วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีมือง ได้เสนอตัวเป็นตัวตั้งตัวตีในการขอรับบริจาคเงินจากพี่น้องพันธมิตรฯ เพื่อช่วยเหลือพนักงานเอเอสทีวีในเดือนนี้ ว่า รู้สึกเขินที่ต้องทำเรื่องแบบนั้น แต่ยอมรับว่า เวลานี้ได้กลืนเลือดจนไม่มีเลือดจะกลืนแล้ว พร้อมทั้งเปิดเผยรายจ่ายประจำวันในการถ่ายทอดสด รวมทั้งค่าใช้จ่ายทุกอย่างตลอด 24 ชั่วโมง เฉลี่ยแล้ววันละ 1 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อชุมนุมมา 116 วัน ก็รวมแล้วประมาณ 116 ล้านบาท ซึ่งล้วนเป็นเงินของพี่น้องประชาชนทั้งสิ้น
จากนั้น นายสนธิ ได้หยิบยกเรื่องวิกฤตการเงินในสหรัฐฯที่กำลังลุกลาม ล่าสุด บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจ รายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐฯได้เจ๊งไปแล้ว และเป็น 1 ใน 5 ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก และขณะเดียวกัน ในเวลานี้ 3 ใน 5 บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านั้นได้เจ๊งไปแล้ว และล่าสุด บริษัท เอไอจี ในอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอไอเอ ก็กำลังจะล้มตาม ต้องขอกู้เงิน 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาอุ้มจึงจะอยู่ได้ และถ้าบริษัท เอไอจี ล้มลง ก็ถือว่ากรณีของบริษัท เลห์แมนฯ เป็นเด็กอนุบาลไปเลย
นายสนธิ ได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งมีความพยายามจาก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะที่ปรึกษาต้องการนำงเงินคลังหลวงที่ค้ำประกันประเทศไทยประมาณ 8 แสนล้านบาท มารวมกันตั้งเป็นกองทุนมั่งคั่งมั่นคง เพื่อไปลงทุนในกองทุนในต่างประเทศ โดยจะไปลงทุนในเลห์แมนฯ แต่โชคดีบริษัทนี้เจ๊งไปก่อน แต่สะท้อนให้เห็นว่าคนพวกนี้คิดเพียงแค่หวังจะได้เงินค่าคอมมิชชันเท่านั้น โดยไม่ได้ดูผลกระทบระยะยาว
นายสนธิ กล่าวว่า นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่จะต้องสร้างการเมืองใหม่ ซึ่งการเมืองใหม่ไม่ใช่แค่ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมืองเท่านั้น แต่รวมถึงการทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และมองเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องสนับสนุนทุนใหญ่เสมอไป เราอาจถอยมาก้าวหนึ่ง เพื่อสนับสนุนชนชั้นกลางให้สามารถทำธุรกิจได้มากขึ้น ให้มีธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก ดีกว่ามีธุรกิจขนาดใหญ่ไม่กี่ราย ดังนั้น ไม่ใช่เฉพาะให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเดียว แต่ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรด้วย
