...+

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

บทบาทต่อไปของพันธมิตรฯ

โดย สิริอัญญา   


เมื่อมองการเมืองไทยในปี 2552 ไปแล้ว ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องมองถึงบทบาทต่อไปของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไ ตย ทั้งๆ ที่วาทกรรมสุดฮิตทางการเมืองที่ว่า "ไม่มีเขา เราไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล" จะไม่ได้กล่าวถึงบทบาทของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเลยก็ตาม
      
        เพราะความจริงนั้นถึงจะพูดหรือไม่พูดถึง มันก็ดำรงอยู่และไม่มีใครสามารถปฏิเสธการดำรงอยู่ได้ ความจริงนั้นก็คือหากไม่มีการต่อสู้ด้วยความเสียสละกล้าหาญทรหดอดทนที่ยอมพล ีแม้ชีวิตเพื่อชาติราชบัลลังก์แล้ว ในวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังคงย่ำต๊อกเป็นฝ่ายค้านที่ไม่มีศักยภาพแม้แต่จ ะเขย่าอำนาจรัฐเก่าให้กระเทือนได้เลย
      
        ก ็อีกนั่นแหละ ยังมีความจริงหนึ่งซึ่งไม่ได้เปิดเผยเช่นเดียวกันว่าในบรรดาแกนนำทั้งหลายขอ งพรรคประชาธิปัตย์ต่างก็ยอมรับนับถือในความจริงดังที่กล่าวมา และยังย้ำด้วยว่ารัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจะเป็นปรปักษ์กับพันธ มิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้เป็นอันขาด
      
        ใครไม่เชื่อลองไปถามคุณบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือเลขาธิการใหญ่สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ได้
      
        และในวันนี้หากคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ใช่นักการเมืองที่ถือขวดน้ำนมออกมาเล่นการเมืองแล้ว ก็ย่อมต้องประสานกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกันบ้างแล้วไม่ทาง ใดก็ทางหนึ่ง และอาจมีข้อตกลงร่วมมือกันบ้างแล้วไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
      
        เ รื่องในที่ลับยากจะรู้ แต่ก็อาจหยั่งคาดได้ว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นเกิดมาและถูกอบรมบ่มเพาะมาเพื่อเป็นผู้นำทางการเมือง และมีความพร้อมที่จะถือบังเหียนสยามรัฐนาวานี้มาเป็นระยะเวลาค่อนข้างนานแล้ ว ดังนั้นฟันธงไปได้เลยว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงจะได้พบปะทำความเข้าใจและร่วมมือไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งกับแกนนำพันธมิตรป ระชาชนเพื่อประชาธิปไตยแล้ว
      
        ความเป็นพันธมิตรฯ และความเกี่ยวข้องใดๆ หรือความร่วมมือใดๆ กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องเสียหาย
      
        เพราะความเป็น หรือความเกี่ยวข้อง หรือความร่วมมือนั้นเป็นเรื่องของความเสียสละ ความอดทน ความกล้าหาญ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่กล้าแม้ยอมพลีชีวิตให้ได้ ดังความจริงที่เห็นประจักษ์แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เป็นแค่การท่องบ่นพร่ำเพ้อแต่ปาก
      
        ส ถานการณ์ในขณะนี้ทั้งสุ้มเสียงจากรัฐบาลและจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประ ชาธิปไตยสอดคล้องต้องกัน คือการปกป้องพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ การขุดรากถอนโคนระบอบทุนสามานย์ การพิทักษ์อธิปไตยของชาติ การนำความสงบสุขกลับคืนบ้านเมือง การพิทักษ์ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และการธำรงรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรมให้เป็นหลักชัยและขื่อแปของบ้านเมือง
      
        ดังนั้นตราบใดที่รัฐบาลไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ฉ้อฉลปล้นชาติ ไม่ทรยศหักหลังประชาชน ไปเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับอริราชศัตรูแล้ว เมื่อนั้นก็เห็นทีว่าทั้งรัฐบาลผสมและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคงจะไ ปด้วยกันได้
      
        หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นที่แน่นอนว่าเสถียรภาพทางการเมืองและรัฐบาลจะมั่นคงแล ะจะยืนยงต่อไปได้จนครบเทอม แต่ถ้าเกิดไม่จริงขึ้นมา ตรงนั้นแหละก็คงจะได้เห็นกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น
      
