...+

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

“ลุงจำลอง” ย้อนสถิติต่อสู้ มั่นใจ 23 พ.ย.ออกมาเยอะ ปชช.ชนะแน่

   
โดย ผู้จัดการออนไลน์     20 พฤศจิกายน 2551 22:41 น.

      เมื่อเวลา 19.55 น.วันนี้ (20 พ.ย.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้ยกย่องประชาชนที่มาร่วมชุมนุมวันนี้ว่า มีความกล้าหาญมาก เพราะแกนนำได้นัดหมายให้มาชุมนุมในวันที่ 23 พ.ย.เวลา 14.00 น. แต่ก็พากันทยอยมาเต็มพื้นที่ตั้งแต่วันนี้ ดังนั้น การที่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คิดว่าเอาอาวุธสงครามยิงใส่พวกเราแล้วเราจะหนีกลับบ้านจึงเป็นความคิดที่ผิด และทำให้เรามั่นใจว่า การต่อสู้เที่ยวนี้จะไม่ยืดเยื้อ ม้วนเดียวจบแน่ๆ
      
       “ท่านที่อยู่ที่นี่และอยู่ที่บ้านที่เตรียมจะมาวันที่ 23 ล้วนเป็นนักสู้ผู้กล้าทรหดอดทน มีประเทศไหนบ้างที่ชาวบ้านออกมาปกป้องบ้านเมือง ปักหลักพักค้างถึง 180 วันอย่างนี้ ขอเรียนอีกครั้งว่า ผู้ที่เป็นทหารไม่ว่าจะอยู่ในราชการหรือเกษียณอายุแล้ว เมื่อขึ้นเวทีนี้ทีไร สะท้อนใจทุกที เพราะว่าพี่น้องที่มาตกระกำลำบาก มาทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้มาเพื่อส่วนตัว หรือมาแสวงหาอำนาจเหมือนรัฐบาล
      
       เรามานั่งกันเต็ม มาชุมนุมกันเต็ม กลับไปได้อะไรเป็นประโยชน์ส่วนตัวไหม ไม่ได้ แต่ได้ประโยชน์ต่อสังคมประเทศชาติแน่นอน พวกผมที่เป็นทหาร ทำไมจึงสะท้อนใจ เราออกไปต่อสู้ครั้งใด กลับมาบ้านได้เงินสู้รบเพิ่มจากเงินเดือนหลายขั้น แต่ท่านได้อะไร ไม่ได้ แต่มีความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ ไม่ว่าเด็ก ผู้หญิง คนชรา ผมไปรบที่ลาวกลับมา ได้เงินเพิ่มสู้รบเพิ่ม 5 ขั้น ไปรบที่เวียดนามอีกกลับมาได้อีก 4 ขั้น รวมแล้ว 9 ขั้น แล้วท่านประธานคณะกรรมการรักษาความปลอดภัยในที่ชุมนุม พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ไปต่อสู้ในหลายสมรภูมิ วันนี้ไม่มีใครได้เงินสู้รบมากเท่าเขาที่ได้ 16 ขั้น แล้วพี่น้องไมได้สักขั้น ทำให้พวกเราสะท้อนหัวใจ”
      
       พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า การที่เราเสียนายเจนกิจ กลัดสาคร ถือว่าเขาเป็นวีรชนเหมือน น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี แม้ไม่ได้ออกไปสู้รบ ตอนเสียชีวิตไม่ได้เอาธงคลุม แต่ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่เพื่อชาติแล้ว
      
       พล.ต.จำลอง ได้กล่าวประณามคนก่อเหตุยิงระเบิดใส่พันธมิตรฯ ว่าเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหด ขี้ขลาดตาขาว ที่ใช้อาวุธสงครามมาแอบยิงคนกำลังนอน นั่งชุมนุม โดยไม่มีอาวุธในมือเลย แน่จริงทำไมไม่ไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่ามาแสดงความเก่งกล้ากับผู้หญิง คนชรา เด็ก ซึ่งถือว่าขี้ขลาดตาขาว
      
       “พวกผมไปรบในสนามรบ ไปฟาดฟันข้าศึก แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ถ้าข้าศึกไม่มีอาวุธในมือเราก็ยังไม่ยิง เพราะเราคือสุภาพบุรุษนักรบ ราไม่ทำร้ายใครที่ปราศจากอาวุธ อย่างมากแค่จับเป็นเชลย เพราะฉะนั้นคนที่ทำ ขอให้พี่น้องประณามแล้ว ประณามเล่า ว่าเป็นคนขี้ขลาดตาขาว เราต้องการคนจริงที่จะต่อสู้เพื่อบ้านเมือง คือคนที่นั่งอยู่ทีนี่”
      
       พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า เรามีความเสียดายที่ต้องสูญเสียวีระชนอีกคน บาดเจ็บสาหัสอีก 2 บาดเจ็บทั่วไปอีก 21 คน ที่เราระดมพันธมิตรฯ ทั่วประเทศในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ไม่ต้องพกอาวุธมา แต่ขอรับรองว่าถ้ามามากชนะแน่นอน เพราะถ้าคนมาเป็นล้านไปที่ไหนก็ราบเรียบไม่เหลือ วันนี้หลายท่านจะได้มีโอกาสพักผ่อน ได้กลับบ้านเพื่อรอมาใหม่ เราจะปิดเวทีตอน 2 ยาม(เที่ยงคืน) และให้ รปภ.ทำงานได้อย่างเต็มที่ด้วย
      
       พล.ต.จำลอง เปิดเผยว่า พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เคยบอกไปยังผู้มีหน้าที่รักษาความมั่นคงว่าให้ระมัดระวังว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช ้ความนุรนแรง แต่ผู้รักษาความมั่นคงอาจประมาท เสร็จพระราชพิธีฯ ไม่กี่ชั่วโมงก็ลงมือก่อเหตุ เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้จะประมาทไมได้แล้ว พวกคุณถืออาวุธได้อย่างเปิดเผย มีหน้าที่รักษาความมั่นคง ได้รับการฝึกมา กินเงินเดือนเป็นลูกจ้างประจำของประชาชน เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้เกิดอีกไม่ได้เป็นอันขาด
      
       “จุดอ่อนที่เรารู้มา เราป้องกันไว้แล้ว บนตึกทั้งหลายแหล่ เราได้ตกลงกับเจ้าของเพื่อขึ้นตรวจทุกตึก และหลังจากนี้ห้ามขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนั้น พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ได้ชี้บอกผู้มีหน้าที่รักษาความมั่นคงว่านอกจากตึกสูง ยังมีชุมชนที่อยู่ใกล้ๆ ที่ผู้ก่อความไม่สงบอาจใช้ยืนยิง ขอให้ไปลาดตระเวน เพราะฉะนั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก”
      
       พล.ต.จำลอง ย้ำว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ลากยาวเป็นอันขาด และต้องจบโดยเร็ว แต่ประชาชนต้องออกมาให้มาก ถ้ามาน้อยจะแพ้ แต่เราก็ภูมิใจที่เราได้ทำเต็มที่ เพียงแต่ว่าถ้าแพ้ก็เท่ากับยกบ้านยกเมืองให้คนชั่วครอง และทำบ้านเมืองให้ย่อยยับไปชั่วนิจนิรันดร์ อย่างไรก็ตาม มีความมั่นใจว่าต้องชนะแน่เมื่อดูจากสถิติการต่อสู้ 7 ครั้งที่ผ่านมา
      
       พล.ต.จำลองได้เล่าย้อนอดีตว่า ในการต่อสู้ของตนตลอด 7 ครั้งที่ผ่านมานั้นชนะมาตลอด เริ่มตั้งแต่ครั้งแรกได้ออกมาคัดค้านกฎหมายทำแท้งเสรี สมัยที่ตนเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และเป็น ส.ว. ซึ่งตอนนั้นกฎหมายดังกล่าวผ่านสภาผู้แทน 3 วาระรวดมาแล้ว ตนได้ลาออกจากเลขาธิการนายกฯ เพื่อมาเคลื่อนไหวคัดค้านและในที่สุดวุฒิสภาก็มีมติคว่ำร่างกฎหมายดังกล่าว ด้วยคะแนน 147 ต่อ 1 และจนบัดนี้ผ่านมา 27 ปี ยังไม่มีใครกล้าเสนอกฎหมายดังกล่าวนี้อีก
      
