...+

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คนไม่กลัวตายมีอยู่จริงในหมู่พันธมิตรฯ

โดย วันรักษ์ มิ่งมณีนาคิน 1 ธันวาคม 2551 17:53 น.







กว่า 6 เดือนที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่ปรากฏออกมาชัดเจนและตอบข้อกังขาที่ผู้เขียนเคยถามตนเองมาตลอด คือ คนไทยทั่วๆ ไปเป็นคนเอาไหนจริงจัง หรือไม้หลักปักขี้เลน



คำตอบคือมีทั้งสองแบบ ซึ่งเป็นสัจจะธรรมที่เพียงอาศัยตรรกะง่ายๆ ก็ตอบได้ แต่ผู้เขียนต้องการหาคำตอบจากข้อมูลจริงที่ได้สัมผัสด้วยตนเองมากกว่า



คนไทยที่เอาไหนจริงจัง มักจะมีคุณสมบัติต่อไปนี้พ่วงอยู่ด้วย ได้แก่ มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมในระดับที่ใช้การใช้งานได้จริง (ไม่ใช่เพ้อเจ้อสร้างภาพหลอกชาวบ้านไปวันๆ อย่างที่นักวิชาการจอมปลอมถนัดนัก) มีความจริงใจ ขยันขันแข็ง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาเปรียบใคร สังเกตง่ายๆ ว่าคนแบบนี้จะไม่แทรกคิวใคร (เว้นแต่ท้องเสีย) ไม่แก่งแย่งชิงดีใคร ไม่ตาโตกับวัตถุเงินทอง ไม่เอาหน้า ไม่คุยโตโอ้อวด ไม่ผูกพยาบาท ที่สำคัญรู้จักแยกแยะความดี-ชั่ว ความถูก-ผิด รู้จักยึดแก่น แยกกะพี้ไว้



คนไทยที่เป็นไม้หลักปักเลน มักจะมีนิสัยอื่นๆ ผสมอยู่ อาทิ ขาดจิตสำนึกต่อส่วนรวม ตื่นวัตถุเงินทอง มักได้ เห็นแก่ตัว คิดว่าตนฉลาดล้ำที่เอาเปรียบคนอื่นได้ไม่ว่าลับหรือแจ้ง แก่งแย่งตักตวงเพื่อให้ได้มากกว่าคนอื่น กะล่อนขาดความจริงใจ คุยโตโอ้อวด ฯลฯ ยึดกะพี้เป็นแก่น เห็นกงจักรเป็นดอกบัวอยู่ร่ำไป บางคนเป็นเอามากถึงขั้นไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะมีใครในสังคมทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน



ร่วม 6 เดือนที่ผู้เขียนมีโอกาสสัมผัสพูดคุยอย่างจริงจัง (ที่ภาษาวิชาการเรียกว่าทำวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยวิญญาณนักวิจัยที่ยังสลัดไม่พ้นตัว) กับผู้เข้าร่วมชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน สะพานชมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาล หน้ารัฐสภา หน้า บนช. หน้าสถานทูตอังกฤษ ฯลฯ หลายครั้งคุยกันไปทำงานร่วมกันไป ไม่ว่าจะลงมือเก็บขยะกองพะเนินส่งกลิ่นเหม็นในวันแรกๆ ที่เข้ายึดทำเนียบรัฐบาล เย็บกระทงใบตอง แคะขนมครก หั่นแตงกวา ฯลฯ



ผู้เขียนได้พบกับคนที่มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมเข้มข้นระดับใช้การได้ในที่ชุมนุมฯ จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน พวกเขามาจากทุกฐานะอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกพ่อค้าแม่ขายรายย่อยรายกลาง พวกนี้ต่อสู้ชีวิตมาอย่างโชกโชน มักมีบุคลิกเปิดเผย เข้าใจอะไรได้เร็วแม้ไม่ได้เรียนสูง มีจิตใจเข้มแข็งจริงจังและจริงใจ ที่เด่นมากคือไม่กลัวเสี่ยงภัย แม้ไม่ค่อยมีเวลารับข้อมูลบนเวที (หรือว่าฟังจนหมดไส้หมดพุงผู้สอนแล้วเพราะสอนอยู่วิชาเดียวกว่า 6 เดือน) แต่ไม่เคยตกข้อมูลสำคัญล่าสุดที่เกี่ยวข้อง



