...+

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

“สมศักดิ์” อัดกลับนักวิชาการอย่าดีแต่พูด ยืนยันร่วมทุกข์สุขกับพี่น้องอีสานมาตลอด

     วานนี้ (21 ก.ย.) นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่หน้าทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า เราต่อสู้กันมานานยาว 4 เดือนเต็มเพราะเชื้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงอยู่เป็นรากเหง้าที่ยาวนาน หมดทักษิณ ก็สมัคร สุนทรเวช และต่อมาที่สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการเมืองเก่าที่ไร้ประสิทธิภาพนั่นเอง
      
       ทั้งนี้ ต้องดูที่ศาลฎีกา ที่มีคำสั่งให้ถอนสิทธิการเลือกตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งมีกฎหมายระบุว่าเมื่อหัวหน้าพรรค และรองหัวหน้ากระทำความผิดจึงมติให้มีการยุบพรรคดังกล่าว แต่ด้วยความล่าช้าของกระบวนการทำให้ยังไม่จบ แต่ถ้าทุกอย่างเสร็จสิ้นพรรคต้องหยุดดำเนินการทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้นายสมชายก็รู้ดี โดยเชื่อว่าถ้าไม่ใครเหนี่ยวรั้งเอาไว้ นายสมชายก็จะหมดสภาพและหมดสิทธิ์การเมืองไปแล้ว 5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาในเรื่องการสื่อสารของรัฐ และมีแต่พี่น้องที่ติดตามเอเอสทีวีที่รู้ว่าคนๆนี้ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกร ัฐมนตรีอย่างสิ้นเชิงไปตั้งนานแล้ว
      
       “เขาไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว คุณธรรม จริยธรรมอยู่ตรงไหน คุณสมัครเคยประกาศว่านักการเมืองต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง ต้องทำให้ถูกกฎหมาย คุณสมชายต้องรู้เมื่อยงยุทธมีความผิดนั่นก็ต้องยุบพรรค คณะกรรมการพรรคก็ไม่ควรเข้ารับตำแหน่งการเมืองอีกครั้ง”
      
       นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แม้นายสมชายขาดคุณสมบัติ แต่ยังไปถวายสัตย์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างซื้อสัตย์ ทั้งที่เขาทำผิดขาดคุณสมบัติอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเมื่อเป็นคนพูดเท็จอย่างนี้จะมีคุณสมบัติและจริยธรรมตรงไหน
      
       “ลูกเสือยังท่องเสียชีพอย่าเสียสัตย์ แต่คุณทำไม่ได้ ไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดี จะเชื่อถือได้หรือ รวมถึงการจัด ครม.ที่อ้างว่าไม่ได้มีใครสั่ง จะเชื่อถือได้หรือไม่ จึงอยากอธิบายให้พี่น้องได้ฟังอีกครั้งว่าอย่าไปหวังอะไรกับรัฐบาลนายสมชาย คนบ้างคนพูดเพราะแต่หน้าเนื้อใจเสือ ซึ่งตรงนี้ต้องขอให้พี่น้องดูเรื่องคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี”
      
       แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การเมืองเก่าเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวและสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติมามา กแล้ว ดังนั้นวันนี้เราต้องมาคิดถึงการเมืองใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาตนโดนกล่าวหาว่าไปดูถูกพี่น้องคนจน คนภาคอีสาน โดยเฉพาะนักวิชาการอย่างนายใจ อึ๊งภากรณ์ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ซึ่งขอย้ำว่าโดยส่วนตัวเป็นผู้ใช้แรงงาน ดังนั้น พี่น้องภาคอีสานส่วนตัวรู้จักพื้นเพดี เราช่วยเหลือคนจนมาโดยตลอด อาทิ กฎหมายกองทุนประกันสังคม แต่กลับกันนักวิชาการเหล่านี้อยู่ตรงไหนเวลาชาวบ้านเกิดทุกข์
      