       “ครั้งที่ 2 ผมยังเป็น ส.ว.อยู่ ตอนนั้นมีข้อกำหนดว่า ใครเป็นข้าราชการประจำก็สามารถเป็นนักการเมืองได้ด้วย เช่น เป็นนายทหาร เป็น ผบ.เหล่าทัพ ก็เป็นรัฐมนตรีได้ด้วย แต่มีกำหนด ถ้าเลยเวลาไปแล้ว ใครเป็นข้าราชการประจำก็เป็นข้าราชการประจำอย่างเดียว ถ้าอยากเป็นนักการเมืองก็ต้องลาออกจากราชการไป จะเป็น 2 อย่างพร้อมกันไม่ได้ ผมเห็นว่าดีและสนับสนุน แต่มีอีกกลุ่มหนึ่งอยากให้เป็นแบบเดิมต่อไป คือเป็นข้าราชการประจำแล้วเป็นนักการเมืองได้ด้วย แต่ผมก็ยังเอาชนะได้ แม้คนที่เห็นตรงข้ามกับผม หลายคนเป็นทหารรุ่นพี่ มียศเป็นนายพล”
      
       พล.ต.จำลองกล่าวต่อว่า การต่อสู้ครั้งที่ 3 คือเดือนพฤษภาคม 2535 ที่ได้ออกมาต่อต้านการสืบทอดอำนาจเผด็จการ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ตนก็ชนะอีก แต่ก็มีคนใส่ร้ายว่าพาคนไปตาย ทั้งที่ตนไปร่วทีหลัง และตอนที่มีการฆ่ากันตายนั้น ตนถูกจับไปแล้ว ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
      
       “ครั้งที่ 4 คือ การต่อต้านการขายหุ้นบางจากให้ต่างชาติ ผมเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนและรัฐบาล แม้ว่าเราไม่ได้พิสมัยบริษัทนี้เป็นพิเศษ แต่เราเห็นว่าเป็นด่านหน้า ถ้าขายบริษัทนี้ให้ต่างชาติ บริษัทอื่นอย่างการบินไทย ก็จะขายให้ต่างชาติด้วย ซึ่งเรายอมไมได้ ผมจึงออกไปคัดค้านในนาม “คนกู้เมือง” ผมก็ชนะ ไม่เช่น คงโดนขายให้ต่างชาติหมด”
      
       พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การต่อสู้ครั้งที่ 5 คือ การต่อต้านการจดทะเบียนเบียร์ช้างในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตนและกองทัพธรรมและศาสนิกชนหลายศาสนาช่วยกันต่อต้าน จนต้องชะลอการจดออกไป ครั้งที่ 6 คือกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นให้เทมาเส็กโดยไม่เสียภาษี ตนจึงออกมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ไปนอนปักหลักพักค้างอยู่ 33 วัน จน พ.ต.ท.ทักษิณออกไป
      
       “ครั้งที่ 7 คือ การประท้วงให้คุณสมัครลาออก ซึ่งยากมาก แต่สุดท้ายคุณสมัครก็ออกไป ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ 8 ผมชนะมาแล้ว 7 ครั้ง ครั้งที่ 8 จะไม่ชนะได้ไง เพราะมีสถิติของจริงมาอ้าง อย่างไรก็ตาม ถ้าเราแพ้ ก็ยกบ้านยกเมืองให้คนชั่วครองเมืองไปเลย แล้วให้เขาทำลายบ้านเมืองไปชั่วนิจนิรันดร์ แต่จะไม่เป็นอย่างนั้นเด็ดขาด ถ้าพี่น้องออกมาให้เยอะๆ”
      
       พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ขอพูดผ่านเอเอสทีวี ไปถึงคนกลาง หรือคนกลวงทั้งหลาย หรือคนดีที่เอาแต่อยู่บ้านเฉยๆ แล้วบอกว่ารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ วันละ 3 เวลา แต่จะช่วยอะไรไม่ได้ ประเทศไทยมีคนใจดำอีกจำนวนมาก บางคนมีกำลัง มีเครื่องมือ มีหน้าที่โดยตรงในการรักษาคามั่นคง แล้วเฉยๆ อยู่กับบ้าน หลายคนมีกำลังวังชาพอที่จะมาเป็นดารับเชิญ มาแสดงให้มากๆ ให้พวกเราได้รับชัยชนะ แต่ก็ไม่ออกมา
      
       หลายคนไม่ออกมาเพราะความจำเป็นหลายอย่าง บางคนร่ำรวยมหาศาลแต่ไม่เคยช่วยพันธมิตรฯ เลย แม้แต่ค่าอาหารสักบาทก็ไม่ช่วย ขอให้คิดใหม่ ถ้าไม่ออกมาช่วย เวลาบ้านเมืองเจ๊ง คุณเจ๊งด้วย คุณจะตายตาไม่หลับ เพราะคุณไม่ออกมาช่วยเลย แต่เราได้ทำอย่างเต็มที่ ถ้าเรามาน้อย เราต้องกลับบ้าน แต่เราก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว มีประเทศไหนที่คนที่ไม่ใช่ทหาร แต่ออกมาปกป้องชาติจนครบ 6 เดือน
      
       “ถ้าแพ้ เรก็ภูมิใจว่าได้ทำเต็มที่แล้ว เราก็กลับไปอยู่หมู่บ้านของเรา ไม่กลับได้ไง ถ้าแพ้ต้องกลับ แต่เราต้องไม่แพ้ คราวนี้ต้องเร็ว ไม่มียืดเยื้อเป็นเดือนๆ อีกต่อไป แม้คนที่มาร่วมชุมนุมเป็นสตรี เยาวชนเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ดูแววตาแต่ละคนล้วนเป็นนักสู้ทั้งนั้น จึงคิดว่าเราไม่แพ้ แต่ต้องออกมาให้เยอะๆ” พล.ต.จำลอง กล่าว

ถ้า 23 พ.ย. ไม่ชนะเด็ดขาด
24 พ.ย. 51 ใครที่ไม่สามารถเข้าไปร่วมที่กรุงเทพได้ ร่วมใจปิดสถานที่ราชการทั่วไทย
บล๊อกสถานีตำรวจแบบอหิงสา
ปิดสถานที่ราชการเช่น ศาลากลาง ที่ว่าการอำเภอ เทศาบาล อบต.
ยกเว้นเช่นโรงพยาบาลฯ
ทำเท่าที่ทำได้แบบอหิงสานะครับ
คนสยาม



“สนธิ” เรียกร้อง 23 พ.ย.ออกมาให้หมดรวมพลังไล่รัฐบาลสัตว์นรก
โดย ผู้จัดการออนไลน์     20 พฤศจิกายน 2551 22:50 น.

