...+

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

"พธม.ภูเก็ต"ลุยกิจกรรมไม่หยุดเดินหน้า ต่อยอดการเมืองใหม่-ค้านแก้ รธน.

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน

ศูนย์ข่าวภูเก็ต-"พันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย
จังหวัดภูเก็ต" ไม่หยุดเดินหน้าต่อยอดให้ความรู้เรื่องการเมืองใหม่แก่ภาคประชาชน
หลังเสร็จสิ้นงานใหญ่จัด "คอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 6"
พร้อมเฝ้าจับตาประเด็นร้อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยัน!ค้านสุดตัวแน่
หากรัฐบาลไม่หยุด ส่วนมวลชนจะรวมตัวอีกหรือไม่
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมือง

น.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร คณะทำงานกลุ่มพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย จังหวัดภูเก็ต
กล่าวถึงพันธกิจการเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชนในพื้นที่
เพื่อต่อยอดให้ความรู้เรื่องการเมืองใหม่ ภายหลังเสร็จสิ้นการจัดงาน
"คอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 6" บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2552 ที่ผ่านมาว่า หลายคนอาจจะคิดว่า พันธมิตรฯ
ภูเก็ต อาจจะหยุดเคลื่อนไหวไปแล้ว หลังจากเสร็จสิ้นการจัดงานใหญ่
แต่เรากลับมองว่า
เป็นเพียงการเริ่มต้นครั้งใหม่ของการรวมตัวของกลุ่มพลังมวลชนอีกครั้ง
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่น่าไว้วางใจ
อย่างที่พันธมิตรฯ ภูเก็ต เคยย้ำเสมอว่า เราหยุดไม่ได้แม้เพียงก้าวเดียว
และเราสะกดคำว่า "แพ้ไม่เป็น"

สิ่งแรกที่เราทำหลังจากงานเมื่อวันที่ 18 เมษายนเสร็จสิ้น คือ
ขอบคุณบรรดาพ่อยก แม่ยก และทีมงานการ์ด เพราะกล่าวได้เต็มปากว่า
งานคอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 6 เป็นงานที่เกิดจากความร่วมมือ ร่วมแรง
ร่วมใจของพ่อยก แม่ยก และทีมการ์ด ไม่ใช่กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น
หรือกลุ่มทุนต่าง ๆ เราเริ่มต้นทำงานจากเงินเพียงศูนย์บาท
แต่เราได้รับแรงใจ แรงหนุนจากบรรดาพ่อยก แม่ยก

สิ่งที่เรามอบให้แก่คนเหล่านี้
มีเพียงแค่ผ้าแถบสีเหลืองที่เขียนคำว่า "ขวัญใจพันธมิตรภูเก็ต 2552"
จากการระดมเงินคนละเล็กละน้อยของคณะทำงาน โดยเฉพาะจากคุณกฤช เทพบำรุง
ซึ่งถือว่า เป็นพี่ใหญ่ สำหรับนำมาจัดซื้ออาหาร เครื่องดื่มต่าง ๆ
แต่สิ่งที่ทุกคนได้รับมากกว่านั้น คือ ความภาคภูมิใจ
ที่เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันปกป้อง ASTV
และมอบความรู้ให้แก่ผู้ที่เป็นพันธมิตรฯ
แต่ไม่มีโอกาสขึ้นไปเรียนรู้ที่มหาวิทยาลัยราชดำเนินได้มาเรียนรู้กันถึง
บ้าน

การนัดกินข้าวขอบคุณคณะทำงาน แม้หลายคนอาจจะมองว่า
เป็นเรื่องไร้สาระ แต่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะยึดถือคำว่า น้ำใจ เป็นที่ตั้ง
เงิน ไม่สำคัญทุกบาททุกสตางค์เรามอบให้ ASTV ทั้งหมด เพราะเรามองว่า
หากไม่มี ASTV ก็ไม่มีห้องเรียนขนาดใหญ่ให้เราได้ศึกษา ข้อมูลข่าวสารต่าง
ๆ ที่ได้รับจาก ASTV เป็นสิ่งสำคัญมาก
เพราะไม่มีสถานีโทรทัศน์ช่องไหนมองเห็นความสำคัญ

