...+

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552

“HAPPY NEW YEAR - GOOD LUCK”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     23 ธันวาคม 2551 17:50 น.
แทบไม่น่าเชื่อว่า “ปี 2551-ปีชวด-ปี 2008” กำลังจะผ่านพ้นไป เหลืออีกเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น “ปีใหม่ 2552-ปี 2009-ปีฉลู” คืบคลานมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ต้องเรียกขานว่า วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว “เหมือนติดปีกบิน!”
      
        เหตุการณ์ตลอดปี 2551 เกิดขึ้นอย่างมากมาย ทั้งทางด้านสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ซึ่งล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ต้องยอมรับว่า “ชาติบ้านเมืองไร้ความสงบ!” อย่างสิ้นเชิง
      
        ปี 2551 เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ทางการเมือง เริ่มตั้งแต่เพียงหนึ่งปี ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีถึง 4 คน เริ่มตั้งแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ส่งไม้ต่อให้หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (อดีต) คุณสมัคร สุนทรเวช แต่อยู่ได้เพียงประมาณ 6-7 เดือน ก็ “ถูกสอย” ออกจากตำแหน่ง ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความผิด ในกรณีดำเนินรายการ “ชิมไปบ่นไป!” แต่ที่สำคัญคือ “ถูกหักหลัง” จากสมาชิกพรรคกันเอง ไม่ให้หวนกลับสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และต่อมา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยคุณทักษิณ ชินวัตร ขึ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยึดคืนมาให้สมาชิกในครอบครัว “ชินวัตร”
      
        ทั้งคุณสมัคร และคุณสมชาย ต่างถูก “ต่อต้าน-ประท้วง” จาก “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)” ซ ึ่งเป็นกลุ่มที่โค่นล้มคุณทักษิณ ชินวัตร หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ และไม่สำคัญเท่ากับว่า ทั้งคุณสมัคร สุนทรเวช และคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ถูก “ปลิดทิ้ง!” จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน เพียงแต่ “วิธีการ” และ “การโค่น-การยึดอำนาจ” นั้น “ซ่อนเงื่อน-เนียน” ต่างกันเท่านั้น
      
        แทบจะทั้งสองนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 และ 26 ของประเทศไทย ไร้ที่ทำงาน ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปทำงานที่อื่น โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ “ไร้ทำเนียบฯ” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 2 เดือนกว่าๆ เท่านั้น และขอย้ำว่า “นายกรัฐมนตรีไร้ทำเนียบฯ” ทั้งนี้ ต้องขอเรียนว่า “น่าเห็นใจอย่างมาก!”
      
        เหตุการณ์ทางการเมืองตลอดปี 2551 เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ชาติบ้านเมืองมีแต่เรื่องวุ่นวาย ปั่นป่วน สับสนอย่างมาก “บ้านเมืองไร้ขื่อแป!” มีแต่การชุมนุมประท้วงขับไล่ เนื่องด้วย เหตุผลสำคัญคือ “รัฐบาลนอมินี-หุ่นเชิด!” ที่ทุกฝ่ายต่างตระหนักดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร “นายใหญ่” ทั้ง “ครอบงำ-กุมบังเหียน” รัฐบาลพลังประชาชนแทบทุกองค์อณู เป็น “ซีอีโอ (CEO)” ตัวจริงเสียงจริง เคยชินจากช่วงที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุดก็ต้องมีอันเป็นไป!
      
        ความจริงที่เราต้องยอมรับว่า ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา ของทั้งสอง “สมัคร-สมชาย” นั้น คำว่า “ผลงาน” เราแทบจะไม่ได้ยินเลย หรือต้องขอเสียมารยาทกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไร้ผลงาน” น่าจะตรงเผงที่สุด เพราะไม่มีจริงๆ มีแต่ “การทะเลาะ-ขัดแย้ง-โต้ตอบ” และไม่สำคัญเท่ากับ “ความวุ่นวาย” ของการชุมนุมประท้วง
      
        แต่ที่เลวร้ายไปมากกว่านั้น คือ “การซ้ำเติม” หรือ “การตอกลิ่ม” ให้สังคมไทย “แตกร้าว-แตกแยก” มากยิ่งขึ้น โดยการจัด “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)” หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า “กลุ่มเสื้อแดง!” ที่ถูกจัดตั้งมาเพื่อ “เผชิญหน้า-ปะทะ” กับ “กลุ่มเสื้อเหลือง-พันธมิตรฯ”
      
        และที่สำคัญไปมากกว่านั้น คือ “เทิดทูน-เชิดชู” และ “ปกป้อง” เสมือนเป็น “กองทัพประชาชน” ที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีทั้งรูปภาพและชื่อคุณทักษิณโชว์แบบเต็มๆ จนกระทั่ง “การโฟนอิน” กับ “ภาพซีดี” ที่เปิดโอกาสให้คุณทักษิณได้ทั้งแก้ตัวและหาเสียงตลอดเวลา
      
        ตลอดระยะเวลา 10 เดือน “ความขัดแย้ง” จนถึงขั้น “แตกหัก!” ได้มีการปะทะกันจนเสียเลือดเนื้อและเสียชีวิตกับ “การสลายม็อบ 7 ตุลาฯ” ตลอดจน “การปาระเบิด” เข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงของพันธมิตรฯ
      
        ปัญหาวิกฤตการเมืองเลยเถิด จากการที่รัฐบาลถูก “อเปหิ-ขับไล่” ออกจากสถานที่ทำงาน “ทำเนียบรัฐบาล” จนกลายเป็น “รัฐบาลพเนจร-รัฐบาลสัมภเวสี” หรือ “ไม่มีศาล” จนเป็นที่อับอายไปทั่วโลก จนลามมาสู่ “วิกฤตเศรษฐกิจ”
      