นายสนธิ ได้เตือนให้เตรียมรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯให้ดี อีกทั้งเตือนว่า ค่าเงินบาทจะต้องอ่อนค่าลงไปอีก ภายในสิ้นปีนี้อาจจะไปถึง 40 บาทต่อดอลลาร์ก็ได้ และต่อไปนี้อย่าไปหวังพึ่งรัฐบาล เพราะเวลานี้คนพวกนั้นคิดเพียงแค่หารับประทานอย่างเดียว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ความเห็นของตนเองต่อไปนี้ อาจมีเสียงหัวเราะจากหลายคน โดยไปกังวลกับความรู้สึกของฝรั่งนักลงทุนต่างชาติ แต่เพื่อความอยู่รอดของประเทศและความเป็นอยู่ของเรา และลูกหลานเราในอนาคตเราก็จำเป็นต้องทำ โดยเริ่มจากสิ่งแรก คือ ต้องปิดประเทศเพื่อควบคุมการไหลออกของเงิน โดยอาจให้นำเงินบาทที่อยู่ในตลาดต่างประเทศมาแลกคืนภายใน 7 วัน หรือถ้าจะกู้เงินตราต่างประเทศก็ต้องกู้ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยเท่านั้น เพื่อป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทที่กำลังจะตามมาในเร็วๆ นี้ หลังจากนั้น สิ่งที่ต้องทำอันดับ 2 ต้องยกเลิกโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินโดยไม่จำเป็น เช่นการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน หรือการสร้างรัฐสภาใหม่ เพื่อลดภาระเงินกู้ชดเชยงบประมาณ และอันดับถัดมาต้องส่งเสริมการค้าภายในประเทศ ส่งเสริมกิจการขนาดย่อยและขนาดกลางให้มีจำนวนมาก
เห็นด้วยกับการเมืองใหม่ เป็นทางเลือกอนาคตที่ดีของชาติ และจะเป็นตัวอย่างของการเมืองโลก ปัจจุบันทฤษฎีการเมืองเศรษฐกิจตะวันตกสุดกู่ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสุดท้ายคือความหายนะ เราไม่จำเป็นต้องเดินตามตะวันตกอีกต่อไปแล้ว เช่น กรณีสหรัฐอเมริกาวันนี้เป็นตัวอย่าง
เชื่อว่า ผู้ที่ติดตามแนวคิดนี้ส่วนมากเห็นด้วย ปัญหาอยู่ที่"จะปฏิบัติได้หรือไม่"
อ ยากให้พยายามทำให้เป็น"รูปธรรม" ให้คนทั่วไปเห็น มิใช่เป็นแค่"นามธรรม" อยู่ในขณะนี้ คนทั่วไปจะไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไร โดยเฉพาะพวก"กลางกลวง" จะนำมากล่าวอ้างเบี่ยงเบนประเด็นกับประชาชนทั่วไปที่มิได้สนใจติดตามข้อเท็จ จริงต่างๆที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในอดีตที่ผ่านมา ว่าจะทำให้บ้านเมืองล่มจมได้อย่างไร
ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ศึกษารับผิดชอบแต่ละประเด็นจำลองการปฏิบัติให้เป็น"รูปธรรม" ให้ได้ และเผยแพร่ให้"ประชาชนทั่วไป" รับทราบ
ข อเน้น ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายๆคณะ ทำให้เป็นรูปธรรม ลดการด่ารัฐบาลซ้ำซากเพื่อความสะใจลงบ้าง ในประเด็นเดียวกันควรมอบหมายให้คนใดคนหนึ่งพูด และมีหลักฐานมาแสดงพอสมควรเพื่อมิให้ซ้ำซ้อนกัน มิฉะนั้นประชาชนจะเบื่อไม่เชื่อถือ
พันธมิตรเรามีผู้มีความรู้ความสา มารถมากมาย มาร่วมกันรับผิดชอบ ร่วมกันคิดร่วมกันทำ แยกความรับผิดชอบกันไปคนละคณะตามความรู้ความสามารถของตน "เราต้องทำได้แน่นอน"