เดินหน้าต่อยอดการเมืองใหม่

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้พันธกิจสำคัญที่เราจะต้องทำ
และเดินหน้าต่อยอด คือ
การให้ความรู้แก่ภาคประชาชนในเรื่องการเมืองด้านต่าง ๆ
โดยเฉพาะการละลายพฤติกรรมผู้ที่ไม่ชื่นชอบ และมักจะปฏิเสธตัวเองว่า
การเมืองไม่เกี่ยวกับเรา ซึ่งการจัดงานเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา
เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า การเคลื่อนไหวของเราได้ผล
เนื่องจากแนวร่วมจากพื้นที่ต่าง ๆ เดินทางมาร่วมกันเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยชื่นชอบการเมือง
ที่โทรศัพท์เข้ามาสอบถามหลังจากฟังแกนนำ และผู้ปราศรัยกล่าวบนเวที ว่า
เราจะทำอย่างไรต่อไป

ณ ขณะนี้สิ่งที่เราต้องทำ คือ
จับตาประเด็นร้อนที่กำลังเป็นที่ถกเถียง และวิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่ายว่า
จะดำเนินการอย่างไร ก็คือ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า
รัฐบาลจะทำอย่างไร เพราะถือว่า
นักการเมืองทั้งหลายต้องยึดถือกฎหมายของประเทศเป็นหลัก
หลังการทำรัฐประหารเราต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการคัดสรรบุคลากรร่าง
กฎหมายขึ้นมาใหม่
และประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็ผ่านความเห็นชอบในตัวร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี
2550

นักการเมืองทั้งหลายที่ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จงพึงสำนึกว่า คุณมาจากการเลือกตั้ง จากความไว้เนื้อเชื้อใจของประชาชน
ต้องมีสำนึก และจริยธรรมของนักการเมือง ที่ต้องตระหนักไว้เสมอว่า
การดำเนินการอะไร ต้องคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก
ไม่ใช่ทำเพื่ออำนาจ เพื่อคนเพียงคนเดียว
ที่มุ่งแต่จะทำลายประเทศชาติให้ย่อยยับ

ค้านแก้ รธน.สุดตัว

เชื่อว่ามาถึง ณ
วันนี้ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่รับรู้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากขึ้น
จนพิจารณาได้ว่า สิ่งใดควร และสิ่งใดไม่ควร
พิสูจน์ได้จากการนัดรวมตัวของกลุ่มคนบางกลุ่มเมื่อวันที่ 25
เมษายนที่ผ่านมา ที่นับจำนวนได้ นั่นเท่ากับว่า
การเมืองใหม่เริ่มเห็นเค้าลางในส่วนของภาคประชาชน
แต่สิ่งที่ต้องล้างบางคือ ในส่วนของภาคการเมือง ที่นักการเมืองส่วนใหญ่
ยังยึดติดอยู่กับอำนาจ

"เราไม่ยอมอย่างเด็ดขาด หากว่า จะยังคงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะมองว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ระยะเวลาที่นำมาใช้ยังน้อยเกินไป
และยังไม่พบข้อบกพร่อง โดยเฉพาะข้อที่มีผลต่อการเลือกตั้ง
ต้องนำมาบังคับใช้เคร่งครัด เพื่อจัดการคำว่า โกง ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าในทางปฏิบัติเราจะไม่สามารถทำได้ 100% ก็ตาม"

ส่วนสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้
อาจจะนำมาซึ่งการรวมตัวของกลุ่มมวลชนอีกครั้งหรือไม่นั้น น.ส.อาภารัตน์
กล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่า การประกาศรวมตัวของทางแกนนำไม่ได้อยู่ในกรอบ
หรือสิ่งที่เราเป็นผู้กำหนด
แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความเป็นไปในบ้านเมืองภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล
เป็นหลัก

ทั้งนี้ เพราะจิตสำนึกรัก และดูแลประเทศชาติบ้านเมืองของประชาชน
ไม่ได้มีน้อยไปกว่ารัฐบาล และหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างแน่นอน
เพียงแต่ขอจงอย่ามองว่า เราเป็นศัตรู
แต่โปรดเอื้อมมือมาสัมผัสกับเราในฐานะมิตร เพราะเราพันธมิตรฯ
ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง
ที่มีส่วนสำคัญในการที่ช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่างหาก

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000047803

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น