...+

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

พันธมิตรฯอุบลเสวนาตีแผ่ความจริง7ตุลาทมิฬ -จวกทรราชแม้วขายสมบัติชาติกิน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 ตุลาคม 2551 18:57 น.

อุบลราชธานี- พันธมิตรฯ -ม.อุบลฯ จัดเสวนาตีแผ่ความจริง "เบื้องหลัง 7 ตุลาเลือด" ดึงผู้ชุมนุมร่วมถ่ายทอดประสบการณ์อันเลวร้าย ที่รัฐตำรวจทำร้ายประชาชน ลั่นในอนาคตต้องตั้งโรงเรียนการเมือง ด้านอธิการบดีม.อุบลราชธานี ยอมรับเคยชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่พอรู้ตัวตนแท้จริงต้องถอยห่าง สับเละทักษิณลูกเลี้ยง "ลีกวนยู" ชี้รัฐบาลมือเปื้อนเลือดต้องถูกปฏิวัติด้วยมือประชาชน
      
       วันนี้ (25ต.ค.) ที่โรงละครคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุบลราชธานี จัดเวทีตีแผ่ความจริง "เบื้องหลังเบื้องลึก 7 ตุลาเลือด" โดยให้ตัวแทนพันธมิตรฯจ.อุบลราชธานี คือ นางทัศนีย์ บุญประสิทธิ์ เจ้าของสถานีวิทยุชุมชน อ.พิบูลมังสาหาร นางยุภาพิน นากร ครูโรงเรียนรัฐแห่งหนึ่ง และนายมานพ วุฒิอรุณกร เจ้าของร้านค้า ซึ่งได้เข้าร่วมชุมนุมในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 51 และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมปราบปรามตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงเย็นเล่าเหตุการณ์ที ่เกิดขึ้นให้ผู้สัมมนาร่วมรับฟัง
      
       ระหว่างการเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด ตัวแทน พธม.ที่เห็นความทารุณโหดร้ายที่เจ้าหน้าที่กระทำต่อคนไทยด้วยกัน จนทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บแขนขาขาดและเสียชีวิต ผู้เล่าได้กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือต่อเหตุการณ์ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า ทำให้บรรยากาศภายในโรงละครที่ใช้จัดเวทีเงียบสนิทด้วยความสลดใจ จากนั้นคณะผู้จัดงานได้ฉายภาพเหตุการณ์ตอนเจ้าหน้าที่ใช้ระเบิดและแก๊สน้ำตา ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภา บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 และหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ผู้มาร่วมรับฟังดูความจริงที่เกิดขึ้น
      
       ด้านนายประวี มะลิวงศ์ แกนนำ พธม.อุบลราชธานี กล่าวว่า เหตุการณ์ปราบปรามประชาชนเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ในสังคมไทย เพราะผู้มีอำนาจเอาเงินภาษีมาทำร้ายประชาชน และที่จัดเวทีครั้งนี้ เพื่อกระจายความจริงให้คนที่ยังไม่รู้ได้ทราบความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด คนอีสานไม่ใช่คนโง่ แต่ถูกระบอบทักษิณปกปิดความจริงมาตลอด
      
       ในอนาคต พธม.อุบลราชธานี จะตั้งโรงเรียนการเมือง เพื่อให้คนเข้ามาศึกษาจะได้ทราบพฤติกรรมของนักการเมืองและกลุ่มการเมืองที่ค รอบงำโกงกินประเทศชาติ จึงเป็นเหตุให้นักการเมืองกลัว พธม. เพราะเราจะใช้ความรู้เป็นอาวุธจัดการกับนักการเมืองที่โกงกินประเทศชาติให้ห มดไป
      
       ด้านศ.ดร.ประกอบ วิโรจนกูฏ อธิการบดรมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมรับฟังความจริงเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ตนรู้สึกเสียใจที่เคยชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาก่อน ซึ่งเป็นความเชื่อเหมือนคนไทยทั่วไปขณะนั้นว่า คนที่ร่ำรวยมีเงินเป็นหมื่นๆล้านคงไม่โกง จึงให้การสนับสนุนและสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่ยุคก่อตั้ง
      
       แต่เมื่อศึกษาตัวตนที่แท้จริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเริ่มคุกคามสถาบันต่างๆ และใช้การเมืองนำทรัพย์สินของประเทศชาติไปขายให้ต่างชาติ ทำให้ทนไม่ได้และขอลาออกจากสมาชิกพรรคในเวลาต่อมา
      
       อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เล่าประสบการณ์ย้อนหลังให้ผู้ร่วมเวทีฟังด้วยว่า "หลังตนจบการศึกษากลับมาทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขณะนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำช่วยเหลือชาวชนบท ตนที่มีความรู้เรื่องนี้ได้เข้าไปช่วยเหลืองาน ทำให้ทราบว่า พล.อ.เปรมมีความตั้งใจที่จะทำเพื่อคนชนบทให้ลืมตาอ้าปากได้อย่างแท้จริง มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างประหยัด แต่ประเทศชาติประชาชนได้ประโยชน์เต็มที่"
      
