จาก หนึ่งสมอง สองมือ
รวมบทสนทนา "ชีวิตธุรกิจ" พ.ศ. 2530
โดย ประสาร มฤคพิทักษ์
มีบรรยากาศทำนองนี้เกิดขึ้นที่ไหนบ้างไหมครับ รวมบทสนทนา "ชีวิตธุรกิจ" พ.ศ. 2530
โดย ประสาร มฤคพิทักษ์
ผู้จัดการที่มาถึงสำนักงานด้วยท่วงท่าที่ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ ตรงดิ่งเข้าไปในห้องแอร์ของตนเอง ตลอดทั้งเช้าไม่พบปะ ไม่พูดคุย ไม่ทักทายกับลูกน้อง
พอกลางวันก็ไปกินข้าวกับลูกค้า
กลับมาอีกทีก็บ่ายแก่ๆ เข้าห้องทำงานเงียบ ลูกน้องคนไหนจะขอเข้าพบ ผู้จัดการจะรู้สึกรำคาญใจขึ้นมาทันที
วิธีสื่อสารกับลูกน้องคือ การประชุม ส่งกระจายเสียงตามสาย ออกจดหมายเวียน ออกคำสั่งเป็นตัวหนังสือให้ปฏิบัติ
เป็นผู้จัดการที่แยกตัวออกจากลูกน้องโดยอัตโนมัติ ทำทีเสมือนหนึ่งว่า เวลาของตนนั้นมีค่าเหลือประมาณ การพบปะลูกน้องเป็นเรื่องเสียเวลา ทำให้ตารางการทำงานเสียไป หารู้ไม่ว่าวิธีทำตัวให้ยุ่งยากจนไม่มีเวลาให้กับลูกน้องเลยนั้น คือการสร้างบรรยากาศแห่งความอึดอัดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ลองวาดภาพใหม่ดูกันนะครับ ผู้จัดการที่มาถึงสำนักงานแล้วยิ้มทักทายลูกน้อง เวลาดื่มกาแฟก็ออกมาดื่มกับลูกน้อง กลางวันก็ไปกินข้าวกับลูกน้องบ้าง ตกบ่ายมากๆ ออกมาพูดคุยหยอกเย้าถามทุกข์สุขของลูกน้อง ทำให้เกิดบรรยากาศเปิดประตูต้อนรับลูกน้องด้วยความเต็มอกเต็มใจ
ใครเดือดเนื้อร้อนใจ ก็สามารถเข้าหาระบายทุกข์ได้ โดยไม่ต้องหวาดผวาว่าผู้จัดการจะดุเอา
ปัญหาส่วนตัวของลูกน้องได้รับการเอาใจใส่จากผู้จัดการ
มีผู้จัดการแบบนี้ จะน่าทำงานด้วยไหมครับ
ในปัจจุบัน มีเครื่องมือสือสารสารพัดชนิดในสำนักงานที่ราคาแพงและมีประสิทธิภาพสูง แต่จากการค้นคว้าวิจัยก็ยังสรุปลงตรงที่ว่า ในสำนักงานสมัยใหม่นั้น ไม่มีการติดต่อชนิดไหนจะได้ทั้งผลงานและได้ผลทางใจเท่ากับการพูดคุยแบบเผชิญ หน้าได้เลย
ความจริงเป็นเช่นนี้ ก็ยังมีบรรยากาศแห่งความห่างเหินระหว่างผู้จัดการและลูกน้อง ทั้งๆที่นั่งห้องติดกันนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น