        “การยึดสนามบิน” ทั้ง “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” จนถึงขั้น “ปิด 2 สนามบิน” ได้ก่อให้เกิดความเสียหายด้านความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาคมโลก จนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและส่งออกได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท โดยวัตถุประสงค์เบื้องต้น เพื่อต้องการ “สกัดกั้น” การเดินทางกลับของอดีตนายกรัฐมนตรี คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จากการประชุมเอเปค ที่ประเทศเปรู
      
        การปิดสนามบินทั้งสอง ได้เลยเถิดไปจนถึงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ประมาณ 7-8 วันเต็มๆ เพื่อ “กดดัน” ให้ “รัฐบาลหุ่นเชิด” ลาออก! แต่การณ์ก็มิได้เป็นเช่นนั้น กลับทำให้ชาติบ้านเมืองเลวร้าย ดิ่งเหวไปมากกว่าเดิม!
      
        สังคมไทยไม่เคย “แตกร้าว-แตกหัก” เช่นนี้มาก่อนในอดีต จนเกิดปรากฏการณ์ “ไทยฆ่าไทย” ในที่สุด ถามว่า ปัจจุบันนี้ “ความปรองดอง” จะสามารถหวนกลับมาบรรเจิดได้อีกหรือไม่กับสังคมไทย คำตอบคือ “ไม่มีทาง!” เนื่องด้วยความพยายามของ “กลุ่มผู้เสียประโยชน์” จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และ “ตอกย้ำ-ตอกลิ่ม” ให้ประเทศชาติพังไปในที่สุด
      
        ปี 2551 เป็นปีแห่ง “ความหายนะ” ของชาติบ้านเมือง “รัฐบาลสอง ส.!” มิได้สร้างผลงานใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่จะ “แก้เกม-แก้รัฐธรรมนูญ” เพื่อปกป้องช่วยเหลือพวกพ้อง โดยเฉพาะต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่ได้คำนึงถึง “ปัญหาบ้านเมือง!”
      
        และแล้วในที่สุด “การยึดอำนาจ-รัฐประหาร” ก็มิได้เกิดขึ้น ต้องขอแสดงความยินดีแก่ “กองทัพ” ที่สามารถใช้ “วิธีการซ่อนรูป” กับการยุติบทบาทของพรรคการเมืองทั้งสามด้วย “ตุลาการภิวัฒน์”
      
        การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ตลอดจน “ทำเนียบรัฐบาล” ก็ได้รับมอบคืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง จนสามารถเดินหน้าสู่สภาวะปกติได้ ทั้งนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติ ด้านเศรษฐกิจและศรัทธา เชื่อมั่น นับมูลค่ามิได้ ตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจน่าจะสูงถึงหลัก 2 แสนล้านบาท
      
        หนึ่งปีเต็มๆ ของปี 2551 นั้น นับเป็น “ปีแห่งความเสียหายย่อยยับ” มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี “ผลงานไม่ปรากฏ” มีแต่ “ความขัดแย้ง-ประท้วง” จนทำให้ประเทศไทยเสียหายกระฉ่อนไปทั่วโลก “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ช่วงไฮต์ซีซันพังพินาศ กว่าจะฟื้นคืนกลับมาได้ น่าจะกลางปี 2552 ไปแล้ว!
      
        อย่างไรก็ตาม เรามี “รัฐบาลใหม่” เรียบร้อยแล้ว “อภิสิทธิ์ 1” ซึ่งต้องขอให้กำลังใจกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 27” ที่ต้องขอฟันธงเลยว่า “ทุกขลาภ” อย่างมาก เนื่องด้วย “ความคาดหวังสูง!” อย่างมากจากทุกภาคส่วนของสังคมไทย โดยเฉพาะ “ภาคเอกชน-ภาคประชาชน”
      
        ไหนจะต้องเจอ “2 มรสุม-2 เด้ง” กับ “วิกฤตเศรษฐกิจโลก” และ “ขบวนการต่อต้าน-ใต้ดิน” จาก “หนึ่งกลุ่ม-สองภาค” กล่าวคือ “กลุ่มเสื้อแดง” และประชาชนจาก “เหนือ-อีสาน” ที่ต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า คุณอภิสิทธิ์จะทำงานยากที่สุด
      
        ทั้งนี้ “ผลงาน” และไม่สำคัญเท่ากับ “ความอดทน” และ “ความซื่อสัตย์” ที่ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ต้องยึดถือและปฏิบัติให้ได้ ตลอดจนต้อง “โรดโชว์” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อแสดงความจริงใจในการเป็น “นายกฯ คนไทยทั้งมวล” และ “รับใช้คนไทยทั้งชาติ” ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งต้อง “อดทนกรำหนัก!”
      
        พร้อมทั้งทีมงานเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ ต้องเดินสายทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจและความศรัทธาเชื่อมั่น แต่ “วิกฤตเศรษฐกิจโลก” จะเป็นปัญหาที่แก้ยากที่สุด
      
        ก็ขอให้นายกฯ อภิสิทธิ์ ประสบความสำเร็จ และ “โชคดี” เพื่อให้คนไทยได้ประสบความสุข ความสำเร็จตลอดปี 2552
      
        “HAPPY NEW YEAR” และ “GOOD LUCK” แด่ “อภิสิทธิ์ 1” และคนไทยทุกคน!


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000150756

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น