ที่ประชุม 3 ฝ่าย วิปรัฐบาล ผู้นำฝ่ายค้าน และ วุฒิสภา เห็นชอบเสนอให้ประธานวุฒิฯ เป็นตัวกลางเดินหน้าเจรจารัฐบาล และพันธมิตรฯ ยุติปัญหา อย่างเป็นกลาง ไม่แบ่งขั้ว เดินหน้า 8 ก.ย.นี้ เชื่อประชามติไม่ทันต่อสถานการณ์ในขณะนี้
วันนี้ (5 ก.ย.) ในการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตัวแทนประธานสภาผู้แทนราษฎร คือนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาคนที่ 1 และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาคนที่ 2 นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเผชิญหน้าระหว่างพันธมิตรฯกับรัฐบาล
ทั้งนี้ ภายหลังการหารือ นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหา และสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น แม้ฝ่ายบริหารพยายามจะคลี่คลาย แต่ปัญหาทั้งหมดเป็นปัญหาการเมือง จึงต้องพยายามที่จะคลี่คลายด้วยการเมือง ฝ่ายนิติบัญญัติก็มีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหารือกันเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง ดังนั้นหน้าที่ของเรา คือ การช่วยกันประคับประคองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เราต้องช่วยกันให้สังคมหาทางออกได้ โดยไม่ใช้วิธีการที่นอกเหนือรัฐธรรมนูญ
“ที่ประชุมจึงเห็นตรงกัน ว่า สถานการณ์ในปัจจุบันยังมีความเสี่ยงและล่อแหลมต่อการเกิดความรุนแรง ดังนั้น ทั้ง 3 ฝ่าย เห็นว่า การแก้ไขปัญหาจะต้องไม่มีการใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน การหาทางออกก็เป็นเรื่องเร่งด่วนเช่นเดียวกัน แม้ว่ารัฐบาลมีแนวคิดในการทำประชามติเพื่อหาทางออกต่อปัญหาที่เกิดขึ้น แต่กระบวนการทำประชามติต้องรอกฎหมาย ซึ่งเพิ่งผ่านวาระ 1 ของวุฒิสภาในช่วงเช้าที่ผ่านมา ดังนั้น จึงต้องใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าจะทำประชามติได้ จึงไม่น่าจะทันกับสถาการณ์ในการคลี่คลายปัญหา สิ่งที่ตกลงกัน คือ การแสวงหาทางออกด้วยการเจรจาน่าจะทำให้เกิดความเข้มข้นมากขึ้น ตามแนวทางของ ผบ.ทบ.ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกัน และในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ จึงได้มอบหมายให้ประธานวุฒิสภา ดำเนินการในส่วนของการเจรจา เพื่อให้การดำเนินการหาทางออก ทั้งให้ทั้งสองฝ่ายมาหารือกันเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงและเป็นเอกภาพ กับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง โดยประธานวุฒิสภายินดีรับหน้าที่นี้ และจะเริ่มต้นทันที นอกจากนี้ ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรจะใช้เวลาในช่วงนี้พยายามทำความเข้าใจกับ ส.ส.ของแต่ละพรรคเพื่อลดความร้อนแรงของสถานการณ์ เพื่อร่วมคิดหาทางออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะเริ่มทำทันที โดยในที่ 8 ก.ย.นี้ประธานวุฒิสภาจะเชิญทุกฝ่ายประชุมอีกครั้ง และอาจจะมีการขยายวงออกไป เพื่อให้มีส่วนต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และทุกฝ่ายจะได้นำผลสรุปทั้งหมดมา รายงานในที่ประชุมในวันที่ 8 ก.ย.นี้
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ได้มอบหมายให้ประธานวุฒิสภาเป็นตัวกลางในการเจรจา เนื่องจากไม่ได้สังกัดพรรคไม่มีฝักไม่มีฝ่าย และเชื่อว่า เป็นที่ยอมรับนับถือของสังคมโดยทั่วไป ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของประธานวุฒิสภาที่จะไปประสานงานกับ ผบ.ทบ.ส่วนวิธีการรายละเอียดขึ้น อยู่กับการตัดสินใจของประธานวุฒิสภา โดยทั้งหมดจะต้องมีการตั้งเงื่อนไขให้น้อยที่สุด เพื่อนำไปสู่ผลสรุปของการเจรจา ถ้าตั้งเงื่อนไขมากจะทำไม่ได้ ที่สำคัญ การทำงานต้องใช้ความละเอียดอ่อน และความสามารถในการโน้มน้าวและการบริหารจัดการภายใน ซึ่งทั้งหมดต้องโปร่งใสเปิดเผย และอยากให้ประธานวุฒิสภาได้ทำงานด้วยความอิสระ อย่าไปกดดัน หรือคาดคั้น ขอให้ท่านได้มีเวลาทำงาน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีการประชุมร่วม 2 สภาอีก เพราะการหารือยังไม่ออกมาเป็นผลอะไร การประชุมซ้ำจึงไม่จำเป็นอีก ดังนั้น ควรจะใช้แนวทางเจรจามากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น