...+

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สื่อที่ดี ควรเป็น "กลาง"จริงหรื

สื่อที่ดี ควรเป็น "กลาง"จริงหรือ

ผู้เขียน: กระปุกออมสิน (kapukomsin สมาชิก)
ยกตัวอย่างข่าว ที่เด็กหนี รร
ถ้าสื่อที่บอกว่าเป็นกลาง
คงจะออกทำนองให้คนไปคิดเอง ว่าที่เด็กทำนั้นผิดหรือถูก
( ถ้ามีดไม่บาดมือพวกนักข่าว พวกเค้าคงไม่ฟันธงว่ามีดคม
ก็คงจะบอกอย่างกลางๆว่า คงจะคม มั้ง )

++
อูด
ความคิดเห็นที่ 1


ในประเด็นที่เป็นเนื้อหาข่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต้องเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา
ต้องสืบค้นข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา
ได้มากได้น้อยอย่างไร
ต้องรายงานตามตรง
รู้แค่ไหนรายงานแค่นั้น
ไม่มีสิทธิ์ใช้ความคิดเห็นหรือจินตนาการส่วนตัวต่อเติมเอาเอง
หรือบิดเบือนเนื้อข่าวตามใจชอบ

แต่การแสดงความคิดเห็นในฐานะสื่อ
อาจเอนเอียงได้
แต่ก็ยังคงต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
ที่สำคัญต้องแยกแยะให้ชัดว่า
อันไหนคือการเสนอข้อเท็จจริง
อันไหนคือการแสดงความคิดเห็น
++
คนหน้าไม้
ความคิดเห็นที่ 2


ความ เป็นกลางไม่สามารถมีได้ในชีวิตของปุถุชนที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาทางจิตร,
โดยสัญชาตญาณคนจะต้องตอบคำถามกับตัวเองให้ได้ในทุกสรรพสิ่ง
ที่พบและสัมผัสมิฉะนั้นจิตรจะบีบคั้น กระสับกระส่าย ปวดหัว
คนจึงมีคำตอบในสิ่งต่างๆ ถูกบ้าง ผิดบ้าง มาตามยุคสมัยในประวัติศาสตร์,
ปราชญ์จีนกล่าวว่าหลักประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งที่สำคัญคือการออกเสีย
ให้ได้จากคติทวินิยมคือความเห็นเป็นฝักฝ่ายตามสัญชาตญาณ
ซึ่งต้องฝึกฝนมาก,
ในทางพุทธศาสนาการเข้าถึงความเป็นกลางคือการเข้าถึงขบวนการของเหตุปัจจัย
(โดยสงบความคิดเห็นของตนเองซึ่งมาจากกิเลสก่อน ด้วยอำนาจของสมถ
เพื่อวิปัสสนา) เมื่อเห็นเหตุผลเป็นทิศทางที่ถูกต้อง(สัมมาทิฐิ
ตามกฏอิทัปัจยตา) ต้องลงมือกระทำให้ถูกเหตุ
ถูกผล(กุศลกรรม)เพื่อพ้นจากทุกข์ ปัญหา เพื่อคนจะได้พึ่งตนเองได้.
ขอตั้งข้อสังเกตุความเป็นกลางที่อ้างกันนั้นไม่มีอยู่จริง
ไม่มีประโยชน์เพราะไม่ได้นำมาสู่การกระทำที่ถูกต้องไดๆ
เพื่อการลงมือกระทำในการแก้ปัญหา แต่เป็นสีลพพตปรามาส คือวัตรปฏิบัติ
หรือคำพูดที่ยึดเอาด้วยอุปาทาน(ยึดเอาเพราะขาดความรู้
ความเข้าใจของสิ่งนั้น คำนั้นอย่างแท้จริง),
ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประมาทคืออยู่เฉย เฉื่อย เพราะขาดความรู้ที่ถูกต้อง
และไม่ลงมือกระทำแก้ไขในสิ่งไดๆ
ซึ่งไม่ใช่หลักการพ้นทุกข์จากการกระทำที่ถูกต้อง(กุศลกรรม)
และหลักการพึ่งตนเอง
ซึ่งเป็นหลักที่สำคัญในทางพระพุทธศาสนา.......ด้วยความเคารพหวังว่าเว็บ
มาสเตอร์คงให้บทความนี้ผ่าน สังคมไทยมีปัญหาเพราะคนขาดธรรม
และปัญญาจริงๆ อย่างที่แกนนำพันธมิตรพูดไว้จริงๆ

++
เจ้าของกรรมนายของเวร

ความเป็น"กลาง" ต้องมีหนทางพัฒนาสู่ "ปัญญา"เสมอ

แต่..ถ้าหมายถึง "อยู่ตรงกลาง" ระหว่างสองฝ่ายสองสิ่ง
เขาเรียกว่า "ผู้ไม่มีความสามารถในการเลือก" สิ่งที่ดีกว่า
ถ้าเป็นสื่อ..
ก็คงเป็นสื่อที่ไม่มีความสามารถในการชี้นำสิ่งที่ดี..
ตัวเองยังเลือกไม่ได้ แล้วจะชี้นำผู้อื่นได้อย่างไรเล่า...

ถาม TPBS แบบไม่ต้องการคำตอบว่า..
ขณะที่คุณปวดท้อง..
แล้วเห็นผู้ชุมนุม ถูกยิงขาด..
ใคร? เจ็บปวดมากกว่ากัน?..

