โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย หากรับรู้ถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นก่อน
จากนั้นจึงหาหนทางแก้ไขก่อนที่จะสายเกินแก้ ด้วยเหตุนี้ Life On Campus
มีข้อเสนอดีๆ มาฝากถึง 4 ปัญหายอดฮิต
ยอดนิยมที่เหล่าน้องใหม่มักจะประสบพบเจอ
พร้อมกับแนวทางแก้ไขและวิธีการรับมือกับปัญหาได้อย่างทันท่วงที
เริ่มที่ ปัญหาที่ 1. "เรียนไม่รู้เรื่อง - จด Lecture ไม่ทัน"
เมื่อ เปิดเทอมเข้าชั้นเรียน น้องๆ
จะพบกับการเข้าห้องเรียนที่มีคนเป็นร้อยๆ คน
เมื่ออาจารย์เข้ามาถึงก็บรรยายไปเรื่อยๆ บางคนพูดมากจนจดไม่ทัน
แถมบางครั้งฟังแล้วยังไม่เข้าใจ จะถามก็ถามไม่ได้ และไม่กล้าถามด้วย
เพราะอายเพื่อน อายคนอื่น หรือไม่ให้ถามเป็นการส่วนตัวก็ไม่กล้า
เพราะยังไม่สนิทกับอาจารย์
ดังนั้นวิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือ การ
ยืมสมุดจดของเพื่อนที่เราคิดว่า อ่านแล้วเข้าใจที่สุดไปถ่ายเอกสาร
แล้วนั่งทำความเข้าใจในสิ่งที่เรียนมา หรือปรึกษาพี่รหัสหรือพี่ๆ
คนอื่นที่เคยผ่านวิชานั้นมาว่าจะอ่านเอกสารหรือตำราอะไรได้บ้างที่จะช่วยให้
เข้าใจมากขึ้น หรืออาจจะจับกลุ่มเพื่อนใหม่ติววิชาที่ไม่เข้าใจ
ปัญหาที่ 2. "ไม่มีเพื่อน - เพื่อนไม่จริงใจ"
ปี แรกของการเข้าเรียนไม่ว่าจะคณะใด สิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องๆ
ส่วนใหญ่ คือการปรับตัวกับเพื่อนใหม่
เปรียบเสมือนก้อนกรวดมากมายที่อยู่ในตะแกรง ซึ่งต้องใช้เวลาในการค่อยๆ
ร่อนตะแกรงจนเจอก้อนกรวดที่มีลักษะคล้ายคลึงกัน
อาจจะต้องใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ หรือ อาจเป็นเดือน
หรืออาจจะเป็นปีก็ว่าได้
สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่ คือ เริ่ม
ต้นด้วยการให้ผู้อื่นก่อน เช่น การยิ้มให้ก่อน ทักทายคนอื่นก่อน
ชวนคนอื่นก่อน ฯลฯ อย่าให้คนอื่นเริ่มต้นก่อนแล้วเราถึงจะได้
เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่า เราต้องการอะไรและคิดอะไรอยู่
อีกหนึ่งวิธี คือ
อย่าเปรียบเทียบเพื่อนในมหาวิทยาลัยกับเพื่อนเก่าในโรงเรียน
เพราะเปรียบเทียบกันไม่ได้ เวลาที่เราอยู่ร่วมกับเพื่อนในโรงเรียน
เราใช้เวลาหลายปีกว่าจะสนิทกัน แต่เพื่อนในมหาวิทยาลัย
เราต้องถามตัวเองว่า เราคบกันมากี่วัน กี่เดือน
ปัญหาที่ 3. "ผิดหวังกับคณะที่เรียน - ไม่ชอบคณะที่เรียน"
เหตุผล การตัดสินใจเลือกคณะของน้องๆ นั้น จะมีสักกี่คนที่คิดแล้ว
คิดเล่าจนสามารถตัดสินใจได้ว่า ตนเองจะเรียนอะไร
ซึ่งส่วนใหญ่ที่เลือกเพราะ 1.) ตามเพื่อน 2.)
คนเรียนเก่งแบบนี้ต้องเรียนคณะแบบนี้ 3.) พ่อ/แม่ ตัดสินในเลือกให้ 4.)