     วันนี้ (20 พ.ย.) เมื่อเวลา 20.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ นายเจนกิจ กลัดสาคร จากการลอบยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามเข้าในในที่ชุมนุมกลางทำเนียบเมื่อตอนเช้าม ืดวันนี้ พร้อมทั้งประณามคนที่ลอบทำร้ายว่าเป็นคนที่ขี้ขลาด โดยระบุว่าเป็นฝีมือของคนในเครื่องแบบอย่างแน่นอน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้เห็นเป็นใจ
      
       นายสนธิ กล่าวว่า การที่พวกสัตว์นรกต้องออกอาวุธทุกรูปแบบ แม้กระทั่งกลั่นแกล้งตัวเองทุกทาง ทั้งเรื่องบีบให้ปิดหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หรือล่าสุด พยายามจะตัดสัญญาณเอเอสทีวี แสดงให้เห็นว่าพวกมันใกล้จะแพ้แล้ว
      
       “ฝากถึงพี่น้องถ้ากลัวก็ไม่ต้องมา และครั้งนี้ให้ผู้หญิงและเด็กไปอยู่แถวหลัง เป็นหน้าที่ของนักรบชาวใต้ ภาคตะวันออก และพี่น้องเมืองเพชร และถ้างวดนี้มีความรุนแรงจากฝ่ายรัฐอีกครั้งก็ต้องลุกฮือขึ้นนองเลือดทั่วปร ะเทศ” นายสนธิ กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันที่ 23 พ.ย.นี้
      
       นายสนธิ ยังกล่าวชื่นชม ด.ญ.ลิปิการ์ กลัดสาคร หรือน้องคุกกี้ อายุ 11 ขวบ ซึ่งเป็นลูกสาวของ นายเจนกิจ ที่เสียชีวิต ว่า มีความกล้าหาญมากกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถอดเครื่องแบบเสียที แถมยังปล่อยให้กุ๊ยในเครื่องแบบสีเขียวมาข่มขู่ประชาชน ทำให้สงสัยว่ามีการจับมือกันหรือไม่
      
       นายสนธิ กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่านายทหารกุ๊ยดังกล่าวสมคบกับนายตำรวจนอกราชการยศพลตำรวจเอกและ พลตำรวจโท และมีนายตำรวจในราชการบางคน พร้อมทั้งตำหนิผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ที่รับผิดชอบในพื้นที่ที่ไม่ยอมดูแลความปลอดภัย ส่วนที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าตำรวจทำดีที่สุดแล้วนั้น การทำดีที่สุดแล้วคือไม่ทำอะไรเลย
      
       “ถ้าพี่น้องไม่อยากยกประเทศให้กับคนชั่ว และต้องการเปลี่ยนแปลงก็ต้องกำจัดตำรวจชั่ว ทหารชั่วบางคนออกไป ก็ต้องออกมากันให้มากๆ เพราะไม่เคยมียุคไหนเลวทรามต่ำช้าเท่ากับยุคที่ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก” นายสนธิ ระบุ และว่าที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยออกมาให้สัมภาษณ์ข่มขู่ศาล พระเจ้าอยู่หัว มีแต่ปลัดกระทรวงกลาโหมเท่านั้นที่ออกมาแสดงความเห็น ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย
      
       นายสนธิ กล่าวย้ำว่า การสู้กับอำนาจรัฐและพวกสัตว์นรกที่หิวเงิน ต้องอย่ายอมแพ้อธรรม และยิ่งถ้าเล่นแรง เราก็ต้องยิ่งมามากขึ้น และต้องออกมาให้หมด


ราไม่ได้สู้เพื่อสนธิ เราไม่ได้สู้เพื่อแกนนำ เราไม่ได้สู้เพื่อประชาธิปัตย์

ไม่มีหลังเสื้อตัวไหนของเราเขียนอย่างนั้นเลย

แต่เราสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เราไม่ต้องการปิดถนน เราไม่ต้องการทำให้รถติด

เราไม่อยากให้เศรษฐกิจถดถอย

แต่เรายอมถอย ถอยออกจากตรอกแห่งความมืดมิด

เพื่อก้าวไปสู่ถนนแห่งอนาคตอันเจิดจ้า

เราเกลียดความรุนแรง

เราไม่อยากให้มีใครบาดเจ็บ ล้มตาย

แต่เรายอมตาย เพื่อปกป้องคุณธรรม

..........เฮ่อ ขอถอนหายใจดังๆ........

เรือกำลังจะล่ม เป็นเรือสองชั้น ไอ้คนชั้นล่างทำไมไม่สนใจ ต้องให้คนชั้นบนออกมาโวยวาย ออกมาช่วยวิดน้ำ แต่คนข้างล่างบอกไม่ให้วิด

ทั้งๆที่เรือจม เอ็งก็ตายก่อนแท้ๆ .....
istyle


---
มีคนถามถึงความชอบธรรมของพันธมิตร มีข่าวสร้างความเคลือบแคลงสงสัยในความขาวบริสุทธิ์ในอุดมการณ์ วิถีทาง และการต่อสู้ของพันธมิตรมาโดยตลอด ผมเป็นคนหนึ่งที่มักจะถูกเพื่อน ๆ ถามในฐานะคนที่ดู ASTV เป็นประจำ ผมมักจะถูกถามด้วยสารพัดคำถามที่รัฐบาลพยายามสร้างขึ้นและระดมเผยแพร่ออกมาล ้างสมองประชาชนผ่านสื่อต่าง ๆ

ค ำตอบของผมคือ การถามเพื่อนพวกนั้นกลับไปว่า ถ้าไม่มีพันธมิตรแล้ว บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร แล้ววันนี้ ผมกลับต้องเป็นคนตอบคำถามนี้ด้วยตัวเอง... จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพันธมิตรแพ้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่มีพันธมิตร บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป ???

เร าคงจะอยู่กันได้ตามปกติ แต่คงจะอยู่กันแบบเกาหลีเหนือ คือทุกคนอยู่บ้านขนาดเท่ากันแบบคอนโดเล็ก ๆ มีลำโพงของรัฐบาลติดตั้งอยู่ทุก ๆ บ้านที่ปิดเสียงไม่ได้ ถ่ายทอดโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลทั้งวัน สรรเสริญแต่ท่านผู้นำ ทุกคนกลายเป็นลูกจ้างของรัฐบาลแบบไม่มีเงินเดือน มีหน้าที่ทำงานทุกวัน เพื่อแลกคูปองให้ไปแลกข้าวกินไปวัน ๆ ประชาชนไม่มีทรัพย์สิน แต่ผู้นำกลับรวยล้นฟ้า และอยู่อย่างหรูหรา หากใครคิดอพยพหนีออกนอกประเทศ จะถูกประหารชีวิต เพราะประเทศต้องการแรงงานจากประชาชนทุกคน เราจะถูกจับออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เล่นยิมนาสติก อันเป็นที่มาของกายกรรมเปียงยาง แต่เราจะไม่ได้เรียนหนังสือ นี่คือส่วนหนึ่งของเกาหลีเหนือ เราอาจเป็นแบบนั้น

เราอาจจะอยู่กันได ้ตามปกติอีกรูปแบบ แม้ไม่เหมือนเกาหลีเหนือ เราอาจเหมือนลาว ได้มีวันหยุดเยอะ ๆ ได้นอนกลางวัน การศึกษาแบบง่าย ๆ สอบยังไงก็ผ่าน สังคมไม่มีกฏเกณฑ์มากนัก ประเทศช้าลง ทุกคนช้าลง ความกระตือรือร้นน้อยลง ดูแบบผ่าน ๆ ก็เหมือนกับเราอยู่สบาย แต่...เราจะเหมือนลาวในด้านลบด้วย เช่น เงินกีบใช้ซื้ออะไรไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากได้เงินกีบ จะซื้ออะไรก็ต้องไปดิ้นรนหาเงินดอลล่าร์หรือเงินบาทมาใช้ ค่าแรงขั้นต่ำลดลงน้อยกว่า 100 บาทต่อวัน ข้าราชการก็มีเงินเดือน 3,000 บาทต่อเดือน ไม่มากไปกว่านี้ คนออฟฟิศไม่มีทางได้เงินเดือนเกินหมื่น แม้จะเก่งแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย เพราะไม่มีออฟฟิศดี ๆ ให้เราทำงาน เราจะไม่มีร้านอาหารดี ๆ ไม่มีแหล่งช้อปปิ้งหรูหรา ถนนในเมืองหลวงยังคงเป็นดินลูกรัง สภาพเหมือนอำเภอเล็ก ๆ ในไทย