ถ้าไม่ได้สัมผัสกับคนเหล่านี้โดยตรง เพียงนั่งดูผ่านจอทีวีหรือฟังเสียงจากวิทยุ หรือใช้ตรรกะบวกทฤษฎีบวกจินตนาการ จะไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกนึกคิดและจิตใจที่หาญกล้าของคนเหล่านี้ว่ามีอยู่จริง



ความจริงคนที่มีจิตใจหาญกล้าไม่กลัวภัยอันตราย เคยมีและมีมาตลอดในหมู่คนไทย มิเช่นนั้นคงไม่มีเรื่องเล่าชาวบ้านบางระจันในประวัติศาสตร์ไทย ผู้เขียนไม่เคยได้ยินใครวิจารณ์ประวัติศาสตร์ตอนนี้ว่า กลุ่มแกนนำและพระสงฆ์องค์เจ้าที่ปลุกเสกของขลังแจกชาวบ้านบางระจันเพื่อไปสู้รบกับทัพพม่านั้น ใจดำอำมหิตชักนำชาวบ้านบางระจันไปตาย (เพื่อผลประโยชน์ของผู้ชักนำ)



คนพวกนี้มีธาตุแท้คือไม่กลัวตาย ความกล้าที่เขาแสดงออกจึงสามารถข่มฝ่ายขี้ขลาดได้ คนที่ไม่ได้มาสัมผัสกับเหตุการณ์โดยตรง อย่าได้คิดแต่จะสบประมาทคนพวกนี้ว่าถูกแกนนำหัวโจกปั่นหัวหรือร่ายมนต์คาถา



ถ้ามีแต่คนรักตัวกลัวเสี่ยงภัย (อย่างผู้เขียน) คนชั่วที่มีอิทธิฤทธิ์สะท้านฟ้าสะเทือนดินอย่างทักษิณจะสามารถกินบ้านโกงเมืองสมประสงค์ได้อย่างสะดวกโยธินอีกครั้งหนึ่ง ปล่อยให้เขาหลอกต้มโกงกินไปคราวก่อนยังไม่พออีกหรือ



คนจำนวนมากที่เป็นไม้หลักปักเลน จนถึงนาทีนี้ยังคงมองว่าภัยจากระบอบทักษิณ พ.ศ. นี้น้อยกว่าภัยจากทัพพม่าที่มาตีกรุงศรีอยุธยาแตก ถ้าพินิจให้ดีจะเห็นว่าไม่ต่างกันเลย อาจจะร้ายกว่าด้วยซ้ำ ทัพพม่าตีกรุงแตกแล้วก็จุดไฟเผากรุงทิ้ง หอบหิ้วทรัพย์สมบัติมีค่ากลับพม่า ปล่อยให้คนไทยตั้งเนื้อตั้งตัวใหม่



แต่ทักษิณนั้นได้แสดงตัวตนอย่างล่อนจ้อนปราศจากข้อโต้แย้งแล้วว่าเป็นคนไร้ซึ่งศีลธรรมจริยธรรมโดยสิ้นเชิง (มีคนเขียนจาระไนไว้มากแล้ว) ถ้าปล่อยให้ทักษิณกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง ทั้งโคตรตระกูลและสมุนบริวารจะโกงกินกอบโกย รีดนาทาเร้นพี่น้องคนไทยอย่างชนิดไม่ให้ตั้งเนื้อตั้งตัวได้ นอกจากโกงกินแล้ว ยังจะทำลายล้างสถาบันตุลาการ องค์กรอิสระ กองทัพ และหน่วยราชการรวมทั้งบริการสาธารณะต่างๆ ให้เสื่อมทรามลง ทั้งหมดรวมกันเป็นการสุมไฟลอนๆ ทั่วทั้งประเทศ เป็นควันไฟแสบหูแสบตาคนไทยจนไม่อาจลืมตามองดูพวกมันทำชั่วได้



ทัพพม่านั้นตีกรุงศรีอยุธยาแตกแล้วก็จากไป ปล่อยคนไทยอยู่อย่างเสรีชน แต่ถ้าทักษิณตีเมืองไทยได้ ตัวเขาและบริวารจะอยู่เป็นนายทาส มีตำรวจและอันธพาลเป็นเครื่องมือคอยกดหัวคนไทยไปตราบนานเท่านาน



