...+

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

เทคนิคเที่ยวทะเลไม่ให้ลูกผิวเสีย/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน


โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน


ช่วงนี้อากาศร้อนมาเยือนแบบเต็มๆ กันแล้ว นี่ยังไม่เข้าเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนเดือดของอากาศซะด้วย ฝากความห่วงใยไปถึงคนเป็นพ่อแม่ด้วยละกัน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมพอดิบพอดี พ่อแม่จำนวนมากมักจะพาลูกหลบร้อนไปเที่ยวทะเล

ทั้งที่เอาเข้าจริงน่าจะบอกว่าหลบร้อนในเมืองไปเจออากาศที่ร้อนกว่าที่ทะเล นะเนี่ย...!!!

ก็เลยอยากฝากประเด็นอย่าประมาทเรื่องแสงแดดในช่วงอากาศร้อนระอุแบบ นี้ โดยเฉพาะเด็กๆ ทั้งหลาย เป็นเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องระมัดระวังเรื่องแสงแดดให้เจ้าตัวน้อยของ เราด้วย

ที่ผ่านมา ความเข้าใจในเรื่องการดูแลลูกขณะพาลูกไปเที่ยวทะเลในบ้านเรายังคลาดเคลื่อน อยู่มาก อีกทั้งพ่อแม่ยังละเลยในเรื่องการปกป้องผิวหนังของลูกเวลาออกแดดอีกต่างหาก

ลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับเจ้าแสงแดดกันก่อน

แสงแดด ประกอบด้วย พลังงานแสงหลายชนิด ที่เรารู้จักและ คุ้นเคยกันดี ก็คือ แสงอัลตราไวโอเลต ซึ่งมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ แสงอัลตราไวโอเลตชนิด เอ, บี และ ซี (UVA, UVB, UVC) แต่แสงอัลตราไวโอเลตที่ก่อปัญหาให้กับผิวหนังของคนเรามีสองชนิด คือ แสงอัลตราไวโอเลต เอ และ บี เท่านั้น

ปริมาณของแสงอัลตราไวโอเลต แตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ ฤดูกาล สภาพอากาศ และช่วงเวลา ของวัน ประเทศที่อยู่แถบเส้นศูนย์สูตร อย่างบ้านเราได้รับปริมาณแสงอัลตราไวโอเลตจำนวนมาก และเจ้าแสงอัลตราไวโอเลต เอ ก็มีความยาวช่วงคลื่นยาวสามารถผ่านลงในชั้นผิวหนังของคนเราได้ลึกกว่าแสง อัลตราไวโอเลต บี

จริงอยู่ว่าแสงแดดมีประโยชน์ ต่อผิวหนังของมนุษย์ เพราะช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างวิตามินดี แต่การโดนแดดในปริมาณที่มาก หรือระยะเวลานาน ก็ส่งผลเสียให้กับเราอย่างมากมายเช่นกัน

ผลของแสงอัลตราไวโอเลตต่อผิวหนังของเรา ที่พบกันบ่อยๆ ก็คือ ผิวหนังเกิดการไหม้แดง (Sunburn) โดยเฉพาะการโดนแดดในช่วง 10.00-16.00 น.เป็นระยะเวลานาน ยิ่งถ้าอยู่บริเวณชายทะเล จะมีการสะท้อนของแสงอัลตราไวโอเลตจากน้ำทะเล หรือทรายอีกต่างหาก

ไม่เฉพาะบ้านเราเท่านั้น ในต่างประเทศก็ทำงานวิจัยเรื่องผลกระทบแสงแดดต่อผิวหนังเด็กเช่นกัน

ทีมนักวิจัยจาก Colorado School of Public Health ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาเด็กผิวขาวจำนวน 681 คน เกี่ยวกับจำนวนไฝที่เพิ่มขึ้นบนผิวหนัง ซึ่งไฝเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่พัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งผิวหนัง

ผลการศึกษาพบว่า จำนวนครั้งที่ผู้ปกครองพาลูกไปไปเที่ยวทะเลและโดนแสงแดดริมทะเล มีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มจำนวนของไฝที่มากขึ้นได้ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์

ลอรี แครน ผู้บริหารของ Community and Behavioral Health แห่ง Colorado School of Public Health เตือนผู้ปกครองว่าควรเพิ่มความระมัดระวังในการพาลูกไปเที่ยวทะเล เพราะเป็นสถานที่ที่มีแสงแดดเข้มข้น และผิวหนังของเด็กมักจะได้รับแสงแดดเต็มที่ หากไม่มีชุดว่ายน้ำมาปกปิด

“ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กโดนแสงแดดในช่วง 10.00-16.00 น.นานเกินไป โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะเป็นช่วงที่แสงแดดมีความเข้มข้นสูง จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังในเด็กได้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรให้เด็กสวมเสื้อแขนยาว”