ถ้าพ ันธมิตรแพ้ รัฐบาลชั่วครองเมือง ประชาชนอย่างผม และประชาชนอย่างคุณ จะถูกกดขี่อย่างถาวรแบบช้า ๆ แบบไม่รู้สึกตัว เราจะโดนตำรวจรังแกแบบร้องเรียนใครไม่ได้ ลูกหลานเราจะโดนด่านตำรวจยัดยาเสพติดเพื่อรีดเงินหลายหมื่น จะร้องเรียนใครก็ไม่มีใครช่วย เพราะทุกคนกลัวตำรวจ คนทำธุรกิจที่ขายของให้ราชการ จะต้องจ่ายค่าใต้โต๊ะหนักขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลจะออกนโยบายลดภาษีเงินได้หลอกให้เราดีใจ แต่ไม่มีนโยบายลดค่าใช้จ่ายรายวันของเรา สรุปคือค่าครองชีพจะถีบสูงขึ้น ทุกอย่างแพงขึ้น และเราจะจนลงเรื่อย ๆ ถ้าเราคิดจะชุมนุม วิธีใช้มือมืดปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุมอย่างสงบ จะถูกใช้เป็นมาตรฐานในการจัดการกับเรียกร้อง ตำรวจมีมาตรฐานใหม่ในการทำคดี คือถ่วงให้ช้า เพราะไม่มีใครว่าอะไร ประชาชนจะไม่มีใครช่วย เราจะเป็นแค่คนทำงานไปวัน ๆ เงินเดือนไม่พอค่าใช้จ่าย ได้แต่กลับบ้านมานั่งดูมิวสิควิดีโอไปวัน ๆ ชีวิตเราจะเหลือเท่านั้นเอง

ใ ครที่คิดจะฟ้องอะไรใคร ก็ต้องไปวิ่งเต้นกับนักการเมืองเพื่อให้เรื่องชนะ หรือถ้าอีกฝ่ายวิ่งเต้นได้เก่งกว่า เราก็จะแพ้ ใครที่ทำกิจการจะแพ้ราบคาบให้กับกิจการที่มีทุนและอำนาจจากนักการเมืองหนุนห ลัง ทำกิจการอยู่ดี ๆ ก็จะโดนรังแกจากการตรวจสอบของสรรพากร กองตำรวจเศรษฐกิจเรื่องลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ โดนตรวจจากกรมโรงงาน กรมอนามัย จนไม่เป็นอันทำกิจการได้ เพราะคู่แข่งเป็นพวกของนักการเมือง

ทั้งหมด ที่ว่ามา บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้มาครึ่งหนึ่งแล้ว เรายังมีพลังฝ่ายดีที่คอยต้านความชั่วไม่ให้ลุกลาม เรามีพระเจ้าอยู่หัวที่แสนประเสริฐ เรามีความดีของพระพี่นางเป็นแบบอย่างให้ลูกหลาน เรามีพระบรมวงศานุวงศ์เป็นศูนย์รวมความสามัคคีและเป็นจิตวิญญาณของคนทั้งชาต ิ และเราก็มีพันธมิตรที่สละชีวิตประคับประคองความดีนี้ให้คงอยู่สืบไป แต่วันนี้ ผมและประชาชนคนไทยทุกคน กำลังยืนเฉย ๆ ละเลยหน้าที่ ไม่แสดงพลังใด ๆ จนกระทั่งความดีของชาติถูกคุกคาม

วันอาทิตย์ที่ 23 นี้ หากแม้นว่าประชาชนไม่ทำหน้าที่ ไม่ออกไปร่วมแสดงการคัดค้านความชั่ว นักการเมืองเลวก็จะครองเมือง ความชั่วจะแผ่จนแก้ไขไม่ได้อีก วันอาทิตย์ที่ 23 นี้ ผมจะไปอยู่ที่ทำเนียบประชาชน ผมจะไปเพื่อให้ความดีชนะ ผมจะไปเปลี่ยนบ้านเมืองให้ดีขึ้น ผมรู้สึกดีกว่าไปเลือกตั้งซะอีก นี่คือโอกาสที่ผมจะได้ร่วมบริหารบ้านเมืองซักครั้งหนึ่ง ไม่ต้องผ่านตัวแทนจอมปลอม แต่ด้วยน้ำมือของผมเอง

ออกมาบริหารบ้านเมืองด้วยมือของคุณเอง ในวันอาทิตย์ที่ 23 นี้ ที่ทำเนียบของเรา ทำเนียบประชาชนครับ
OPT31

----
    ถ้าไม่สู้วันนี้ เชื่อเถอะว่าต่อไปคุรจะไม่มีที่ยืนในสังคมถ้าไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้พวกมัน ตระกูลชินวัตร พวกมันทุกคนขยัยมากในการทำมาหากิน เบียดเบียนชาวบ้านชาวช่อง มันแผ่ขยายไปทุก ๆ วงการ ไม่ว่าในวงการไหน ๆ รับรองว่าต้องได้เจอพวกมันแทรกซึมแย่งชิง ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ เงินมากเงินน้อย ไม่รู้ว่าทำไมโครตเหง้าศักราช เพื่อนพ้องน้องพี่ ของมันถึงได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ มันแย่งประมูลเอา ได้ยินชื่อก็รู้ว่ามันต้องได้งาน ไม่มีปัญญาทำมันก็มาจ้างเราทำ กดราคาจนเราไม่มีกำไร มันนั่งเฉย ๆ ได้ค่านายหน้าไปกิน คนไทยจะเอาไหมชีวิตแบบนี้ เรียนจบมาเคยทำมาหากินอยู่ดี ๆ พวกมันขึ้นมาเป็นใหญ่ กดขี่ข่มเหงพวกเรา เอาเงินทุกบากทุกสตางค์ของเราไปตั้งแต่เราตื่นมาล้างหน้าล้างตา ออกจากบ้าน คุยโทรศัพท์ เติมน้ำมัน เล่นอินเตอร์เนต ดูทีวี นี่มันคอมิวนิสต์ชัด ๆ ทำมาหากินทุกบาทจ่ายให้ไอ้ตระกูลทากนี้ตระกูลเดียว
ค นเลวเห็นมาเยอะ แต่ไอ้ที่เลวชาติ โลภมาก ใจกล้า หน้าด้าน ขี้โกง และโรคจิต แถมเป็นโรคเดียวกันทั้งตระกูล ขนาดนี้ไม่เคยเจอ ลุกขึ้นเถิดคนไทย ถ้าคุณไม่ก้าวขาวันนี้ คุณจะไม่ได้ยืนเต็มสองขาบนแผ่นดินนี้่อีกต่อไป คงต้องร้องเพลงชาติที่แต่งใหม่ นั่งอยู่ในบ้านก็ต้องหวาดหวั่น กลัวทั้งโจร ทั้งตำรวจไม่รู้ใครจะมาปล้นเงินเราไปมากกว่ากัน ก่อนที่จะต้องซื้อข้าวจากซาอุ ก่อนที่ประเทสไทยจะถูกหั่นขายเหมือนหมูที่อ่บนเขียง ลุกขึ้นแล้วออกเดินร่วมกับคนไทยที่มีใจนักสู้ สู้เพื่อแผ่นดินไทยของเรา สู้เพื่อลูกหลานของเรา
สู้ก่อนไม่มีที่จะยิน



“พิภพ” เดือด! ทรราชลอบฆ่า ปชช. ปลุก “พันธมิตรฯ” สู้ศึกครั้งสุดท้าย
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000137872
      วานนี้ (20 พ.ย.) นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชน ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวถึงกรณีที่นายเจนกิจ กลัดสาคร พันธมิตรฯ จาก จ.ชลบุรี เสียชีวิตจากเหตุการณ์ถูกลอบยิงระเบิดใส่ที่ทำเนียบฯ ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พ่อแม่พ่อน้องในสังคมไทยต้องถามว่า เราจะยอมให้รัฐบาลโหดร้าย ซึ่งเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นรัฐบาลที่สืบเนื่องมาจากการทุจริตคอร์รัปชัน โดยฉีกรัฐธรรมนูญในการใช้ความรุนแรง อีกทั้งยังจำกัดสิทธิการชุมนุมของประชาชน เพื่อไม่ให้ขับไล่รัฐบาล นอกจากนี้ สังคมยังถกเถียงกันเรื่องการชุมนุมของพันธมิตรฯ ว่าเป็นสาเหตุแห่งความรุนแรง แค่คนที่เสียชีวิตก็คือ พันธมิตรฯ
      