       อีกทั้งที่ผ่านมา นักการเมืองภาคอีสานมีแต่รวยขึ้น ขณะที่ชาวบ้านยังแย่อยู่ แบบนี้เชื่อว่าพี่น้องชาวอีสานน่าจะคิดได้ว่าการเมืองแบบนี้น่าเอาไว้หรือ เพราะที่ผ่านมานักการเมืองเหล่านี้มันหลอกลวง ซึ่งวันนี้นักการเมืองเหล่านี้รวยทุกคน แต่พี่น้องภาคอีสานต้องมายื่นขอยืดชำระหนี้ ซึ่งส่วนตัวบอกว่าไม่ต้องพักหนี้ ให้ยกเลิกกันไปเลย เพราะเป็นหนี้ที่เกิดจากโครงการส่ง
       เสริมขิงรัฐ หนี้ไม่เป็นธรรมต้องยกเลิกไม่ต้องพัก ไม่ต้องจ่าย ถึงจะถูก
      
       “เราพูดเรื่องการเมืองใหม่ มันไม่เห็นด้วย นักวิชาการเหล่านั้นยังไม่เข้าใจเผด็จการทุนนิยมสามานย์ มันไม่ใช้ระบอบประชาธิปไตย ไม่เห็นคนพวกนี้มาพูดถึงการโกงการกินของนักการเมืองเหล่านี้บ้าง รวมถึงการที่สั่งให้นำทหารตำรวจมาล้อมจับ 9 แกนนำ ว่า 3 วันก็จับได้ แต่ความจริงขอท้าให้คนๆ นี้มาด้วย ดังนั้นนักวิชาการเหล่านี้ แบบนี้เราไม่น่ารับฟัง”
      
       โดยการเมืองใหม่ที่เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประม ุขอย่างแท้จริง ประชาชนมีส่วนร่วมและเป็นธรรมในทุกอำนาจฝ่ายทั้งเศรษฐกิจ และเรื่องต่างๆ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังตั้งแต่ประชาชนยึดทำเนียบถือว่าเป็นการมีส่วนร ่วม เริ่มตั้งแต่บางส่วน ส.ส.ต้องมาจากอาชีพแต่ละอาชีพมาเป็น ส.ส. คนในอาชีพนั้นๆ เป็นผู้เลือกเข้า และอำนาจหรือส่วนร่วมของประชาชนยังมีอยู่ตลอด
      
       ฉะนั้น การเมืองใหม่เมื่อเข้าสู่อำนาจ เวลาทำอะไรต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และพบทุจริตสามารถถอดถอนออกไปได้เลยในทันที ไม่เหมือนการเมืองเก่าที่พอรู้ตัวก็มูมมาม ต้องรีบโกงไปกินไปก่อนจะถูกปลด แบบนี้ไม่สมควร ซึ่งจริยธรรมแบบนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เหมือนกับครม.สมัครที่ผ่านมา ซึ่งน่าเกลียดจนรับไม่ได้
      
       “บ้านเมืองเราอาภัพ ที่มีคนเก่งแต่ไม่มีคนกล้าเหมือนพี่น้องพันธมิตรประชาธิปไตย เห็นได้ชัดจากการประกาศผ่านสื่อทีวีสาธารณะในเรื่องต่างๆ ที่มอมเมาประชาชนด้วยข้อมูลเท็จ ชั่วจริงๆ สร้างสถานการณ์ในเรื่องต่างๆได้ มากล่าวหาว่าเราเป็นกบฏ ทั้งที่รัฐบาลเองนั้นแหละที่เป็นกบฏเพราะจ้องล้มล้างรัฐธรรมนูญ”
      
       นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดังนั้นหน้าที่ของเราคือต้องปฏิเสธรัฐบาลชั่วขายชาติ ไม่โกงทรัพย์สมบัติรัฐประเทศ ไม่มีการซุกหุ้นฝากคนในครอบครัว แล้วเดินหน้าการเมืองใหม่ของเราให้ได้ โดยเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ล้างมันให้หมดสิ้นเสี้ยนหนามของผ่านดินพี่น้อง ขออย่าได้น้อยจนกว่าภารกิจจะเสร็จ นั่นคือสถาปนาการเมืองใหม่โดยเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นป ระมุข ซึ่งพี่น้องทุกคนยังมีภารกิจต้องทำอีกมาก เพื่อให้สิ่งที่เรามุ่งหวังสำเร็จ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น