การชุมนุมของพันธมิตรในขณะนี้ หากไม่มีรูปธรรมให้เห็นอย่างง่ายๆ จะเสื่อมลงเรื่อยๆ เพราะทุกวันนี้เป็นเพียง "นักร้อง"เท่านั้น มิใช่ "นักแสดง" ที่แท้จริง
ช่วยกันหน่อยนะครับ "เพื่ออนาคตของลูกหลานเรา"
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ซือกง หลกซือ
law_masters@hotmail.com
ถูกต้องแล้วครับ เราต้องช่วยเหลือตัวเอง ผมเป็นอาจารย์พิเศษ สอนอยู่ มหาวิทยาลัยที่ชอบเปิดศูนย์นอก และ ศูนย์ตามต่างจังหวัด ผมเห็นสภาพนักศึกษาแล้ว ซึ่งมีอายุ 20 ปี ไม่ว่าคุณจะหา ดร. หรือ ศาสตราจารย์ เก่งสักเท่าไรก็ ตาม นักศึกษา ที่ผมสอน ผมมองไม่ออกเลยว่า เขาเรียน ไปทำไมกัน และ ที่เขาเรียน ก็ ไม่รู้เรื่องเลย สมองเขาไม่รับ รู้ และส่วนใหญ่ก็กู้เงินรัฐบาลเรียนน่ะครับ ต่อไปอีกสามปี เด็กพวกนี้ จะทำมาหากินไรกัน เคยคิดบ้างไหม ตอนนี้ ที่เขามาเรียนก็ เพราะว่า เขาได้เงิน กู้ น่ะครับ แต่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หนี้ คือไร ผมคิดว่า ให้เขากู้เอาไป ประกอบอาชีพ ไม่ก็ ซื้อควาย สัก สี่ห้า ตัวให้เขาเลี้ยงดีกว่า ดีกว่า มาเรียน แล้ว ไม่มี อนาคต เลยว่า จะเอาไปใช้ อย่างไร มันเกินตัวเขามาก ๆ เลย อีก สามปี ก็ คงไม่มีไรเหลือแล้ว คงได้ ปฏิวัติ จากเด็กกลุ่มพวกนี้ ที่ไม่มีทางออก หรือ กลายเป็น คนไร้สมรรถภาพ ทางความคิด เป็นแน่ เลย
ป ิดประเทศ อ่ะดี แล้ว ทุกวัน นี้ เราอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า จอมปลอม หรือ Fake กันมากน่ะครับ เพราะ ชาติตะวันตก มันมา สร้างใว้ ให้ลูกหลานเราเสียคน แล ะต้องติดอยู่กะ มัน ต้อง บริโภคแบบมันล้วนแล้วแต่ เกิดความหายน่ะ อย่างใหญ่หลวง วันนี้ ก็ มาถึงแล้ว ขนาดมันยังล่มเลย แล้วจะเอามันมาเป็นตัวอย่างได้อย่างไร พวกนักการเมืองก็ เขามากิน กัน นี่แหละ ประเทศไทยวันนี้ ผู้ใหญ่ ก็ หัดคิดน่ะครับว่า ผลิต นักศึกษาออกมากันเยอะ ๆ แล้ว เคยมองเห็น งาน ที่จะให้เขาทำไหม หมดค่่าน่ะครับ ไม่ว่าจะจบ ใบปริญญาใดก็ ตามก็ ไม่มี ความสามารถ หรือไม่ก็ ไม่มีงานให้เขารองรับ หมดท่า และ อีกอย่างน่ะครับ ภาษี เราสูญเสียไปเท่าไร ให้ควาย มากู้ เงินไปเรียน แต่ ไม่มี ปัญญาจ่าย หลังที่จบแล้ว เคยมองปัญหากันบ้างไหม ป ตรี บอกใว้เลยตอนนี้ กบเดินในกะลา กันทั้งนั้น ทั้งผู้สอน และ ผู้เรียน เดินย่ำ และ ล้าหลัง มาก ๆ นี่แหละ เคยคิดกันบ้างไหม อธิการ ม ราชภัฏ ทั้งหลาย ที่กระหาย เงิน จากนักศีกษา หัดคิดบ้างน่ะครับ ถ้าไม่มี ปัญญาหางานให้ นศ ที่จบได้ ก็ ลาออกไปส่ะ หรือ ไม่ก็ ปิดสาขานั้นไปเลย หัดคิดใหม่ ทำใหม่ บ้างน่ะ ครับ ชาติ มี แต่ บุคลากร ที่ไร้ปัญญา
Kasipob359
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น