       “รัฐบาลมีหน้าทีในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนตา มรัฐธรรมนูญ แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ นั้น เป็นเพราะมีการสนับสนุน นปก.ซึ่งก่อให้เกิดความรุนแรง สุดท้ายพันธมิตรฯ ถูกยิงระเบิดใส่ประชาชน ดังนั้นจึงมีความชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลเป็นผู้สั่งการให้ตำรวจใช้อาวุธที่รุนแรงกลางมหานคร ถ้าวันนี้พันธมิตรฯ ยอมแพ้ อนาคตสังคมไทยก็จะมีรัฐบาลขายชาติครองเมืองไปอีกนาน นี่เป็นคำถามสำคัญที่คนไทยต้องตอบ เพราะการใช้ความรุนแรงครั้งนี้ ผิดกับอดีตที่ทหารเอารถถังออกมาประจันหน้ากับประชาชน แต่สุดท้ายประชาชนก็ได้รับชัยชนะมาแล้วถึง 2 รัฐบาล” นายพิภพ กล่าว
      
       แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า แต่ตอนนี้เรามีรัฐบาลพลเรือนที่อ้างว่ามาจากเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเขาใช้เงินซื้อสิทธิขายเสียง อีกทั้งยังปิดหูปิดตาประชาชนด้วยการคุมสื่อของรัฐบาล อีกทั้งเขายังฉีกรัฐธรรมนูญ แทรกแซงองค์กรอิสระ ฉ้อโกงทุจริตคอร์รัปชัน และมีนโยบายที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะกรณีการขายหุ้นให้กับบริษัท เทมาเส็ก โดยไม่ยอมเสียภาษี แล้วใช้อำนาจบาตรใหญ่แทรกแซงกระทรวงยุติธรรม ส่งผลให้ข้าราชการไร้ความหมาย
      
       “มาวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกคดีความ โดยไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม แถมยังสนับสนุนให้รัฐบาลสร้างความรุนแรง แต่รัฐบาลกลับแก้ตัวว่าไม่เกี่ยวข้อง ทั้งๆ ที่รัฐบาลควรที่จะป้องกันความรุนแรงให้กับการชุมนุมของพันธมิตรฯ ตามรัฐธรรมนูญ โดยยึดถือสันติวิธี และอหิงสา แต่รัฐบาลกลับใช้ความรุนแรง โดยสนับสนุนให้คนของรัฐบาล ทั้งตำรวจ และ นปก. ใช้ความรุนแรงกับประชาชน ผมเตือนไว้หลายครั้ง ถ้าต้องการให้เมืองหลวงมีสภาพของการโต้ตอบกัน แล้วประชาชนจะอยู่อย่างสงบได้อย่างไร ถึงเรายึดมั่นในหลักอหิงสาและสันติวิธี แต่ความเป็นมนุษย์เมื่อถูกตอบโต้ด้วยความรุนแรง เราไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป” แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ
      
       นายพิภพ กล่าวต่อว่า จึงขอเตือนสถาบันกองทัพ สถาบันตำรวจที่รับใช้นักการเมือง และขอเตือนนักการเมืองพรรคพลังประชาชนว่า ถ้ายังไม่ยอมยุติการใช้ความรุนแรง รวมทั้งกองทัพยังไม่ยอมเข้าแทรกแซงเพื่อหยุดอำนาจรัฐบาลที่เข่นฆ่าประชาชน สังคมกรุงเทพฯ จะอลเวงแน่นอน เพราะขีดจำกัดของประชาชนมีอยู่จำกัด และสิ่งที่เราต่อสู้นั้นถูกต้อง ดังนั้น รัฐบาลอย่ามาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง ถามว่าแล้วรัฐบาลทำอะไรบ้างกับกรณีที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามกลางเมืองหลวง โดยไม่มีด่านตำรวจคอยตรวจค้นอาวุธในเวลากลางคืน และถ้ารัฐบาลไม่สามารถจำกัดอาวุธ หรือบุคคลซึ่งรัฐบาลก็รู้ดีว่า คนที่ยิงระเบิด เอ็ม 79 ได้นั้น จะต้องถูกฝึกมาจากกองทัพ หรือเป็นตำรวจเท่านั้น แต่รัฐบาลกลับไม่ทำอะไรเลย แสดงว่ารัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนผู้ก่อเหตุในครั้งนี้
      
       “คุณสมชาย อย่ามาทำไขสือ เพราะไม่เคยแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุมเมื่อว ันที่ 7 ต.ค. จนมีคนเสียชีวิต แล้วนับประสาอะไรกับเหตุการณ์ที่พันธมิตรฯ ถูกลอบยิงระเบิดใส่ ซึ่งมีคนตาย และบาดเจ็บจำนวนมากนั้น แต่นายสมชาย ก็ไม่ออกมาแสดงความเสียใจ แสดงว่ากำลังจะแบ่งพลเมืองออกเป็นสองส่วนใช่หรือไม่ และนายสมชาย ยังเห็นว่า พันธมิตรฯ ไม่ใช่ประชาชนที่รัฐบาลต้องให้ความดูแล เพราะพันธมิตรฯ ไปตรวจสอบการความถูกต้อง และป้องกันความหายนะจากการบริหารประเทศของรัฐบาล ดังนั้นถ้าปล่อยให้รัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคลื่อนไหวแบ่งแยกประเทศ โดยใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่มาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ในการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และราชบัลลังก์ รวมทั้งปกป้องรัฐธรรมนูญซึ่งใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษั ตริย์ทรงเป็นประมุข”
      
       นายพิภพ กล่าวอีกว่า ถามว่าแล้วรัฐบาลปกป้องอะไรในวันนี้ ถึงยอมให้รัฐธรรมนูญฉบับของ พน.เหวง โตจิราการ ซึ่งตัดองคมนตรีออกไป แสดงว่าไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เลยใช่หรือไม่ อีกทั้งยังปล่อยให้เว็บไซต์โจมตีสถาบัน และยังปล่อยให้รายการเอ็นบีที ที่ใช้เงินภาษีของประชาชนโจมตี และให้ข้อมูลเท็จ แสดงว่ารัฐบาลกำลังหลอกลวง เพราะเขากลับไปสนับสนุนให้คนเอาอาวุธมายิงเรา ดังนั้นเราจึงรับไม่ได้ที่จะให้เป็นรัฐบาลอีกต่อไป
      
       “ฉะนั้น เราจึงมีความชอบธรรมที่จะรบเป็นครั้งสุดท้ายในวันจันทร์นี้ เพื่อไม่ให้รัฐบาลทรราชฆ่าประชาชน และทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นมือเป็นเท้าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ บริหารประเทศต่อไป เพราะจะทำให้ความรุนแรงบานปลายจนไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ดังนั้น ถามพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า เห็นประเด็นเหล่านี้หรือไม่ ถ้าเห็นต้องออกมาร่วมแรงร่วมใจกันให้เหมือนกับเหตุการณ์ 14 ตุลา ซึ่งประชาชนออกมาเรือนแสน เรือนล้าน และไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว เพราะเขาไม่ยอมให้อำนาจเผด็จการเข่นฆ่าประชาชน ที่สำคัญวันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กับรัฐบาลทหาร แต่เราต่อสู้กับรัฐบาลพลเรือนที่เป็นทรราช ซึ่งใช้ความรุนแรงอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต อีกทั้งยังมีความหน้าด้านไร้ยางอาย ดังนั้นถ้าเราไม่สามารถยับยั้งรัฐบาลชุดนี้ได้ เราจะกลายเป็นทาสไปตลอดกาล ฉะนั้นขอให้พี่น้องประชาชนต้องออกมาให้มากที่สุด จึงจะชนะรัฐบาลพลเรือนได้ในที่สุด” นายพิภพ กล่าว

