ผู้จัดการออนไลน์ – แฉแผนชั่วทรราชลอนดอน บันได 7 ขั้นล้มสถาบันกษัตริย์ ก่อสงครามประชาชนทั่วประเทศเพื่อยึดอำนาจ “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ชี้แผนเดินมาถึงขั้นที่ 4 กำลังจะสำเร็จขั้นที่ 5 แล้ว แต่กลับสะดุดเพราะพันธมิตรฯ ไม่ยอมเผาเมืองในวันที่ 7 ต.ค. ยืนยันไม่มีวันทำ แนะจับตาวันนี้ “สมชาย” ประชุมขรก.ระดับสูงที่เมืองทองธานี-ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดสมัยเป็นปลัดฯ ยุติธรรม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
เวลาประมาณ 22.00 น.วานนี้ (15 ต.ค.) ณ เวทีทำเนียบรัฐบาล นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ขึ้นปราศรัยโดย เปิดเผยว่า วันนี้ (16 ต.ค.) เวลา 10.00-12.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีจะไปเป็นประธานชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อ ผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดทั้งปลัดกระทรวง อธิบดีกรมต่างๆ ที่ศูนย์อิมแพค เมืองทองธานี ย่านถนนแจ้งวัฒนะ
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ตนทราบเรื่องนี้เพราะมี สุภาพสตรีซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงสุด คือ ระดับ 11 ได้แจ้งข้อมูลให้กับตน พร้อมกับกล่าวด้วยว่า เจ้าตัวสุภาพสตรีคนดังกล่าวเปิดเผยว่าไม่ไปประชุม โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลนายสมชายเป็นรัฐบาลเถื่อนและมือเปื้อนเลือดจากเหตุการ ณ์สั่งฆ่าประชาชน 7 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา
“สตรีผู้นี้บอกผมว่า ดิฉันไม่ไปเพราะเขาเป็นรัฐบาลเถื่อนและมือเปื้อนเลือด เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ก็จะลงเองว่ามีข้าราชการคนใดไม่ไปได้ ” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว พร้อมระบุด้วยว่า สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้แสดงความหวาดวิตกต่อกลุ่มพันธมิตรอย่างรุน แรง และออกระเบียบการควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
“เราจะตรวจสอบว่าข้าราชการกลุ่มนี้ประมาณพันคน จะยอมไปประชุมกับรัฐบาลเถื่อน รัฐบาลโจร ผู้นำที่ตายแล้ว ทรราชฆาตกรมือเปื้อนเลือด และรัฐบาลกระหายเลือดหรือไม่ พรุ่งนี้รู้กันครับพี่น้อง ... เขาจะตรวจสอบว่าหลังจากที่ปราบปรามประชาชน พันธมิตรฯ แล้วจะมีข้าราชการยอมสวามิภักดิ์หรือไม่หรือเขาจะเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด ็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ข้าราชการจำนวนไม่น้อย และอธิการบดีจำนวนมากใน 162 คน ยืนยันแล้วว่าไม่ไปครับ”
จับตา 16 ต.ค. ป.ป.ช.เตรียมบั่นคอ “สมชาย”
ต่อมานายสมเกีรยติได้กล่าวเตือนด้วยว่าในวันพฤหัสบดีที่ 16 ต.ค.นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีการพิจารณาคดีที่มีการกล่าวหานายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ช่วงปี 2540-2543) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม กรณีการสั่งระงับเรื่องไม่ให้ดำเนินคดีกับนายประมาณ ตียะไพบูลย์สิน อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี และนายมานิตย์ สุธาพร กรณีทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามจนทำให้กรมบังคับคดีได้รับความเสียหาย ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน และมีมูลเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา จึงให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยและส่งเรื่องให้อัยการสู งสุด ฟ้องคดีต่อศาล
โดยคดีดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งมีนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน ทั้งนี้อนุกรรมการไต่สวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนคดีดังกล่าวเสร็จเ รียบร้อยแล้ว
