...+

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552

ปฏิเสธต่อข้อความทางลบ

จาก The Book of Goals

การสอนให้เด็กเป็นคนขี้กลัว จะทำให้เด็กไม่รู้จักโตเป็นผู้ใหญ่

          พวกเราคงเคยได้ยินเรื่องเลวร้ายทุกวัน พ่อแม่ คู่สมรส เด็กๆ หรือครูอาจคาดหวังในตัวเราไว้สูงเกินไป จนทำให้เรารู้สึกว่าเราล้มเหลวต่อการตอบสนองความต้องการของเขา นายของเราก็มักจะบอกว่าเราทำสิ่งใดผิด แต่ไม่เคยบอกเลยว่าเราทำอะไรถูก เรื่องราวที่เราได้รู้มักเต็มไปด้วยเรื่องแย่ๆและเศร้าสร้อย

          เหตุผลหนึ่งที่ทำให้การหางานเป็นสิ่งที่ยาก คือ เรามักจะได้รับข่าวร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเราทุกคนเกลียดการปฏิเสธ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะอายที่จะเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่ปฏิเสธเรา การจะหางานได้สำเร็จนั้นเป็นเรื่องยากตรงที่ว่า ยิ่งเราถูกปฏิเสธมากเท่าใดเราก็ยิ่งต้องพยายามต่อไปมากเท่านั้น

          ในการหางาน ไม่ว่าคุณจะมีคุณสมบัติแค่ไหน คุณก็มีโอกาสจะถูกปฏิเสธได้มาก อาจจะไม่มีงานเพียงพอที่จะรองรับในอุตสาหกรรมนั้น หรือเขตพื้นที่นั้นจำเป็นต้องอาศัยความสอดคล้องของตัวคุณและบริษัทที่คุณอยา กจะทำงาน คุณจำเป็นต้องแบ่งแยกตัวคุณเองออกจากตัวผู้สมัครงานที่ได้รับการปฏิเสธ คุณจำเป็นต้องยอมรับว่าการถูกปฏิเสธ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ ผมเคยให้คำปลอบใจให้แก่หลายท่านว่า ถ้าพวกเขาไม่ได้ถูกปฏิเสธมากเพียงพอ พวกเขาก็ไม่ได้มองหาโอกาสมากขึ้น และไม่ได้พยายามทำสิ่งใหม่ๆ

          สำหรับพวกเราหลายคน อุปสรรคที่เลวร้ายที่สุด ในการหางานที่เหมาะกับเรา และการได้งานที่เราพอใจ คือ คำพูดแง่ลบซึ่งมากระทบเราเมื่อใดก็ตามที่เราพยายามจะลองสิ่งอื่นใหม่ๆได้แก่

  • "มันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องแน่"
  • "อย่าหาเรื่องเดือดร้อนเลย"
  • "มันไม่ได้ผลหรอก"
  • "เคยลองมาหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ"
          นอกเหนือจากคำพูดดังกล่าวจากโลกภายนอกแล้ว เรายังพบข้อความบางอย่างจากภายในตัวเราเอง ได้แก่

  • "ผมไม่เคยมีความสามารถในด้านนี้เลย"
  • "ผมไม่สามารถยืนขึ้นและพูดเช่นนั้น"
  • "ผมไม่เคยเรียนรู้วิธีการเช่นนั้นเลย"
          การได้ยินข้อความเหล่านี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย เศร้าสร้อย และสงสัยในคุณค่าที่แท้จริงของตัวเรา

แบบฝึกหัดในการเอาชนะข้อความด้านลบ          1. พยายามสำรวจความคิดของคุณเองในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ว่าเมื่อคุณฝันถึงความสำเร็จ หรือผิดหวัง เพราะไม่ได้รับความสำเร็จ มีความคิดใดบ้างที่แวบเข้ามาในในคุณ ซึ่งเป็นความคิดด้านบวก ตัวอย่างเช่น

  • "ช่างเป็นความคิดที่ดีเหลือเกิน"
  • "ผมมีความสามารถมากกว่าคนอื่นผมน่าจะเป็นผู้จัดการได้"
          ความคิดบางอย่างอาจออกมาในแง่ลบได้แก่

  • "ผมไม่แข็งแกร่งพอ"
  • "ผมไม่เคยทำความสำเร็จในธุรกิจการเดินทางเลย"
          พยายามชลอความคิดและบันทึกความคิดของคุณ ทั้งด้านบวกและด้านลบ ลงในสมุดซึ่งคุณใช้ทำแบบฝึกหัดช่วงแรกๆ

          2. เมื่อถึงสิ่นเดือน ลองดูความคิดด้านบวกและสนใจที่จะทำตามความคิดนั้น วิธีการนี้จะช่วยให้คุณถูกจูงใจด้วยอารมณ์ที่อยากประสบความสำเร็จของตัวคุณเ อง

          3. ลองดูความคิดด้านลบ และลองถามตัวคุณเองดูว่า

  • "ผมเชื่อตามความคิดนี้จริงๆหรือ"
  • "ผมเอาข้อความนี้มาจากไหน จากใคร"
  • "ผมจะทำอย่างไรทีจะลบล้างข้อความดังกล่าวไปเสีย"
          เมื่อความคิดด้านลบเข้ามาในใจของคุณอีก ลองขัดจังหวะมันดู และลองพิจารณาว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่ และลองเปลี่ยนให้กลายเป็นความคิดด้านบวกดู

          4. ลองคิดดู วุฒิสมาชิก มาร์กาเรต เชล สมิธ ซึ่งเคยเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐเมน เป็นตัวอย่างดู พวกเราส่วนใหญ่ถูกกระทบและทำให้เสียกำลังใจจากคำพูดด้านลบ แต่คนส่วนน้อย ดังเช่น วุฒิสมาชิกสมิธ เป็นผู้หนึ่งซึ่งมีวิญญาณนักสู้ซึ่งพร้อมที่จะเอาชนะต่อสิ่งท้าทายนั้น เธอได้พูดว่า "เมื่อคนอื่นสบประสาทว่าคุณไม่ได้ คุณควรอยากจะลองทำดูให้สำเร็จ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น