ติดคณะอะไรก็ได้ขอให้มีที่เรียน
พอน้องใหม่เจ้ามาสัมผัสจริงๆ แล้ว
หลายคนผิดหวังและไม่ชอบคณะที่เรียน ส่งผลให้ไม่อยากเข้าเรียน
ไม่อยากสุงสิงกับใคร เบื่อ
ยิ่งมาเจอกับบรรยากาศการเรียนที่หนักและต้องรับผิดชอบดูแลตัวเองแล้ว
ยังต้องปรับตัวกับสังคมใหม่ หลายคนที่ปรับตัวไม่ได้
ส่งผลให้การเรียนตกต่ำ
ซึ่งเท่ากับว่าคะแนนซึ่งเป็นต้นทุนในปีแรกของเรานั้น
ยังไม่ทันไรก็ขาดทุนเสียแล้ว
วิธีการไขปัญหาคือ เวลา ที่เราบอกว่า ไม่ชอบ เกลียด ผิดหวัง
เรามักจะปิดประตูการรับรู้ด้านอื่นๆ เช่น เกลียดคณะ
เราก็ไม่เปิดใจที่จะมองในมุมอื่นๆ เช่น
คณะนี้มีสาขาวิชาอะไรที่เรายังพอจะสนใจและเรียนได้บ้าง
ซึ่งการที่จะได้ข้อมูลเหล่านี้ได้นั้น น้องๆ
อาจจะต้องหาข้อมูลจากการพูดคุยกับรุ่นพี่ อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์ฝ่ายนิสิต นักศึกษา สำหรับน้องๆ ที่ชัดเจนกับตนเองว่า
ไม่ชอบคณะเรียนจริง ไม่ถนัดในวิชาของคณะ
น้องๆ มีทางเลือกได้ 3 ทาง คือ 1.) ลาออก
และไปตั้งหลักดูหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ซึ่งอาจจะสอบได้หรือไม่ได้
หากสอบได้ น้องๆ ก็ได้สมใจในสิ่งที่ต้องการ หากสอบไม่ได้ น้องๆ
ก็ต้องเคว้งคว้างไปอีก 1 ปี
2.) เรียนวิชาในคณะไปด้วย
พร้อมกับเตรียมตัวสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
หากสอบได้ก็สละสิทธิ์ที่น้องเรียนอยู่ไปเรียนในคณะที่เราได้เลือกใหม่
หากสอบไม่ได้ อย่างน้อยน้องๆ ก็มีที่เรียน
3.) เปิดใจให้กับคณะที่น้องๆ เรียนอยู่ โดยศึกษาหาข้อมูลว่า
คณะที่เรีนอยู่นั้นมีศาสตร์หรือสาขาใดบ้างที่ตนสนใจและน่าเรียน
สุดท้ายด้วยปัญหาที่ 4 "หลงระเริงกับกิจกรรม จนดูหนังสือสอบไม่ทัน"
เมื่อ แรกเข้า สำหรับเฟรชชี่จะมีกิจกรรมมากมายที่ตื่นเต้น
สนุกสนาน น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมปฐมนิเทศนิสิต นักศึกษาใหม่
กิจกรรมรับน้อง พี่รหัสน้องรหัส ประชุมเชียร์ กีฬาน้องใหม่ พิธีไหว้ครู
พิธีพระราชทานปริญญาบัตร พอกิจกรรมซาลง การสอบมิดเทอมก็เริ่มต้น
ทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ลนลานไปหมด บางครั้งเครียดจนไม่สบาย
ทำข้อสอบได้ไม่ดี
แนวทางการแก้ไขวิธีที่ง่ายที่สุด สำหรับปัญหานี้คือ 1.)
ตรวจสอบว่า แต่ละวิชาที่ลงทะเบียนนั้น กำหนดสอบมิดเทอมเมื่อไหร่
จากนั้นวางแผนการดูหนังสือแต่เนิ่น ตั้งแต่สัปดาห์แรกของการเรียน
2.) แผนการทบทวนดูหนังสือนั้น น้องๆ จะต้องวางแผนอยู่บนความจริงๆ
เท่าไร เช่น มีเวลาที่จะดูหนังสือจาก 3 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม รวมเป็น 2
ชั่วโมง ดังนั้น หากน้องๆ ตั้งเป้าหมายว่า คืนนี้จะทำแบบฝึกหัด
(สมมุติว่าเป็นวิชาฟิสิกส์) ให้ได้สัก 1 บท ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่
ย่อมเป็นไปไม่ได้ พอน้องๆ ทำตามเป้าหมายวางไว้ไม่ได้ น้องๆ
ก็รู้สึกท้อถอยและรู้สึกว่าตนทำไม่ได้ แต่ถ้าน้องๆ ตั้งเป้าหมายว่า