“ป.ป.ช.จะชี้อย่างไรก็ว่ามา นอกจากนี้แล้ว ป.ป.ช.กำลังจะดำเนินคดีลูกน้องของคนเตี้ยแห่งสุพรรณบุรี เป็นผอ.สำนักชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท กรณีทุจริตต่อหน้าที่ เกี่ยวกับการปรับปรุงสันเขื่อน ทำนบดิน ขยายอาคารระบายน้ำ เขตท้องที่ ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ตามสัญญญาที่ สชป.12/4/2549 ลงวันที่ 26 มกราคม 2549 ตามหนังสือ ป.ป.ช.ที่ 0014/1622 ลงวันที่ 8 เมษายน 2551 ชี้มูลความผิดลูกน้องคนเตี้ยแห่งสุพรรณบุรีด้วย” นายสมเกียรติเปิดเผย
เปิดโปงแผน 7 ขั้นล้มสถาบัน
ต่อมา นายสมเกียรติได้เปิดเผยว่า ตนเองได้รับเอกสารลับจากนายทหารยศพลอากาศเอกท่านหนึ่งที่เปิดโปงถึงแผนการ 7 ขั้นของ ทรราชและกลุ่มคนผู้ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็เป็นจริงตามที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตรได้กล่าวมาตลอด โดยคนกลุ่มนี้พยายามใช้เงินซื้อประชาชนและใช้เงินซื้อทหารบางคน
“วันงานน้องโบว์ ทหารคนนึงก็ไปนั่งเฉย พอได้ยินเสียงมือตบนิดนึงก็ผวา ผวาเพราะว่ามือตบของพันธมิตรฯ หล่นเท่านั้นแหละ เลยรีบโทรศัพท์หาลูกน้องให้หารถยนต์ที่กันเสียงมือตบให้หน่อย” นายสมเกียรติ กล่าวติดตลก พร้อมกล่าวว่า ตนเองนัดพบกับ พล.อ.อ.ท่านนี้ในรถตู้เก่าๆ คันหนึ่งที่จอดอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่ง นายทหารอากาศคนดังกล่าววิเคราะห์กับตนว่า การต่อสู้อันเด็ดเดี่ยวของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นอยู่ในโค้งสุดท้ายแล้ว
“เขาบอกว่า โค้งสุดท้ายนี้จะมีคนบงการเพื่อเปลี่ยนการปกครองของประเทศ เป็นระบอบการปกครองที่ไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” นายสมเกียรติ กล่าว พร้อมระบุว่า แผนบันได 7 ขั้นเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์และยึดอำนาจในการปกครองประเทศนั้น มีรายละเอียดโดยคร่าว ดังนี้
1.สร้างความแตกแยก ให้แบ่งกันเป็นฝ่าย
2.ชี้นำกลุ่มที่แตกแยกสองข้างให้เอาชนะกัน
3.พัฒนาการต่อสู้ให้เข้มข้น โดยใช้อำนาจรัฐโดยเฉพาะรัฐตำรวจและใช้ความรุนแรงเป็นวิธีหลัก
4.ยกระดับความรุนแรงให้สูงขึ้น ต้องให้แต่ละฝ่ายทำร้ายกันและกันให้ได้
5.เมื่อปราบปรามใช้ความรุนแรงแล้ว ค่อยยกระดับความรุนแรงให้กลายเป็นจลาจล
6.เมื่อเกิดการจลาจลแล้วต้องพัฒนาให้กลายเป็นสงครามกลางเมือง
7.หลังเกิดสงครามกลางเมืองแล้วต้องก่อสงครามประชาชนทั่วประเทศ และกำจัดกลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วยให้หมดไป
ทั้งนี้ทั้งนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนั้นใกล้เคียงกับการเกิดพัฒนาเข้าสู่ขั้นที่ 5 แล้ว ทว่าแผนดังกล่าวไม่สำเร็จเพราะกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นผู้ที่ประท้วงด้วยความสงบ สันติ อหิงสาอย่างแท้จริง มิฉะนั้น สถานที่ราชการหลายแห่งต้องถูกเผาเรียบไปแล้ว ดังเช่นเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในอดีต
“ต้องขอบคุณท่านพลอากาศเอกท่านนี้มาก ขณะนี้เราอยู่เพียงขั้นที่ 4 เราไม่ยินยอม เราไม่ตั้งใจที่จะพัฒนาความรุนแรงแม้ตำรวจจะมาปราบปรามเราให้กลายเป็นขั้นที ่ 5 คือการจลาจล เผาบ้านเผาเมืองอย่างเด็ดขาดใช่ไหมครับพี่น้อง” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
สะใจ “เป็ดเฉลิม” แฉ “บิ๊กจิ๋ว” บงการ 7 ตุลาทมิฬ
จากนั้น นายสมเกียรติกล่าวถึง กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า แม้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรีจะลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ในคืนวันที่ 6 ต.ค. ก่อนเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรม 7 ต.ค. คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิตเป็นผู้ดูแลเหตุการณ์
“ขอบคุณ ดร.เฉลิมมากที่ซัดกันเอง แต่ต้องบอกมาว่าใครคือ ทรราช อาชญากร และบอกมาด้วยว่านอกจากจิ๋วแล้วยังมีใครอีก”
ในช่วงท้ายนายสมเกียรติกล่าวยืนยันว่า จากบทเรียนเมื่อวันที่ 7 ตุลาฯ ได้ย้ำเตือนแกนนำพันธมิตรฯ ว่า การเคลื่อนขบวนประชาชนแต่ละครั้ง จะต้องได้รับความมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า มวลชนจะต้องได้รับความปลอดภัยแน่นอน เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนอย่าใจร้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น