       ต่างกับ พ.ต.ท.ทักษิณสอนให้คนชนบทมีแต่ความยากจน ด้วยการแจกจ่ายเงินให้กู้ไปใช้ เพื่อให้บูชาคนที่นำเงินมาให้กู้เป็นพระเจ้า ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีการใช้จ่ายงบประมาณ โดยตั้งงบประมาณเกินความจริงหลายเท่าตัว เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋ากลุ่มทุนของพรรค และยังเผยแพร่วัฒนธรรมการโกงกินลงไปสู่การบริหารงานส่วนท้องถิ่น
      
       "ท่าน พล.อ.เปรม เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ 8 ปี ได้รับเงินตอบแทนในตำแหน่งเพียง 15 ล้านบาท แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี 5 ปี มีรายได้จากการดำรงตำแหน่งวันละ 100 ล้านบาทแล้วคนอย่างนี้จะพูดว่าเป็นคนดีได้อย่างไร”
      
       ศ.ดร.ประกอบยังกล่าวอีกว่า ตนยังค้นพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ร่วมมือกับนายลีกวนยู อดีตผู้นำประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้กุมกองทุนกลุ่มทุนจีนโพ้นทะเลกว่า 70 ล้านล้านบาท เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อสมบัติของชาติไทย จึงเกิดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้วนำไปขายให้กับกลุ่มทุนพวกนี้ โดย พ.ต.ท.ทักษิณได้รับส่วนแบ่งแค่เศษเงิน แต่ก็ยังทำ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณนับถือนายลีกวนยูเป็นพ่อเลี้ยง
      
       นอกจากมีเป้าหมายซื้อทรัพย์สมบัติในประเทศไทยแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นนายหน้าให้นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช นำเงินจากกลุ่มทุนอเมริกามาลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย เพื่อแลกส่วนแบ่งที่ได้รับไม่มากเท่าไหร่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นแค่ลิ่วล้อหรือเด็กรับใช้ของกลุ่มทุนพวกนี้
      
       ต่อจากนั้น ศ.ดร.ประกอบให้สัมภาษณ์ว่า นักวิชาการต้องให้ความรู้กับประชาชน โดยเฉพาะการทำการเมืองภาคประชาชนให้เข้มแข็ง ไม่ใช่นักการเมืองเอาเงินมาซื้อเสียงแล้วทำชั่วทำผิดขนาดไหน ก็จะอ้างแต่ว่าได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน จึงไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง แต่เป็นการอ้างเอาระบอบมาแสวงหาผลประโยชน์ ถ้าประชาธิปไตยที่ถูกต้องแล้ว ต้องถูกตรวจสอบ ประชาชนเพียงคนเดียวก็ฟ้องเอาเข้าคุกได้ แต่เมืองไทยทุกวันนี้คนเป็นแสนเป็นล้านจะเอาคนผิดเข้าคุกก็ไม่ยอม
      
       สำหรับการชุมนุมของกลุ่ม นปก.ในวันที่ 1 พ.ย. เป็นการใช้สิทธิที่สามารถรวมกลุ่มกันได้ ไม่เห็นด้วยกับ พธม.ก็ให้พูดไป แต่ไม่มีสิทธิเคลื่อนขบวนมาทำร้ายผู้ชุมนุมกลุ่มอื่น เพราะเป็นเรื่องผิด ตำรวจต้องจัดการ และไม่ใช่เป็นวิถีทางประชาธิปไตย เพราะเป็นพวกที่ถูกจ้างมาใครเป็นผู้จ้างเราก็รู้ วันนี้ไม่ต้องอ้อมค้อม ต้องพูดกันตรงๆอย่างนี้แหละ
      
       ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะชี้แจงกรณีคำพิพากษาของศาลผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีที่เป็นข องราชการ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่กรณีคุณทักษิณเป็นผู้ร้ายมีความผิดติดคุก 2 ปี ตนจึงไม่เห็นเหตุผลของสถานีโทรทัศน์ของรัฐจะเปิดโอกาสให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาให้ร้ายประเทศไทย โดยอ้างว่าตัว เขาไม่เชื่อถือระบบตุลาการของไทย สถานีโทรทัศน์ที่เป็นของรัฐคิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณทำได้อย่างไร
      
       ศ.ดร.ประกอบกล่าวถึงเหตุการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า "เป็นพัฒนาการทางการเมือง และมีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะใครทำผิดก็ต้องรับผิด รัฐบาลก็จะต้องไป ทั้งจากกรณียุบพรรคการเมืองหรือการทำร้ายประชาชน รัฐบาลอยู่ไม่ได้แน่นอน หลังรัฐบาลนี้ไปแล้วก็จะมีองค์กรที่ดูแลประเทศออกมาหารือถึงเรื่องการปฏิรูป การเมืองประเทศไทย ผมไม่เชื่อว่ากลุ่มทุนทางการเมืองที่ทำแต่ความชั่วจะอยู่ปกครองได้ตลอดไป เพราะพวกเขาสู้ประชาชนไม่ได้แน่นอน
      
       ส่วนการปฏิวัติตนคิดว่าคงไม่มีเกิดขึ้น เพราะปฏิวัติไปรอบที่แล้วไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ปล่อยให้ประชาชนปฏิรูปการเมืองกันเองดีกว่า อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีกล่าวให้ความเห็นสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี ้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น