...+

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552

วธ.บันทึก “ปอยส่างลอง-บวชลูกแก้ว” ลงจดหมายเหตุประเทศไทยกันสูญหาย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

      วธ. บันทึกปอยส่างลอง บวชลูกแก้วแห่งเดียวในไทยลง จ.ม.เหตุฯ กันประเพณีสูญหาย พร้อมผลักดันแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองมรดกโลก ชี้ การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมทำไทยรวยอย่างยั่งยืนได้

   

       นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ในระหว่างเดือน มี.ค.-เม.ย.จะเป็นช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน โดยแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยจะมีพิธีบรรพชาสามเณรขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีประเพณีปอยส่างลอง หรือการบวชลูกแก้ว ซึ่งเป็นประเพณีของชาวไต หรือไทยใหญ่ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีการสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัย โบราณ จนเป็นที่รู้จักของชาวไทย และชาวต่างชาติ ดังนั้น ตนจึงมอบหมายให้สำนักจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร ดำเนินการบันทึกไว้ในจดหมายเหตุท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการบวช การแต่งกายให้ลูกแก้ว เพื่อเก็บไว้ให้ประชาชนที่สนใจไว้ได้ศึกษา
      
       นายวีระ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ตนยังมอบหมายให้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ดำเนินการบันทึกประเพณีท้องถิ่นสำคัญทั่วประเทศไว้ในจดหมายเหตุท้องถิ่นด้วย เพื่อไว้ใช้ในการศึกษาหาความรู้ของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ในขณะเดียวกัน หากประเพณีบางอย่างสูญหายไป วธ.ก็จะสามารถศึกษาข้อมูลจากจดหมายเหตุท้องถิ่นนำมารื้อฟื้นให้อยู่คู่กับ ประเทศไทยต่อไปได้ ส่วนการที่ นายธงชัย วงศ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะจัดทำแผนเสนอเมืองแม่ฮ่องสอนเป็น เมืองวัฒนธรรม เมืองมรดกโลกต่อยูเนสโกนั้น ตนจะมอบหมายให้กรมศิลปากร ไปศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ก่อน จากนั้นรวบรวมข้อมูลต่างๆ หากเข้าเกณฑ์ตามที่ยูเนสโกกำหนดไว้ วธ.ก็พร้อมที่จะผลักดันให้เป็นเมืองมรดกโลก
      
       นาย ธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ตนได้หารือกับทางผู้ว่าราชการ จ.แม่ฮ่องสอนแล้ว เกี่ยวกับการปรับภูมิทัศน์รอบเมือง หากเป็นไปได้จะต้องมีการนำสายไฟลงดิน เพื่อไม่ให้สายไฟระโยงระยาง ทั้งนี้ ถ้าประเทศไทยผลักดัน จ.แม่ฮ่องสอน ที่มีประเพณีปอยส่างลอง วิถีชีวิต บ้านเรือนที่เป็นเอกลักษณ์ อันงดงามให้เป็นเมืองมรดกโลกได้ จะถือเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย รวมทั้งจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสความงดงามได้ตลอดทั้งปีอีก ด้วย อย่างไรก็ตาม จากการที่ตนได้มาสัมผัสประเพณีปอยส่างลอง วิถีชีวิตต่างๆ ทำให้รู้สึกประทับใจ และเห็นว่า การอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี จะกลายเป็นจุดขายของการท่องเที่ยวที่จะสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศ อย่างมหาศาล

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000033505

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น