจน์ตัวมันเองได้ในที่สุด แล้วสักวัน
พันธะแห่งมิตร จะถูกผูกผสานขึ้นเองอย่างช้าๆ แต่มั่นคง...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น