++
ดำเกิง

สื่อ ส่วนใหญ่ทุกวันนี้กำลังสร้างบรรทัดฐานผิดๆให้สังคมคล้อยตาม
โดยพยายามยัดเยียดสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก ด้วยอามิสสินจ้างต่างๆ
นับว่าเป็นความล้มเหลวของวงการสื่อไทยเป็นอย่างมาก
และเป็นเครื่องยืนยันข้อกล่าวหาว่า สื่อขายตัว จริงๆ
ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นในยุคนี้ซึ่งสื่อได้อิสระในการนำเสนอ
จริงอยู่สื่อต้องพึ่งทุน
แต่สื่อต้องพิจารณาด้วยว่าทุนนั้นมีเจตนาอย่างไร
หากทุนนั้นขัดแย้งกับความถูกต้อง
สื่อก็ต้องกล้าหาญที่จะปฏิเสธทุนนั้นๆ
หากสื่อไม่ได้ทำตัวอย่างที่ว่านี้ ก็ต้องยอมรับว่า " ขายตัว "
อย่ามาปฏิเสธเสียให้ยากเลย
30 พฤษภาคม 52 13:07

++
ขงเบ้ง

คุณภาพ สื่ออยู่ที่รายได้ ค่าโฆษณาเพราะนักข่าวก็คนอยากจะรวยเหมือนกัน
ผู้ประกาศข่าวหรือคนเล่าข่าวเขาคิดว่าตัวเองเป็นดาราไม่ใช่นักข่าวค่าตัวเลย
แพง หนังน้ำเน่ายังขายได้ในสังคมไทยเพราะโฆษณาเยอะมาก
มันสะท้อนสภาวะสื่อไทย มันต้องโทษผู้บริโภคสื่อเพราะสื่อเดินตามตลาด
อะไรที่ทำให้คนชอบและเพิ่มค่านิยมสูงสื่อจะไม่รังเล
เช่นข่าวอาชญากรรมโหดทะลุจอแบบตำรวจพาไปทำแผนแล้วโดนกระทืบชาวบ้านชอบ
และประเภทดาราแย่งผัวแย่งเมียตบกันหัวยุ่งชาวบ้านชอบ
แต่ไอ้ที่นักการเมืองโกงเห็นๆโกงกลางแดด
ตำรวจรีดไถจับแพะเป็นโจรเล่นข่าววันเดียวหาย
เพราะชาวบ้านบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
ฉะนั้นอิธิพลของสื่อถูกกำหนดโดยระบบการตลาดหรือระบบทุน
มันเป็นธุรกิจสื่อไม่ใช่สื่อในอุดมคติ
เราต้องทำให้ประชาชนฉลาดที่จะบริโภคสื่อเพราะประชาชนหรือผู้บริโภคสื่อเป็น
ผู้ทรงอิธิพลของสื่อที่แท้จริง
30 พฤษภาคม 52 14:02

++
รักเดียว


ผมว่า สื่อควรเสนอข่าวสารอย่างเป็นกลาง และเป็นจริง ไม่บิดเบือน ไม่ชี้นำ
แต่บทวิเคราะห์นั้นก็ขึ้นอยู่กับมุมมองแต่ละบุคคล
ASTV วิเคราะห์เจาะลึกได้ดีและชัดเจน แต่ต้องยอมรับว่า หลายๆ
ครั้งเป็นการเสนอบทวิเคราะห์ข้างเดียวและอิงความเห็นพิธีกรและวิทยากรรับ
เชิญล้วนๆ เกินไป
เช่น ตอนเสนอการตั้งพรรค
ก็ให้เหตุผลว่าควรตั้งพรรคว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้สมควรอย่างยิ่งเพราะเหตุนั้นเหตุนี้แต่ด้านเดียว
ไม่มีข้อมูลประกอบในอีกด้านว่า
การเน้นภาคประชาชนอย่างเดียวโดยไม่ตั้งพรรคมีข้อดีอย่างไรเลย

อย่างเรื่อง คุณเทพชัยและคุณประสงค์ อยากให้สภาท่าฯ
ต่อสายไปคุยกับคุณเทพชัยแล้วถามทัศนะเขาดู
ให้เราได้ฟังความเห็นของเขาด้วย

เรา ดู ASTV ทั้งวันและมาร่วมกับพันธมิตรฯ
ก็เพราะเห็นว่าสื่ออื่นทั้งหมดเสนอข่าวสารและบทวิเคราะห์ด้านเดียวมาตลอด
เราจึงอยากฟังความจริงอีกด้านหนึ่ง แล้วก็พบว่าแฟร์
จึงเลิกดูฟรีทีวีไปเลย แต่หากว่า ASTV
จะให้ข้อมูลจากมุมมองตนเองเพียงด้านเดียว
ก็เท่ากับเป็นการบังคับให้เราต้องกลับไปดูแหล่งข่าวอื่นๆ
อีกด้วยเพื่อจะได้ข้อมูลจากสองด้าน

เห็นด้วยครับที่เราต้องเลือกข้าง ความถูกต้อง
แต่การจะสรุปว่าถูกต้องจริงต้องได้รับข้อมูลทั้งสองด้านจึงตัดสินได้
วานทีมงาน ASTV ให้ความสำคัญด้านนี้ด้วยครับ
30 พฤษภาคม 52 14:11

++
from http://www2.manager.co.th/mwebboard/listComment.aspx?QNumber=296847&Mbrowse=9

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น