        ม ันจะไม่เกิดขึ้นตราบใดที่รัฐบาลยังไม่ดูหมิ่นถิ่นแคลนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเ พื่อประชาธิปไตย เหมือนกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความรู้สึกเช่นนั้นมาก่อนแล้ว
      
        หลังพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ด้วยความเชื่อว่าพลังพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรง นายสนธิ ลิ้มทองกุล หมดน้ำยาไร้ความหมาย เอเอสทีวีขาดเลือดใกล้จะปิดเต็มทีแล้ว จึงเร่งขับเคลื่อนแก้รัฐธรรมนูญและดำเนินการทั้งปวงเพื่อฟอกผิดฟอกโกงให้กับ นักการเมือง
      
        จึงเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประชาชาติไทย ที่มวลมหาประชาชนชาวไทยทั่วทุกแห่งหน โดยมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าศาสนา ฐานะ และเพศ วัยใด ต่างมีภราดรภาพ ผนึกกำลังด้วยจิตใจสู้รบกล้าหาญทรหดอดทนเข้าต่อสู้กับอำนาจรัฐอธรรม
      
        ก ารต่อสู้อันยืดเยื้อยาวนานของประชาชนในประวัติศาสตร์ของชาติไทยได้อุบัติขึ้ นในโลก เป็นการต่อสู้ตลอดทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาติดต่อกันถึง 193 วัน ผ่านฤดูกาลทั้งสาม คือตั้งแต่ช่วงปลายฤดูร้อน ผ่านฤดูฝน เข้าสู่ต้นฤดูหนาว จึงได้รับชัยชนะเบื้องต้น
      
        นักรบของประชาชนที่วีระกล้าหาญและยอมพลีแม้กระทั่งชีวิตเพื่อพิทักษ์รักษาชา ติราชบัลลังก์ได้พลีชีวิตไปถึง 12 คน พิการนับสิบคน และบาดเจ็บร่วม 700 คน
      
        ได้ปฏิบัติการครั้งยิ่งใหญ่เหนือความคาดคิดและเกริกก้องเกรียงไกรยิ่งกว่าคร ั้งไหน ๆ ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย มีการเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ปิดล้อมสนามบินแห่งชาติสุวรรณภูมิและดอนเมืองอันลือลั่นโลก
      
        มันเกิดขึ้นท่ามกลางภยันตรายที่ไม่ต่างกับในสนามรบที่มีการใช้อาวุธนานาชนิด แม้อาวุธสงครามที่ร้ายแรง กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ที่มีแต่สองมือเปล่า ซึ่งได้แต่ชูมือตบด้วยความบริสุทธิ์กล้าหาญ
      
        มันเกิดขึ้นท่ามกลางการให้ความรู้และบ่มเพาะภูมิปัญญาให้กับประชาชนชาวไทยคร ั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ จนแม้กระทั่งเด็กอายุ 3-5 ขวบ ไปจนถึงคนเฒ่าคนแก่อายุกว่า 80 ทั้งอาชีพแม่บ้าน กรรมกร ชาวนา คนขับรถแท็กซี่ อาม้า อาซิ้ม อาแปะ นักบวช นักพรตในหลายศาสนา พากันตื่นรู้ทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุด
      
        ต ื่นรู้ทางการเมืองว่าการเมืองเก่านั้นคือต้นเหตุความพินาศย่อยยับของสังคมไท ย เป็นต้นเหตุของความยากจน การฉ้อฉลปล้นชาติ การทำลายชาติบ้านเมืองและสถาบันต่างๆ ของประเทศไทย เป็นภัยร้ายแรงที่สุดยิ่งกว่าศัตรูหมู่อมิตรที่คิดรุกรานบ้านเมืองของเราไม่ ว่าครั้งไหนๆ ในประวัติศาสตร์
      
        เพราะเหตุเหล่านั้น มวลมหาประชาชนจึงลุกฮือขึ้นทุกภาคส่วน ไม่ว่าภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาคประชาชน แม้กระทั่งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ
      
        เหล่านี้ทำให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเหตุการณ์ 14 ตุลา, 6 ตุลา และพฤษภาทมิฬเป็นเรื่องเล็กของเด็กอนุบาลที่ไม่อาจเทียบได้กับการจบชั้นดุษฎ ีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยราชดำเนิน
      
        มันได้กลบฝังคนเดือนตุลาจำนวนมากที่ "ยอมขายตัวให้เงินทอง กลายเป็นผู้มองไม่เห็นความเป็นคน" ที่ดื้อรั้น "ประณามธรรม พิทักษ์พาล อย่างไม่เกรงชั่ว ไม่กลัวบาป" ในห้วงเวลาสำคัญแห่งการต่อสู้นั้น
      