จะทำแบบฝึกหัดให้ได้สัก 3 ข้อ เพราะมันยากมาก พอน้องๆ
ทำได้ก็จะเกิดกำลังใจทีจะเพิ่มจำนวนข้อในวันต่อไป
3.) อย่าผัดวันประกันพรุ่ง บ่อยครั้งที่เรามักจะตามใจตัวเอง เช่น
ค่อยดูอาทิตย์หน้าก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก ยังทัน แต่พอถึงเวลาจริงๆ
มักจะทำไม่ได้ ทำให้รู้สึกลนและกลัว
4.) จับกลุ่มทำแบบฝึกหัดหรือดูหนังสือกัน
เพราะจะทำให้มีคนเตือนซึ่งกันและกัน แต่ต้องระวังว่า
อย่าเพลินกับการคุยหรือเล่นจนเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
5.) ทำไม่ได้ ไม่เข้าใจ ให้เข้าพบอาจารย์ที่สอน
อย่ากลัวและอย่าคิดแทนอาจารย์ว่า อาจารย์เขายุ่ง คงไม่มีเวลาให้ลูกศิษย์
หากไปพบอาจารย์แล้วไม่เจอให้น้องๆ เขียนโน้ตถึง
อาจารย์ผู้สอนเพื่อขอเวลาว่างอาจารย์เพื่อที่น้องจะสามารถมาพบและปรึกษาได้
น้องๆ ทราบไหมว่า บ่อยครั้งอาจารย์ก็แอบบ่นน้อยใจว่า
ทำไมลูกศิษย์ไม่เคยมาถามเลย
คำแนะนำเหล่านี้คงจะเป็นทางออกที่ดีให้สำหรับนิสิต
นักศึกษาน้องใหม่ได้เป็นอย่างดี ** ขอบคุณคำแนะนำดีจาก รุ่นพี่นิสิต
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000060584
ปัญหาข้างบนมันจิ๊บๆ พี่ ข้างล่างนี่ใหญ่กว่าเยอะ
1 ท้องก่อนแต่ง แล้วก็ต้องทำแท้ง
2 เรียนๆ ดร็อปๆ แล้วก็ต้องรีไทร์ เรียนใหม่กลายเป็นเด็กซิ่ว
3 ติดเพื่อนงอม ไปไหนไปกัน เพื่อนโดดกรูโดด เพื่อนเที่ยวกรูเที่ยว
4 ใช้เงินเกินตัว พ่อแม่หาเงินให้ไม่ทัน ไหนจะกระเป๋าโหล่ยหวิดต๊อง ไหนจะไอโฟน
ปัญหาวัยเรียน
++
ปัญหาตอนผมเรียนมหาวิทยาลัย
1 สาวๆสวยๆน่ารักเยอะไปหมด ไม่มีสมาธิเรียน( จบมาจากชายล้วนอ่ะครับ )
2 แยกกะเทยแต่งหญิงไม่ออก
3 แยกสาวสวยนิสัยดี กับสาวสวยแฬดไม่ออก มีคนหนึ่งท่าทางสดใสบริสุทธิ์มาก
ไม่กี่วันเมากอดจูบกับฝรั่งหน้าคณะตอนฝนตกยามบ่าย อะจึ๋ย
4 หลงรักอาจารย์สาวสวย แต่ไม่กล้าจีบ แต่ก็อยากจีบ ทรมานใจมาก
โจ๊กท่าช้าง
++
นกน้อยออกจากกรงทอง มีหรือจะไม่บินไปให้ไกลๆ
แต่หารู้ไม่ที่บินไปหน่ะมันออกนอกทางแลว
กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป ไทร์บ้าง ท้องบ้าง ติดยา
มหาลัยให้อะไรที่น่ากลัวกว่าที่คิด(ถ้าไม่มีสติ)
c
++
เรียนไม่รู้เรื่อง - จด Lecture ไม่ทัน
- ปัญหานี้แก้ง่ายมากเลยครับ ก็หาพวกเครื่องอัด MP3, MP4 มาอัดซะ
แล้วเราก็จดตามที่อาจารย์ Lecture ตรงไหนที่จดไม่ทัน
ก็เหลือบไปดูเวลาที่เครื่อง MP3 แล้วก็ Note ไว้กลับไปบ้านก็มาถอดเทป
- ถ้าอยากเรียนรู้เรื่องมากขึ้น พยายามอย่านั่งอยู่หลังห้องนะครับ
ควรนั่งด้านหน้า บริเวณกลางห้อง เพราะอาจารย์ผู้สอนมักจะสบตาผู้เรียนด้วย
ซึ่งนั่นจะทำให้ตัวคุณต้องมีสมาธิในการเรียนเพิ่มขึ้นด้วย
ไม่มีเพื่อน - เพื่อนไม่จริงใจ
- การเลือกคบเพื่อนในมหาวิทยาลัยถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ครับ
เราได้เพื่อนแบบไหน ก็มักจะเป็นแบบนั้นไปด้วย