ลอรี กล่าวว่า ผู้ปกครองที่มีความเชื่อผิดๆ ว่าครีมกันแดดช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ 100% นั้น ในความเป็นจริง เด็กๆ มักเพลินกับการเล่นจนใช้เวลาริมหาดนานเกินกว่าที่ครีมกันแดดจะสามารถปกป้อง ได้ เพราะในช่วงที่แดดแรง ครีมกันแดดจะสามารถปกป้องผิวได้เพียง 1.30-2 ชั่วโมง จึงควรทาครีมกันแดดซ้ำ และพบว่า เด็กผู้ชายมีโอกาสเพิ่มจำนวนไฝสูงกว่าเด็กผู้หญิง 19% ซึ่งอาจเป็นเพราะเด็กผู้ชายชอบเล่นกลางแจ้งมากกว่าเด็กผู้หญิง

ทีมวิจัยยังพบว่า ในแต่ละปีมีชาวอเมริกันกว่า 62,000 คน ที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 8,000 รายต่อปี นอกจากนี้ ครอบครัวที่มีรายได้สูง ลูกจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นไฝที่เกิดจากแสงแดดมากกว่าครอบครัวที่รายได้น้อย เนื่องจากมีโอกาสไปเที่ยวริมทะเลบ่อยกว่า

อ่านงานวิจัยแล้วหนาวๆ ร้อนๆ หรือเปล่า สำหรับครอบครัวที่ไปเที่ยวทะเลกันบ่อย และไม่ได้คำนึงถึงเรื่องแสงแดด

การรู้จัก ปกป้องผิวจากแสงอัลตราไวโอเลตตั้งแต่เด็กโดย เฉพาะก่อนอายุ 20 ปี และดูแลอย่างสม่ำเสมออย่างถูกวิธี ก็เท่ากับเป็นการปกป้องผิวหนังของลูกเราไม่ให้เสื่อมไปก่อนวัยอันควรนั่นเอง

เทคนิคในการดูแลผิวเมื่อลูกต้องออกแดด

หนึ่ง - ควรทาโลชั่น หรือ ครีมกันแดดสำหรับเด็กให้ลูกก่อนออกแดดทุกครั้ง และควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง ที่สำคัญต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทีมีคุณภาพเหมาะสำหรับเด็กและมีค่า SPF (Sun Protect Factor) อย่างน้อย 15 เท่า เพราะค่า SPF ที่สูงจะสามารถปกป้องแสงแดดได้ดีกว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำกว่า

กรณีที่ต้องว่ายน้ำควรเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดชนิดกันน้ำได้ด้วย นอกจากผิวหนังแล้ว ก็ควรทาลิปสติกที่มีสารกันแดดด้วย

ส่วนการจะเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF เท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสม ก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแต่ละคน สำหรับคนที่ไปเที่ยวทะเลควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง และเลือกใช้แบบกันน้ำ water resistant และควรทาซ้ำทุก 2-3 ชม.

สอง – เลือกสวมเสื้อผ้าใส่สบายแขนยาวขายาว สวมหมวกทุกครั้งที่ลูกต้องออกแดด แม้จะเล่นทรายหรือน้ำทะเลก็ตาม และควรสวมแว่นตากันแดดด้วย

สาม - หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งช่วงเวลาแดดแรงจัดระหว่าง 10.00-16.00 น.หากไม่สามารถหลบเลี่ยงการออกแดดได้ และไม่ได้ทาครีมกันแดด ก็ควรทาครีมบำรุง (After sun) ทันที

สี่ – กำหนดเวลาในการเล่นทะเลหรือทรายไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เน้นเล่นในช่วงเช้าไม่เกิน 10.00 น.หรือหลัง 16.00 น.จะช่วยป้องกันผิวหนังจากแสงแดดต่อลูกน้อยได้

ผิวของเด็กได้รับผลกระทบจากแสงอัลตราไวโอเลต ไม่ต่างจากผิวของผู้ใหญ่ ถ้าต้องเจอกับแสงแดดในปริมาณมากตั้งแต่เด็ก ผิวหนังก็จะเสื่อมและโดนทำลายเร็วกว่าปกติ ดั้งนั้น เด็กควรได้รับการดูแล ปกป้องเช่นเดียวกับผู้ใหญ่

เด็กสามารถใช้ครีมกันแดดได้ตั้งแต่อายุหกเดือนขึ้นไป แต่ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าให้เด็กเล็กต่ำกว่าขวบโดนแสงแดดแรงๆ โดยตรง ควรหลีกเลี่ยง และใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างมิดชิดเพื่อป้องกันแสงแดด

ปิดเทอมนี้พาลูกเที่ยวทะเลให้สบายใจก็ต้องไม่ลืมดูแลผิวลูกด้วยนะคะ


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000027522

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น