        มันได้กระชากหน้ากากสื่อมวลชนขายตัวหลายสำนักและนักวิชาการซึ่งมีธาตุแท้เป็ นแค่นักวิชากินและนักวิชาเกินอย่างล่อนจ้อน จนไม่เป็นผู้เป็นคนอีกต่อไป
      
        ท ว่าการต่อสู้ที่ผ่านมานั้นเป็นไปโดยธรรมชาติและกำหนดเป้าหมายการต่อสู้ทางกา รเมืองไว้ที่การไม่แก้รัฐธรรมนูญและการโค่นรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ดังนั้นถึงแม้จะขับไล่รัฐบาลโฉดชั่วออกไปได้ถึง 2 รัฐบาล แต่ในที่สุดอำนาจรัฐก็มิได้ตกแก่ประชาชน
      
        คงตกได้แก่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งยังคงอยู่ในวังวนของการเมืองเก่า และเป็นการเมืองเก่าที่เข้าสู่โค้งสุดท้ายดังที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ชี้เอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว และเมื่อใดที่การเมืองเก่าในโค้งสุดท้ายนี้มาถึงกาลกริยาในวาระสุดท้าย เมื่อนั้นแสงทองอันเจิดจ้าของการเมืองใหม่ก็จะทาบทอฟากฟ้าบูรพาทิศ
      
        ดังนั้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงไม่อาจกำหนดเป้าหมายของตนไว้แค่ร ะดับเดิมได้อีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่ไม่วางเป้าหมายเข้าสู่อำนาจรัฐ ตราบนั้นถึงได้ชัยชนะมาก็ได้แค่ไปยืนอยู่ขอบรั้วสภา มองดูหมูหมากัดกัน เหมือนกับวีรชนของประชาชนในยุคก่อนๆ ที่ต่อสู้แล้วต่อสู้เล่าจนแก่เฒ่าและล้มตายไป ก็ได้แต่ชะเง้อด่าอยู่ข้างสภาเท่านั้นเอง
      
        ห ากไม่ตั้งเป้าหมายเข้าสู่อำนาจรัฐ ก็เหมือนนักหมากรุกที่เล่นหมากรุกเอาแค่แพ้หรือเสมอ มีแต่เจ๊งกับเจ๊า และในที่สุดก็จะทำให้ความเสียสละของวีระประชาชนสูญเปล่า นี่คือปมปัญหาทางยุทธศาสตร์อันสำคัญที่สุดที่วางอยู่เบื้องหน้าเหล่าแกนนำแล ะประชาชนที่จะต้องตัดสินใจร่วมกัน
      
        ในประวัติศาสตร์ไม่มีพรรคการเมืองใดของประชาชนที่จะเข้าสู่อำนาจรัฐได้ภายใต ้กฎหมายพรรคการเมือง แต่ความจำกัดในความเป็นจริงของประเทศเรา หากไม่มีพรรคการเมืองในระบบรัฐสภาก็ไม่มีทางเข้าสู่อำนาจรัฐได้ ยกเว้นการรัฐประหารโดยทหารหรือปฏิวัติโดยประชาชน
      
        ความจริงได้กำหนดให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องมีพรรคการเมืองเป็น ของตนเอง แต่ไม่ใช่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นพรรคการเมืองเสียเอง เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกหนึ่งของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในรัฐสภา มีภารกิจเพื่อช่วงชิงให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษั ตริย์ทรงเป็นประมุข
      
        ในขณะที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเองก็ต้องปรับตนเองให้เป็นองค์กรจั ดตั้งที่เป็นองค์กรนำการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ของประชาชน ขยายการจัดตั้งหยั่งรากลึกลงไปถึงมวลชนระดับล่างสุดอย่างกว้างขวางทั่วประเท ศ เพื่อดำรงสถานะสถาบันทางการเมืองของประชาชนที่เป็นปากเป็นเสียงและทำการต่อส ู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้มั่นคงสถาพรเป็นนิรันดรไป
      
        ทั้งยังต้องสร้างองค์กรแนวร่วมจำนวนมากทั้งภายในประเทศและในทางสากล เพื่อขับเคลื่อนพลังของประชานุภาพให้ปรากฏเป็นจริงขึ้นในดินแดนแห่งนี้
      
        ก ารเมืองเก่ามาถึงทางโค้งสุดท้ายแล้ว เวลาเหลือไม่มากนัก จักต้องเตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อสืบสานขับเคลื่อนการเมืองใหม่ให้สถาปนาข ึ้นในราชอาณาจักรนี้ให้จงได้.