คนที่เลวบริสุทธิ์แบบนี้อย่าว่าแต่จะให้กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง เพื่อฉุดภาพพจน์เมืองไทยให้ตกต่ำกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนติดอันดับท้ายๆ ของโลก เพียงให้มากักขังในแผ่นดินเกิดก็นับว่าเป็นความเมตตาอย่างที่สุดแล้ว



ยามบ้านเมืองอยู่ในภาวะอันตราย คนที่จะกู้ชาติกู้เมืองคือคนไทยกลุ่มแรก ในขณะที่คนไทยกลุ่มหลังจะเป็นตัวถ่วงหรือซ้ำขัดขวางคนไทยกลุ่มแรกอย่างที่เป็นอยู่ในห้วง 6 เดือนที่ผ่านมา เพราะเมื่อขาดจิตสำนึกต่อส่วนรวมเสียแล้ว ทุสมบัติอื่นๆ จะผสมโรงหนุนเนื่องตามมาเป็นลูกโซ่ เมื่อตาโตในวัตถุเงินทอง ย่อมมักได้ในสิ่งเหล่านี้โดยไม่แยกแยะความถูก-ผิดและความดี-ชั่ว อยู่ข้างคนผิดคนชั่วได้อย่างไม่ละอายแก่ใจ คนในกลุ่มนี้ถ้าเป็นระดับอ่อนๆ ก็แค่วางเฉยบอกว่า “เป็นกลาง” ที่ร้ายสุดก็ไปทำหน้าที่เป็นมือตีนเต็มตัวของระบอบทักษิณ



คนไทยกลุ่มที่มีจิตสำนึกต่อประเทศอย่างเอาไหนจริงจังนี่แหละที่ยืนหยัดต่อสู้ขัดขวางทักษิณ ไม่ใช่ใครที่ไหนที่ทักษิณพยายามบิดเบือนกล่าวหามาตลอด



พวกซ้ายอกหักในคราบนักวิชาการที่วางแผนอิงทักษิณเพื่อจะล้างความแค้นส่วนตัว พวกคุณอิงแอบทักษิณต่อไปไม่ได้แล้ว จะคิดการณ์ใหญ่ขั้นพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินทั้งที จงองอาจกล้าหาญออกมาแสดงตัวตนและจุดมุ่งหมายของตนอย่างเปิดเผยเถิด ถ้าเป็นสิ่งที่พวกคุณเชื่อมั่นว่างดงาม ทำไมต้องไปแฝงไว้กับอุจจาระให้เน่าเหม็นไปด้วย พวกคุณยังฝันค้างกับลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ทั่วโลกเขาโละทิ้งไปหมดแล้ว หรือจะเป็นระบอบไหนที่ผิดจากระบอบปัจจุบันก็ตาม คิดหรือว่าคนไทยที่หลงเป็นเหยื่อประชาสินบนที่พวกคุณยัดใส่มือทักษิณนั้น จะเห็นดีด้วยกับความเพ้อฝันของพวกคุณในวันที่เขารู้จุดมุ่งหมายแท้จริงของพวกคุณ



ควรหวนคิดสักนิดว่าถ้าหนุนทักษิณขึ้นเป็นประธานาธิบดีสำเร็จแล้ว ทักษิณจะปล่อยให้พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างพวกคุณล้มเขาได้หรือ ทักษิณจะกำจัดพวกคุณไม่ทันข้ามวันเสียมากกว่า







ที่มา http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000141695



ดิฉันเข้าใจการกระทำของพันธมิตร ให้กำลังใจ และไปร่วมชุมนุมบ้างเป็นบางครั้งที่เรียกรวมพล ได้เห็นการกิน การนอน การอยู่ ของเพื่อนร่วมพันธมิตรแล้วรู้สึกซาบซึ้งที่สุด และคิดว่าคนที่อยู่เฉย ๆ ทำเป็นท้องไม่รู้ร้อน นั่นเป็นพวกเห็นแก่ตัวที่สุด ต่อให้เป็นพวกที่บอกว่าเห็นด้วย แต่กลัวอันตราย ไม่เคยไปร่วมกันช่วยกันให้การรบสำเร็จ คิด ๆ แล้ว อยากปล่อยให้บ้านเมืองใหเป็นของทักษิณ อยากรู้นักว่าพวกนี้จะเป็นอย่างไร จะรู้สึกเสียใจมั๊ย ที่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเขา

คนที่ร่วมด้วยเมื่อมีโอกาส

NANA









ความคิดเห็นที่ 1 +31



เราเชื่อว่า คนเราทุกคน รักตัวกลัวตาย กันทั้งนั้นละ แต่ เราก็รู้ว่า เพื่อนๆพันธมิตร ทุกๆท่าน รักชาติ มากกว่า ชีวิต ตัวเอง เราขอแสดงความนับถือ ในน้ำใจของทุกๆท่าน มา ณ.ที่นี้ด้วยนะค่ะ และขอเป็นกำลังใจให้ในทุกๆด้านค่ะ ขอให้ทุกๆท่าน พบเจอแต่สิ่งที่ดีงาม มีแต่ความอบอุ่น รุ่งเรืองตลอดไปนะค่ะ

นับถือยิ่ง









ความคิดเห็นที่ 17 +28



ไม่กลัวตายยังไม่พอแถมไม่กลัวจนอีกต่างหาก



- บริจาคกันมามากมาย ไม่ขาดสาย เหลือ 20 บาทติดตัวยังบริจาค

- หยุดงานเพื่อมากู้ชาติกันหลายวัน ไม่กลัวตกงานกัน

- สละสมบัติมากมาย เอารถไปสุวรรณภูมิไม่กลัวรถพังเห็นประกาศให้พี่น้องเอารถไปบี้ตำรวจ ก็รถแพงๆ กันทั้ง โห้แต่ล่ะคน กล้าว่ะ

- ของหายได้คืนเฉย



สิ่งดีมีใน พธม. เท่านั้น

รถคันนี้สีเหลือง









ความคิดเห็นที่ 16 +16



เราอยู่ต่างประเทศติดตามดูการถ่ายทอดสดตลอด รู้สึกเครียดมาก เพราะว่ากลัวผู้เสียสละที่มาชุมนุมจะเกิดอันตราย เรานับถือน้ำใจในการเสียสละชีวิตของพวกเค้ามาก ครอบครัวคนจีนเพื่อนของพี่เรา เค้าพูดเลยว่าพวกเค้ายอมตาย ก่อนมาคิดแล้วว่ากลัวก็ไม่มา ตายเป็นตาย เรานับถือน้ำใจเค้ามาก



ตอนนี้แทบจะโกรธกับเพื่อนบางคนแล้ว อยากเลิกคบเลยเพราะว่าร้ายพวกพันธมิตร อยากจะบอกพวกเค้าว่า....พวกแกนะไม่รู้หรอกว่า คนเหล่านี้เค้ามาสละชีวิตให้พวกแกด้วย แพ้ก็โดนด่า ชนะก็เสมอตัว เบื่อจริงๆเลย

พธม สวีเดน









ความคิดเห็นที่ 15 +16



พี่น้องพันธมิตรคือชาวบ้านบางระจันจากสิงห์บุรีและภาคกลาง ชาวบ้านถลาง ลูกหลานเจ้าพระยาเมืองนคร ลูกหลานย่ามุก-ย่าจัน ชาวบ้านลูกหลานย่าโมจากโคราช ชาวบ้านลูกหลานพระยาตากเมืองจันทบุรี ลูกหลานสมเด็จพระนเรศวรจากเมืองกาญจน์ ชาวบ้านลูกหลานพระยาพิชัย และอีกมากมายที่กลับชาติมาเกิด บอกได้คำเดียว ว่าไม่กลัวตายหรือเจ็บแม้แต่นิดเดียว เพราะทุกคนมีเลือดนักสู้เต็มตัว รวมกันเรียกว่านักสู้สามฤดูผ่านร้อนผ่านพายุฝนลูกเห็บกระหน่ำเข้าสู้หน้าหนาวในวันนี้ก็ไม่มีท้อไม่มีถอย กินเนสส์บุ๊คช่วยนำไปลงสถิติการประท้วงแบบอหิงสาที่ยาวนานที่สุดในโลกได้แล้ว

พวกกูนักสู้โว้ย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น