“สมศักดิ์” รัวกลองรบ! จี้สำนึก ปชช.ร่วมเผด็จศึก “รบ.ทรราช” 23 พ.ย.นี้
โดย ผู้จัดการออนไลน์     21 พฤศจิกายน 2551 06:55 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000137884

       วานนี้ (20 พ.ย.) นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงกรณีที่คนร้ายลอบยิงระเบิดใส่ทำเนียบฯ จนเป็นสาเหตุให้นายเจนกิจ กลัดสาคร พันธมิตรฯ จาก จ.ชลบุรี เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ว่า ขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ ทุกคน มาพร้อมกันในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย. เวลา 14.00 น. เพราะเราเตรียมพร้อมที่จะไปชุมนุมที่รัฐสภา เพื่อต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ และขับไล่รัฐบาลนี้ให้ออกไป แบบม้วนเดียวจบ ดังนั้น วันนี้เราจึงได้เห็นสัตว์นรกในคราบคน ที่มาบริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ คนปัจจุบัน เพราะพฤติกรรมของพวกเขานั้น ไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ ประชาชน หรือสถาบัน แต่เขาทำเพื่อพวกพ้องตลอดเวลา อีกทั้งยังโกงกินทุจริต ขายชาติ รวมทั้งยังเข่นฆ่าประชาชนอย่างต่อเนื่อง
      
       “ดังนั้น เราผู้เป็นเจ้าของอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อใดที่รัฐบาลไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามเจตจำนงของประชาชน หรือบริหารประเทศชาติไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เขาจึงหมดสิทธิ์ที่จะบริหารประเทศต่อไปอย่างสิ้นเชิง หลายครั้งหลายหน เราโดนรังแกมาโดยตลอด แล้วยังมาบอกว่าเราจะไปปะทะกับ นปก. หรือรัฐบาล แต่เราใช้สิทธิ์ตรวจสอบรัฐบาลที่ได้อำนาจโดยไม่ชอบ เพราะเขามาจากการซื้อเสียง โกงการเลือกตั้ง ทุจริต เอาอำนาจประชาธิปไตยไปให้ต่างชาติ และยังทำผิดในทุกๆ ศาล ไม่มีรัฐบาลไหนที่มีพฤติกรรมชั่วช้าต่ำทรามเฉกเช่นรัฐบาลนี้” นายสมศักดิ์ กล่าว
      
       แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามนายสมชาย แต่กลับให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ตอบคำถามถึงกรณีที่มีปล่อยให้มีการเข่นฆ่าประชาชน โดย พล.ต.อ.โกวิท ตอบกลับไปว่า นายสมชาย ไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น แถมยังกล่าวหาว่า พันธมิตรฯ ใช้สิทธิเสรีภาพผิดกฎหมาย ซึ่งถ้าเป็นกรณีการชุมนุมที่อื่นพันธมิตรฯ เสร็จไปนานแล้ว แต่เพราะพันธมิตรฯ มีเส้น รัฐบาลจึงทำอะไรไม่ได้
      
       “พล.ต.อ.โกวิท เคยเป็นถึงอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉะนั้นต้องรู้ว่าการมีเส้น หรือการวิ่งเส้นนั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นต้องบอกมาให้ได้ว่า เส้นของพันธมิตรฯ คือใคร ฉะนั้นอย่าพูดพล่อยๆ อย่าขี้ขลาดตาขาว ขอให้บอกมาเลยว่าใครเป็นเส้นของพันธมิตรฯ เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าคนมันเลว หาว่าเราชุมนุมแล้วผิดกฎหมาย ทั้งๆ ที่เราชุมนุมโดยสงบ แตกลับบอกมาว่าเข้าไปตรวจดูแล้วมีอาวุธ และยังบอกว่ากว่าตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ ต้องใช้เวลา ซึ่งนั่นเป็นเพราะพฤติกรรมของตำรวจยุคนี้ เลว ชั่ว มาโดยตลอด ที่สำคัญ เขากล้าที่จะกล่าวหาว่า น้องโบว์ หนีบระเบิดอยู่ตลอดเวลา” แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ
      
       นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ และ พล.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ออกมายอมรับภายหลังจากเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ และพล.ต.อนันต์ ยืนยันว่า สะเก็ดระเบิดที่พบนั้นเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 จริง ซึ่งระเบิดดังกล่าวไม่ใช่ลูกแรก เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นกับพันธมิตรฯ มาแล้วถึง 2 ครั้ง ส่วนคนที่ใช้อาวุธดังกล่าว จะต้องยิงด้วยวิถีโค้ง อีกทั้งในเวลาตี 3 พี่น้องผู้ชุมนุมกำลังนอนหลับ แต่นักรบชาติสุนัขที่ขี้ขลาดตาขาวกลับลอบยิงคนแบบนี้ ถ้าแน่จริงไปปกป้องเขาพระวิหาร โดยไปรบกับกัมพูชาจะดีกว่า
      
       “อาวุธดังกล่าวไม่มีรัฐบาลไหนในโลกนี้ที่จะใช้ปราบปรามประชาชน นอกจากรัฐบาลของนายสมชาย เท่านั้น แล้วยังหน้าด้านบอกว่าไม่รู้ เพราะทำทุกอย่างเพื่อความสมานฉันท์ ปรองดอง จึงอยากถามพวกที่ต่อต้านความรุนแรงว่า ใครเป็นผู้ก่อขึ้นมา ทั้งๆ ที่พันธมิตรฯ ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ทั้งนี้ถ้าประชาชนรักความเป็นธรรมจริง ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันออกมาประณามรัฐบาลทรราช และหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างพร้อมเพรียงกัน เราจะไม่ยอมให้เลือดแต่ละหยุดของทุกชีวิตต้องสูญเสียเปล่าอย่างเด็ดขาด”
      
       นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย. นี้ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ได้บรรจุวาระที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะยกเลิกพระราชอำนาจ จะยกเลิกองคมนตรี และจะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้นพี่น้องไม่ต้องไปฟังว่ามันจะเลื่อน หรือไม่เลื่อน เราต้องไปเพื่อไม่ให้มีการประชุมอย่างเด็ดขาด เพราะรัฐบาลนี้ไม่เคยคิดที่จะทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือจะแก้ปัญหาความยากจนให้กับประชาชนไทย มีแต่เขาคิดถึงว่า จะทำอย่างไรถึงจะสมารถช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนเดินทางเข้ามาโดยด่วนในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย.นี้ ส่วนการ์ดพันธมิตรฯ จะปกป้อง และพิทักษ์ประชาชนด้วยชีวิต


“สมช.” เย็นใจ เชื่อ 23 พ.ย.ไร้รุนแรง-ใบ้กินเหตุบึ้มฆ่าพันธมิตรฯ
โดย ผู้จัดการออนไลน์     21 พฤศจิกายน 2551 09:18 น.