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000152656

    เราพูดคำว่า การเมืองใหม่ กันตลอด
แต่จริงๆแล้วมันเป็นยังไง เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยรูปแบบใหม่ แบบไหน
ธ รรมาธิปไตย น่าจะเป็นคำที่เหมาะสม เป็นการปกครองที่มีธรรมนำหน้า โดยนักการเมืองที่มีคุณธรรม เพื่อประโยชน์สุขของชาติและประชาชนทั้งมวล
และมีการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลโดยภาคประชาชนที่เข้มแข็ง
การมีพธม.ก็คือจุดเริ่มต้นของการเมืองใหม่ คอยควบคุมตรวจสอบ ไม่ให้รัฐบาลทำอะไรนอกลู่นอกทาง
จริงๆแล้ว การเมืองใหม่ก็คือการเมืองปกติของประทศอารยะทั้งหลาย
มันผิดที่ตัวนักการเมืองคอรัปชั่นนั่นแหละ
การเมืองคุณธรรม

    ยุทธศาสตร์ทางการเมืองคือการยึดอำนาจรัฐหรือเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อผลักดันนโ ยบายต่างๆ ยุทธวิทีอันหนึ่งคือการตั้งพรรคการเมืองเพื่อให้ได้สส.เป็นตัวแทนในสภาหรือร ่วมในรัฐบาล
พ ธม.เป็นองค์กรทางการเมืองที่เกิดจากการประท้วงความไม่ถูกต้องและกำลังพยายาม ต่อยอดให้เป็นการเมืองภาคประชาชนอย่างถาวร การตั้งพรรคการเมืองของพธม.น่าจะเป็นกลยุทธที่สอดคล้องกับการรณรงค์สร้างการ เมืองใหม่เพราะถ้าพธม.ไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือก็คงจะได้แต่ยืนดูพรรคการเมือง อื่นเหยียบกองเลือดและน้ำตาของชาวพธม.เข้าไปเสวยสุขแบ่งผลประโยชน์ในการเป็น รัฐบาล และก็คงเป็นมวยล้มต้มคนดูอย่างเคย ปชป.คงไม่เปลี่ยนความเป็นปชป.ง่ายๆหรอก
พธม.คือการรณรงค์ที่สร้างความตื่นตัวทางการเมือง
พ รรคการเมืองที่เป็นแนวร่วมกับพธม.คือการต่อยอดทางการเมืองที่พธม.ต้องมีเพื่ อบรรลุยุทธศาสตร์การเมืองภาคประชาชนอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นพธม.ก็คือคนทำกับข้าวให้คนอื่นกิน เสร็จแล้วยังต้องเก็บล้างอีกด้วย
และอย่ารอให้เหล็กหายร้อนไปเสียก่อนที่จะตั้งพรรคการเมืองใหม่
คนบางนา


    อ่านแรกๆ ก็เข้าท่าดี แต่อ่านตอนท้ายๆ ก็คิดคล้ายๆ คุณคำนูณนะ เอาล่ะ ถ้าพันธมิตรต้องเข้าสู่การเมืองจริงๆ จะมีคำถามคล้ายกับที่เคยฝากไปแล้วดังนี้ครับ
1. ประชาชน เข้าใจความแตกต่างระหว่างการเมืองเก่ากับการเมืองใหม่ ถ่องแท้หรือยัง และพันธมิตรมีแผนการอย่างไรให้คนไทยทั้งแผ่นดินเข้าใจความแตกต่างนี้อย่างถ่ องแท้ ผมหวังว่าพันธมิตรจะใช้พื้นฐานของความเป็นสื่อมวลชนที่แข็งแกร่งให้เป็นประโ ยชน์
2. การแก้ปัญหาหลักๆ ของประเทศชาติ ภาคต่างๆ ทำอย่างไรให้รวดเร็ว เป็นรูปธรรม ทำอย่างไรให้ประชาชนทั้งประเทศ อิ่มท้อง ปลอดภัย มั่นใจในอนาคต หากไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ลองศึกษางานเขียนของ ดร.ป๋วย เรื่องอนุทินชีวิต จากครรภ์มารดา สู่เชิงตะกอนดูนะครับ
3. ทำอย่างไรให้สังคมโลกเห็นว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมือง เป็นอารยะประเทศ
4. จะปรับปรุงระบบราชการอย่างไร ให้เป็นกลไกขับเคลื่อนความก้าวหน้าของประเทศ ที่มีประสิทธิภาพ อย่าลืมว่า ภาคราชการจะเป็นภาคที่ผลักดันให้นโยบายของภาคการเมืองเป็นไปได้จริง จะดูแลเขาอย่างไร
5. ทำอย่างไรให้การเมืองระดับท้องถิ่น เป็นการเมืองที่มุ่งผลให้เกิดการบริหารจัดการสาธารณะที่มีคุณภาพ ไม่ใช่เป็นภาพจำลองรูปแบบการเมืองระดับประเทศ ซึ่งเป็นเพียงเกมแย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มการเมือง

ด้วยรักและเชื่อมั่นในความดีงามของพันธมิตร
แอ๊ด รายเดือน

    แกนนำพันธมิตรไม่เข้ามาเล่นการเมือง แต่เราต้องการๆเมืองใหม่ และเราคงจะต้องมี สสในสภาเพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้พวกเรา ได้การเมืองใหม่ ไม่งั้นเราจะต้องออกมาชุมนุมบนท้องถนนอีก แกนนำ ของเราเหนื่อยมากแล้ว พธม คนหนึ่ง (เห็นด้วยที่จะมีพรรคของเราประชาชนช่วยกันออกเงินให้พรรค )
คนไทย


    ผมมองประเด็นของเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าการปรับเปลี่ยนระบบการเมืองเก่าไปสู่ การเมืองใหม่นั้น .... สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวรัฐบาลเองต้องมีความจริงใจและมองเห็นประโยชน์ในการปรั บเปลี่ยนนี้ .... สิ่งที่รัฐบาลควรกระทำก็คือการเผยแพร่ประชาธิปไตยที่ถูกต้องให้ประชาชนได้เข ้าใจในสิทธิและอำนาจของประชาชน .... ต้องทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลและข้าราชการทุกภาคส่วน ....ไม่ใช่เจ้านายของประชาชน แต่เป็นผู้รับใช้ประชาชนตามตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย .... ต้องลบล้างความรู้สึกนี้ให้ได้ และการปรับเปลี่ยนนี้ต้องอาศัยข้าราชการท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ .... รัฐบาลต้องเร่งสร้างนโยบายนี้และให้ข้าราชการทุกระดับไปปรับเปลี่ยนให้ได้ และถือเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดด้วย .... เมื่อการปรับเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ได้สำเร็จแล้ว ..... การปรับทางด้านการเมืองจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ .... เมื่อประชาชนรู้ในอำนาจและสิทธิของตนเองแล้ว เขาก็จะใช้สิทธิเหล่านั้นเพื่อชุมชนของเขาได้ .... อิทธิพลท้องถิ่นที่ผิดๆจะค่อยๆหายไปเอง เกิดอิทธิพลใหม่ที่ใช้ความดีความเสียสละเป็นแกนหลัก ..... เรื่องเหล่านี้จะเกิดได้ต้องมีมาจากรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลสูง และหวังผลเพื่อก้าวพัฒนาประเทศชาติไปสู่ความสงบร่มเย็นต่อไป .... เจ้านายของประชาชนคนไทยมีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น .... คือองค์พระประมุขของปวงชนชาวไทย
คนแก่


    การเมืองใหม่ที่เรียกร้อง ไม่ใช่การที่เอาภาระหน้าที่ไปปะไว้บนบ่าของนายกอภิสิทธิ์อย่างเดียว ว่าเขาต้องทำให้เกิดขึ้นมา เห็นว่าไม่ใช่เป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าเขาทำมาก็จะมีคนบอกไม่ชอบ ไม่ใช่ แล้วอะไรคือใช่?

ถ ึงวันนี้มีเสียงวิพากษ์มากมาย แต่ยังไม่เห็นรูปอธรรมของสิ่งที่เรียกร้อง และยังเห็นไม่ชัดว่าจะต้องไปอย่างไรต่อ ทุกวันนี้มีความคิดที่แตกต่างมากมายเรื่องตั้งพรรค ไม่ตั้งพรรค

แต่ท ุกอย่างยังไม่มีทางออกและทางเดินไป ทางที่จะเดินไปได้นั้นคือต้องมีสื่อที่เป็นฟรีทีวี ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดการเรื่องสื่อได้ พวกเราก็จะได้แค่นี้เพราะพันธมิตรเดินมาไกลกว่าสังคมส่วนอื่นที่ยังเดินตามไ ม่ทัน เราก็จะพูดวนเวียนในวังวนของเราแบบไร้ข้อสรุปและการดำเนินการ
นกอิสสระ


    คงต้องดูความจริงใจของรัฐบาลอภิสิทธิ์คราวนี้ด้วยว่าจะทำอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามการที่พันธมิตรจะจับมือกับพรรคการเมืองใดๆก็ตามที่มีอุดมการ ณ์เดียวกับพันธมิตร ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ง่ายกว่า โดยพันธมิตรให้ความรู้ประชาชนและขยายฐานแนวร่วมของตนไปเรื่อยๆให้มากที่สุด ทางแรกที่ต้องทำคือต้องทำความเที่ยงธรรมให้ปรากฎ ปฏิรูประบบยุติธรรมขั้นต้นและกลางให้ชัดเจน คนที่อยู่ในระบบยุติธรรมโดยเฉพาะตำรวจต้องกำจัดคนชั่วออกไปอย่าให้กุมอำนาจ ส่งเสริมคนดีให้เข้ามากุมอำนาจ เรื่องต่อไปให้จัดการสื่อโดยเฉพาะสื่อทีวี ทำ ASTV ให้เป็นฟรีทีวีให้ได้ นำความจริงของระบบการเมืองและสังคมสื่อให้ประชาชนได้รับรู้ทั่วประเทศทุกระด ับ เมื่อพันธมิตรสามารถที่จะเข้าถึงประชาชนได้ทุกระดับทั่วประเทศแล้ว สามารถให้ความรู้หรือกล่อมเกลาทางการเมืองที่ถูกต้องให้กับประชาชนแล้ว เมื่อนั้นแนวร่วมของพันธมิตรจะมากมายมหาศาล พรรคการเมืองต่างๆก็ต้องรับฟังพันธมิตร ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองภาคประชาชนผู้รักชาติและรักความถูกต้องดีงามของสั งคม และเมื่อนั้นเมื่อพรรคการเมืองใดๆที่ครองอำนาจรัฐอยู่ไม่สามารถสนองตอบต่อข้ อเรียกร้องของพันธมิตรที่เป็นภาคประชาชนแล้ว เมื่อนั้นก็ถึงเวลาอยู่เองที่พันธมิตรจักต้องมีพรรคการเมืองของตนเองเข้ามาย ึดกุมอำนาจรัฐเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองและสังคมตามแนวทางของตนเองต่อไป สำคัญอย่างที่สุดคืออุดมการณ์และแนวทางของพันธมิตรต้องไม่เปลี่ยนไปจากธรรมแ ละสันติ อหิงสา ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศอยู่แล้ว
ประชาชน


    คุณอภิสิทธิ์มาจากพรรคการเมือง เขาบอกไม่ได้หรอกครับว่าเขามาจากพันธมิตรฯ หรือพันธมิตรสนับสนุนส่งเขาให้เป็นนายกฯ การเมืองภาคประชาชนในเมืองไทยยังไม่เข้มแข็ง มันก้ำกึ่งกันอยู่ระหว่างม๊อบ กับการเมืองภาคประชาชน แม้ขณะนี้ นปก.เขาก็อ้างเหมือนกันว่า เขาชุมนุมในฐานะเป็นการเมืองภาคประชาชน ทั้งๆที่เขาชูภาพทักษิณหรา แต่เขาก็อ้างว่าทำอย่างเดียวกับพันธมืตรฯ และโจมตีพันธมิตรด้วย
ก ารที่เขาเอาท่านกษิตย์เข้าเป็น รมต.ต่างประเทศ หรืิอให้ อ.สมเกียรติออกมาร่วมนำในพันธมิตรก็แสดงว่า เขายอมรับพันธมิตรฯแล้วโดยปริยาย อย่างไปแขวะเขาอีกเลย ให้เขาทำงานไปสักพักแล้วค่อนวิจารณ์จะดีกว่า
ประทีป


    มีทั้งพันธมิตร และ แบ่งแยกผู้คนที่มีความรู้ความสามารถมีมากมายในกลุ่มพันธมิตร ออกมาตั้งพรรคเพื่อรับใช้ชาติก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ เพราะคนที่มีความรู้ความสามารถแต่เอาแต่เรียกร้องและวิพากษ์วิจารณ์อย่างเดี ยว ที่ไหน ๆ มันก็ไม่สามารถสำเร็จเหมือนลงมือทำเองหรอก เหมือนสุภาษิต สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ อย่างนั้นแล
เห็นด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น