โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ผลงานวิจัยจากต่างประเทศที่ ได้ศึกษาเฉพาะด้าน “บัว” พบว่า ปกติ ดอกบัวที่คนไทยมักใช้ไว้สำหรับการไหว้พระแล้ว กลีบ บัว นั้นยังมีสรรพคุณ บำรุงร่างกาย ห้ามเลือด อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เมล็ดหรือเม็ดบัว ก็สามารถ บำรุงกำลัง ทำให้นอนหลับดี เกสรบัว ก็สามารถเป็นยาสมานแผลในร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท และส่วนที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจก็คือ ดีบัว ที่เมื่อเราทานเม็ดบัวแล้วจะรู้สึกขม คุณสมบัติของดีบัวคือสามารถขยายหลอดเลือดในหัวใจ
และนั่นจึงเป็นที่มาของการคิดค้นเมนูชูสุขภาพ “ เมี่ยงบัวหลวง” ของผู้ช่วยศาสตราจารย์พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม หัวหน้าประจำสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยี คหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ธัญบุรี กับเมนูที่ทำขึ้นง่ายๆ
“มี วิธีทำง่ายเหมาะแก่การทำรับประทานกันในครัวเรือน เหมาะกับผู้รักษาสุขภาพและต้องการไฟเบอร์สูง อีกทั้งเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าของดอกบัวหลวงที่มีมากในจังหวัดปทุมธานีและ แก่เกษตรกรอีกทางหนึ่ง” ผศ. พงษ์ศักดิ์ กล่าว
สำหรับส่วนผสมในการทำน้ำเมี่ยง ได้แก่ น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ถ้วย น้ำ ½ ถ้วย น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ข่าคั่วโขลก 1 ช้อนชา ราผักชีคั่วโขลก 1 ช้อนชา กะปิเผา ¼ ช้อนชา
ส่วนกรรมาวิธีที่ไม่ยากนักคือนำส่วนผสมดังกล่าวมาเคี่ยวพอค้นโดยใช้ไฟอ่อนๆ แล้วจากนั้นผศ.พงษ์ศักดิ์ บอกว่า “ขณะ ที่เคี่ยวนี้เราควรหมั่นคนตลอดเวลาเพื่อป้องกันการไหม้ ระหว่างนี้เราสามารถเตรียมเครื่องเคียง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกบัวหลวง เกสรบัวหลวง เมล็ดดอกบัวหลวง มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง กุ้งแห้ง มะนาว ขิง หัวหอมแดง หั่นให้เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า และ พริก หั่น สำหรับดอกบัวหลวงและเกสรบัวหลวงนั้นเราควรเลือกดอกที่กำลังจะบาน เพราะจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากกลีบของดอกบัว นี่เป็นเคล็ดลับของความหอมอร่อย ผศ. พงษ์ศักดิ์เผย
และ เมื่อได้ดอกบัวหลวงพร้อมเกสรมาแล้วเราควรล้างทำความสะอาดโดยใช้ทริคในการ ล้างคือให้ใช้น้ำผสมเกลือเล็กน้อยในการล้างเพื่อความสะอาดและความสด
“ เด็ด ดอกบัวออกทีละกลีบ เมื่อล้างเสร็จนำมาวางให้สะเด็ดน้ำ ทานพร้อมเครื่องเคียงข้างต้น ก็จะได้ความหอมจากดอกบัวและรสชาติที่กลมกล่อมจากน้ำเมี่ยง พร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ดี รับรองความอร่อย” ผศ.พงษ์ศักดิ์สรุป
เอาล่ะ หากท่านใด สนใจอยากนำสูตรไปทำกันบ้างก็ไม่หวงหรือ อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้สามารถ ติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-89600-0993
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000021098
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น