ดังนั้นถ้าอยากได้เพื่อนที่ขยันเรียน ควรนั่งเรียนอยู่ด้านหน้าห้องนะครับ
ผิดหวังกับคณะที่เรียน ไม่ชอบคณะที่เรียน
- น้อง ๆ รู้กันบ้างหรือเปล่าว่า หลาย ๆ
คนที่เรียนจบแล้วไม่ได้ทำงานตามวิชาชีพที่ตนเรียนน่ะครับ
ดังนั้นเรียนอะไรก็ได้ให้จบมาก่อน และเกรดค่อนข้างดี ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อไปทำงานมีประสบการณ์ การเปลี่ยนงานให้ตรงตามที่อยากทำ
ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ ไม่จำเป็นต้องลาออกไปสอบใหม่หรอกครับ
ทำกิจกรรม จนดูหนังสือสอบไม่ทัน
- อันนี้ต้องรู้จักแบ่งเวลาน่ะ เพราะเมื่อกิจกรรมต่าง ๆ หมดลง
ก็จะเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงวันสอบแล้ว
ดังนั้นเราต้องแบ่งเวลาให้เป็น
การอ่านหนังสือสอบไม่ใช่ว่ามาอ่านแค่ไม่กี่วันก่อนสอบน่ะครับ
แต่ควรเตรียมตัวให้ดีอย่างน้อยควรอ่านก่อนสอบซัก 1 เดือน
ถ้าเราไม่เข้าใจยังมีเวลาที่จะไปถามอาจารย์ หรือเพื่อน ๆ ได้ทัน
- อย่ากลัวที่จะ Drop วิชาที่ไม่พร้อม เพราะดีกว่าปล่อยให้ติด F
ซึ่งนอกจากจะต้องลงเรียนใหม่แล้ว GPA ยังถูกฉุดไปด้วย เพราะน้อง ๆ
ต้องเรียนมากกว่าชาวบ้าน
- ฝึกทำแบบฝึกหัด
- ลองเก็งข้อสอบ แล้วฝึกทำก่อนสอบ อันนี้จะช่วยได้มาก ถ้าคุณทำบ่อย ๆ
คุณจะเก็งข้อสอบได้ค่อนข้างแม่น หลายครั้งที่ข้อสอบออกมาตรงตามที่เก็งไว้
ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการทำข้อสอบได้มาก หลักการก็ง่าย ๆ
ต้องเข้าใจว่าเนื้อหาที่อาจารย์สอนนั้นมีตรงไหนเป็นประเด็นสำคัญที่น่าจะออก
สอบ แล้วก็ลองเก็งแนวข้อสอบ แล้วก็ฝึกทำครับ
ปล. ปริญญาตรี จะจบได้เกรดต้องไม่ต่ำกว่า 2 นะครับ
Loto
++
การเรียนก็เหมือนฟุตบอล ต้องขยันอ่านหนังสือเหมือน
กับการเล่นฟุตบอลต้องมีการซ้อม พอถึงเวลาสอบหรือ
เวลาแข่งจริงก็ย่อมประสบความสำเร็จ
ส่วนตัวเห็นด้วยกับ 4 ปัญหายอดฮิตนี้
แต่ทั้งนี้การสอบหรือการเล่นบอลก็ต้องขึ้นอยู่กับอาจารย์
และกรรมการด้วย ถ้ากรรมการห่วยก็ซวย เหมือนทีมผมที่
ตกรอบเพราะกรรมการห่วย
ดร็อกบา
+
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เรามีงานอดิเรกมาแนะนำเพื่อนๆค่ะ
ตอบลบเป็นงานที่มีรายได้ด้วยน่ะค่ะ อันที่จริงก็ไม่เชิงเป็นงานแต่เป็นธุระกิจเครือข่ายน่าจะถูกกว่า เป็นธุรกิจเครือข่ายที่เพียงแค่เราทำอยู่ที่บ้านเพียงปลายนิ้วของเรา เป็นธุรกิจเครือข่ายของ กิฟฟารีน ค่ะ
และเราไม่จำเป็นต้องขายสินค้าหรือวิ่งล่าแต้มสะสมให้เปลื้องแรงค่ะ เพียงแค่เราเปลี่ยนแนวคิดมาซื้อใช้เองค่ะ คือ เราลองเริ่มเปลี่ยนของใช้ในชีวิตประจำวันมาเป็นผลิตภัณฑ์ของกิฟฟารีนแทน และถ้าเราขยันหาเครือข่ายเพิ่มเราอาจจะได้เป็นเจ้าของธุรกิจเลยก็เป็นได้ค่ะ สนใจรายละเอียดหรือต้องการสมัครสมาชิกได้ ที่นี่ หรือนำไปวางที่บาร์ด้านบนก็ได้น่ะค่ะ
http://www.you-can-do.net/?refno=68492
หรือสนใจอยากพูดคุยเพื่อความแน่ใจก่อนสมัครได้ที่นี่เลยน่ะค่ะ ที่ pjaisue1234@windowslive.com