เลขาฯ สมช.ชี้วันเดือด 23 พ.ย. พันธมิตรฯ-นปก.ชุมนุมพร้อมกันไม่รุนแรง เพราะมีงานพระราชพิธี 5 ธ.ค.รออยู่ อ้างงานดูแลความสงบไม่เกี่ยว สมช.เพราะไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ เชื่อ ผบช.น.รู้จักสรุปบทเรียน ปัดตอบเหตุบึ้มฆ่าพันธมิตรฯ รายวัน อ้าง สมช.ไม่ใช่ซีไอเอ แค่ดูแลนโยบาย อย่าคิดว่ารู้ทุกเรื่องเพราะไม่ใช่ยอดมนุษย์
      
       พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม สมช.วานนี้ (20 พ.ย.) ว่า ได้มีการหารือกันแต่เพียงเรื่องปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้มีการพูดถึงการเมืองภายใน เมื่อถามว่า ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่จะมีการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่ม นปก. ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีที่รักษาการลำดับที่ 1 จะเดินทางไปประชุมเอเปกที่ประเทศเปรู ทาง สมช.จะมาช่วยดูแลหรือไม่ พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ไม่ใช่งาน สมช.เพราะเราเป็นฝ่ายอำนวยการไม่ใช่ผู้ปฎิบัติ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ไปไล่จับใคร เพราะแต่ละคนก็มีงานของเขาอยู่ เมื่อซักว่า สมช.ได้ประเมินสถานการณ์ไว้อย่างไร พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ต้องไปถามสำนักข่าวกรอง เพราะเราไม่ใช่หน่วยงานข่าว ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าทั้งตำรวจและทหารที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยของสถานที่คงต้องไปสำรว จพื้นที่และไปดูว่าควรมีจุดตรวจตรงไหนบ้าง เพื่อไม่ให้คนมีอาวุธแปลกปลอมเข้าไป
      
       เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะไปปิดล้อมสภาอีกหากมีการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้ และคงให้คำตอบไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ต้องไปสัมภาษณ์พันธมิตรฯ อย่าเอา สมช.ไปเกี่ยวข้องการเมือง ไม่อย่างนั้นตนคงโดนหลายข้อหาแล้ว ไม่ใช่หน้าที่ สมช.
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ พล.ท.สุรพล กล่าวว่า เป็นห่วง เวลาคุยประสานงานข่าว เราก็บอกว่าใครที่รับผิดชอบเรื่องนี้ก็ช่วยให้ความสนใจเรื่องนี้ อย่างวัดสวนแก้ว รปภ.เขาก็มีข้อคิดว่าจะทำอย่างไร ตรวจทางเข้าออก หรือเรื่องม็อบ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ท่านมีบทเรียนคงจะปรับแก้วิธีปฏิบัติ หลายเรื่องเป็นเรื่องภาคปฏิบัติ และ สมช.ไม่ใช่ผู้ปฎิบัติเลย หากเราจะไปแทรกเขามากก็ไม่ใช่หน้าที่
      
       ส่วนสถานการณ์จะรุนแรงหรือไม่นั้น พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ไม่น่าจะแรง ตนเดาส่วนตัว คนไทยทุกคนขณะนี้กำลังพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงทั้งสิ้น และเรายังมีงานพระราชพิธีในวันที่ 5 ธ.ค.อีก ฉะนั้นยังเป็นกระแสอยู่ เหมือนงานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทุกคนเห็นแล้วว่าใส่เสื้อสีดำหมดและยิ้มแย้มแจ่มใสไม่มีใครกระทบกระทั่งกัน
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ยังมีระเบิดเกิดขึ้นตลอด พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ในทุกสังคมคนส่วนใหญ่เป็นคนดี แต่คนร้ายก็มีทุกสังคม แต่ไม่ใช่ว่ามากมายจนต้องกำหนดนโยบายอะไรพิเศษ ก็เป็นหน้าที่ของคนที่รักษากฎหมาย ที่จะต้องจัดการ
      
       เมื่อถามว่า มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้งแต่ไม่สามารถจับกุมผู้ดำเนินการได้ หน่วยข่าวพอทราบเบาะแสหรือไม่ พล.ท.สุรพล กล่าวว่า เรื่องการข่าวถามตนไม่ได้จริงๆ หลายคนมักจะสับสนคิดว่า สมช.เป็นซีไอเอ ขอยืนยันว่าไม่ใช่ เมื่อซักว่าก็เป็นแหล่งศูนย์รวมข่าวทั้งหมด พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ก็มีศูนย์ประสานการข่าวซึ่งไม่ใช่ สมช.อีก สมช.จะรับรู้บางเรื่องที่จะไปสู่นโยบาย ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่นโยบายก็ไม่ต้องมาที่ สมช.
      
       เมื่อถามว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ใจกลางเมืองบ่อยๆ สมช.จำเป็นต้องรู้หรือไม่ พล.ท.สุรพล กล่าวว่า สมช.เป็นนโยบาย เรามีนโยบาย 5 ปี นโยบายกรอบความคิดใหญ่ๆ แต่ถ้าเป็นนโยบายย่อยของผู้ปฎิบัติ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ สมช. เพราะมีคนรับผิดชอบอยู่ “อย่าไปคิดว่าทุกเรื่องความมั่นคง สมช.รู้หมด เราไม่ใช่ยอดมนุษย์นะครับ”



“ยุทธชัย” เหยื่อบึ้มทรราชอาการยังทรง หมอระบุสมองซ้ายช้ำ
โดย ผู้จัดการออนไลน์     21 พฤศจิกายน 2551 09:32 น.

แพทย์รามาฯ เผยอาการล่าสุด วีรชนพันธมิตรฯ ที่ถูกคนใจทรามยิงอาวุธสงครามเข้าใส่ขณะฟังปราศรัยในทำเนียบฯ โดยระบุอาการยังทรงตัว คาดภายใน 1-2 สัปดาห์อาจต้องผ่าตัดรักษาสมองซีกซ้าย ขณะที่อีกรายโดนสะเก็ดระเบิดที่สะโพกอาการดีขึ้น อนุญาตกลับบ้านได้วันนี้
      
       วันนี้ (21 พ.ย.) ร.ศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยถึงความคืบหน้าอาการของประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีที่คนร้ายยิงร ะเบิดเข้าไปด้านหน้าเวทีภายในทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับอาการของนายยุทธชัย ลือพักตร์ อายุ 39 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกสะเก็ดระเบิดฝังเข้าไปด้านในระหว่างจมูกและคิ้วนั ้น ขณะนี้อาการยังทรงตัว โดยยังพบว่าเนื้อสมองด้านซ้ายมีรอยซ้ำ แพทย์ลงความเห็นว่าจะยังไม่ทำการผ่าตัดในช่วงระยะเวลานี้ แต่จะให้ยาปฏิชีวนะ รักษาอาการในช่วง 1-2 สัปดาห์
      
       ร.ศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนอีกรายที่ได้รับบาดเจ็บโดนสะเก็ดระเบิดบริเวณสะโพกและยังคงพักรักษาตัวอ ยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ล่าสุดอาการดีขึ้นตามลำดับแพทย์อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านพักได้แล้ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิทธิ์ของผู้ป่วยว่าจะเดินทางกลับไปวันนี้หรือไม่
      
       ทั้งนี้ เหตุการณ์สลดใจดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายรอบยิงระเบิดเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ตรงด้านข้างของเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

--
    เราจะไม่ปล่อยให้พี่เรา น้องเรา เจ็บฟรี ตายฟรี เด็จขาดรัฐบาลทรราชจำไว้ บัญชีนี้จะต้องชดใช้กันอย่างสาสม ขอให้หายเร็วๆนะ เป็นกำลังใจให้ด้วยใจ และเราจะเป็นหนึ่งในกำลังที่ชักชวนพ่อแม่พี่น้องให้ออกไปยื่นเคียงข้างกันต่ อสู้ และจะสู้ไม่ถอย หัวใจเราเกรงอยู่แล้ว
พธม.ฅนภูเก็ต


“จำลอง” ลั่นแผนเผด็จศึกไม่ยืดเยื้อ “เขยแม้ว” พังแน่
โดย ผู้จัดการออนไลน์     21 พฤศจิกายน 2551 12:10 น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000137977

“แกนนำพันธมิตรฯ” ย้ำกลยุทธ์เผด็จศึกรัฐบาลฆาตกรไม่ยืดเยื้อ มั่นใจม้วนเดียวจบ เตรียมเคลื่อนทัพกดดันสภาทาสต้านแก้ รธน. ท้า มท.1 เผยชื่อใครอยู่เบื้องหลังพันธมิตรฯ
      
       วันนี้ (21 พ.ย.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชน แถลงข่าวประจำวัน โดยระบุถึงกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศประโคมข่าวการใช้อาวุธสงครามทำร้ายผู้ ชุมนุมพันธมิตรฯ โดยเฉพาะบางสำนักข่าวได้รายงานรายระเอียด เช่น สำนักข่าวจีเอ็นเอ็น บอกว่าเป็นการกระทำที่แย่ที่สุด ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ทำกับคนที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่หน้าเวที เพราะเป็นการชุมนุมตลอด 24 ชม. และไม่มีอาวุธอยู่ในมือ
      
       “ชี้ให้เห็นว่าคนไทยสมัยนี้แย่จริงๆ ทำให้สำนักข่าวต่างประเทศประณามการใช้อาวุธสงคราม นายสมชายก็ยังบอกว่าเป็นการกระทำของมือที่ 3 มือที่ 4 เด็กยังรู้เลยว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล แล้ว 181 วันที่เราชุมนุม นายสมชายมาบอกได้อย่างไรว่าเป็นมือที่ 3 มือที่ 4 เพราะคนที่เราขับไล่ก็คือรัฐบาล คนที่เสียประโยชน์ก็คือรัฐบาล จะเป็นมือที่ 3 มือที่ 4 ได้อย่างไร ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไรที่มาบิดเบือนเช่นนี้”
      
       พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ตอบกระทู้ที่รัฐสภาวานนี้ และมีตอนหนึ่งกล่าวว่าพันธมิตรฯ มีเส้นสาย พล.ต.อ.โกวิทพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ตนเคยรู้จักคนระดับ พล.ต.อ.โกวิท ต้องมีความกล้าหาญ บอกว่าพันธมิตรฯ มีเส้นก็ควรออกมาระบุว่าเป็นใคร ไม่ต้องกลัว ถ้ากลัวออกมาพูดทั้งทีก็ต้องพูด คุณโกวิท เป็นตำรวจได้อย่างไร เป็นถึง พล.ต.อ. เป็นถึงอดีต ผบ.ตร.ทำไมไม่กล้า ถ้าอยากเปิดอก ทำไมไม่พูดให้หมด อย่าเฉไฉว่าม็อบมีเส้นก็คือพันธมิตรฯ ทั้งหมด
      
       “คุณขี้ขลาด อย่าทำให้สถาบันตำรวจที่ไม่มีคนขี้ขลาดมัวหมอง จะบอกว่าเส้นเป็นใครก็ควรจะเปิดอก คุณเป็นถึงผู้ใหญ่อย่าทำได้แต่โกหกพกลมไปวันๆ คนที่ออกมาโกหกพกลมก็มีแต่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ผมขอบอก คุณโกวิทต้องกล้าหาญ และพูดความจริง ไม่รักตัวเองก็ขอให้รักสถาบัน อย่าทำให้สถาบันเสื่อมเสีย เพราะคุณเป็นคนขี้ขลาด” พล.ต.จำลอง กล่าว
      
       พล.ต.จำลอง กล่าวถึงการเป่านกหวีดระดมพลครั้งใหญ่ วันที่ 23 พ.ย.นี้ว่า ทางแกนนำเราได้เตรียมคิดไว้แล้ว และเราก็ได้ประเมินสถานการณ์ว่า วันที่ 23 นี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะคำว่า “ม้วนเดียวจบ” ก็คือไม่ใช่เป็นการชุมนุมลากยาวเป็นเดือน เพราะเป็นหน้าทื่ที่คนไทยทุกคนจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ หรือเป็นใคร ต้องออกมาสู้
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาออกมาระบุว่าจะมีการเลื่อนการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะเป็นการพิจารณาข้อกฎหมายเรื่องกฎบัตรอาเซียน พันธมิตรฯ จะเลื่อนการชุมนุมวันที่ 23 ออกไปไหม พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อประเทศชาติอย่ามาอ้างให้ยาก เพราะอะไรที่เสียหายขนาดนี้ เป็นเรื่องที่เสียหายมากกว่าเป็นความเสียหาย ซึ่งก็บอกแล้วว่าสภานี้เป็นสภาทาส
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสัปดาห์หน้าไม่มีการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง พันธมิตรฯจะทำอย่างไร พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ประธานสภาออกมาพูดหลายครั้ง บอกว่าฝันบ้างว่าจะแก้หรือไม่แก้เป็นการกลับไปกลับมา เปิดๆ ปิดๆ เชื่อได้ที่ไหน ผลเสียหายมันเกิดขึ้นถ้าเป็นจริงรัฐธรรมนูญที่จะบรรจุก็สามารถพิจารณาได้ทัน ที เพราะรัฐธรรมนูญที่มีการเสนอเข้าไปแล้วนั้นเป็นการละเมิดพระราชอำนาจจะออกมา พูดอย่างไรเราก็คงไม่เชื่อ เพราะมีการแสดงการโกหกมาหลายครั้ง ทำไมมาปิดว่าจะพิจารณาอะไรบ้าง มาอ้างว่ารอฝันอย่างโน้นอย่านี้ ตนขอบอกว่าบ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น
      
       พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า การชุมนุมใหญ่วันที่ 23 นี้ หากเกิดความรุนแรงก็เกิดจากรัฐบาลทั้งสิ้น เราไม่ใช่ฝ่ายที่จะยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เราไม่มีการพกอาวุธ นอกจากนี้กรณีที่บอกว่าพันธมิตรฯ จะไปที่นั่นที่นี่ก็เป็นการคาดการณ์เอาเอง ซึ่งแกนนำพันธมิตรฯต้องหารือกัน อย่างไรก็ตามหากผู้ชุมนุมมาวันที่ 23 จำนวนมาก เชื่อว่ารัฐบาลจะต้องลาออกแน่นอน เนื่องจากสั่งสมความผิดตามกฎหมายออกมามากแล้ว ขณะเดียวกัน ผู้ร่วมชุมนุมเราก็ไม่ได้จ้างเขา ดังนั้นจึงประเมินไม่ได้ว่า จะมากกว่าวันที่ 7 ต.ค.หรือไม่
      
       ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นขณะนี้จะทำให้เป็นเชื้อปะทุในวัน ที่ 23 หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนั้นจะเกิดเนื่อจากเราไม่ใช่อันธพาล เราเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้นไม่ต้องไปหวั่นวิตก เพราะธรรมะย่อมชนะอธรรม แต่ถ้าเรามาน้อยไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าต้องยกบ้านยกเมืองให้คนชั่วครองเ มือง ถ้าแพ้เราก็กลับ และเราก็ไม่ได้พูดว่าจะต้องยุติบทบาทหากคนมาน้อย ดังนั้นรับรองได้เลยว่าม้วนเดียวจบ ไม่น่าจะถึงเดือน ขณะที่จะชุมนุมใหญ่จะคาบเกี่ยวกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย ู่หัว หรือไม่นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ต้องหวาดหวั่นหากเราไม่ทำก็กลายเป็นว่ายกประเทศให้กับคนชั่ว ขณะเดียวกัน การชุมนุมวันที่ 23 ก็ไม่จำเป็นต้องพูดว่าถึงขึ้นแตกหัก เพราะเราไม่ได้เอาอะไรไปทุบใคร แต่การชุมนุมถ้าเป็นเพียงภาษาก็ทำให้เกิดความเข้มข้นขึ้นเท่านั้น
      
       ส่วนกรณีที่ผู้นำฝ่ายค้านเกรงว่าจะเกิดสงครามทางการเมืองเพราะรัฐบาล ไม่ทำอะไรเลย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลไม่ทำอะไรเราก็สมควรที่จะออกมาช่วยกันไล่เพราะรัฐบาลเป็นเพียงลู กจ้างชั่วคราว ฝ่ายค้านไล่ในสถาฯ ไม่ได้ ก็ออกมาไล่นอกสภาฯ เพราะแต่ละวันรัฐบาลก็เพียงออกมาเวียนกันพูดว่าไม่ได้รับรายงานหรือพูดขอไปท ี

1 ความคิดเห็น: