...+

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

“สนธิ” ย้ำ รบ.ขายชาติต้องไล่ออกสถานเดียว แค่เปลี่ยน รมต.ทวง “พระวิหาร” ไม่สำเร็จ

“สนธิ” ฟันธงจะปรับ ครม.เปลี่ยนรัฐมนตรีต่างประเทศอีกร้อยคนก็แก้ปัญหาปราสาทพระวิหารไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายรัฐบาลขายชาติ ย้ำปล่อยให้อยู่ต่อไปประเทศฉิบหายแน่ ชี้เหตุการณ์สั่งอันธพาลออกมาสร้างความรุนแรงป่าเถื่อนสะท้อนการดิ้นรนระยะส ุดท้ายแล้ว
      
       คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
      
       วันนี้ (28 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีสะพานมัฆวานฯ โดยย้ำว่า แม้รัฐบาลจะแต่งตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศอีกสักร้อยคนก็ไม่มีทางแก้ปัญหาปราสา ทพระวิหารได้เลย และว่าหากรัฐบาลชุดนี้อยู่อี 1 วันก็จะเสียหาย 1 วัน อีก 1 วินาทีก็จะเสียหาย 1 วินาที และถ้ายังอยู่ต่อไปประเทศฉิบหายแน่นอน
      
       นายสนธิ เสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาเรื่องปราสาทพระวิหาร หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ว่า สิ่งที่ต้องทำมีหลายข้อ ดังนี้ 1.ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีชุดที่แล้วที่ไปให้ความเห็นชอบในแถลงการณ์ร่วมให้เขม รขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร 2.ตั้งคณะกรรมการอิสระที่เป็นกลาง และสังคมให้ความเชื่อถือมาไต่สวนหาความผิด 3.จากนั้นให้แจ้งไปยังสหประชาชาติว่ามีการฉ้อฉลและให้รื้อฟื้นคดีปราสาทพระว ิหารขึ้นมาใหม่ 4.ขอลาออกจากองค์การยูเนสโก และขอคืนสถานภาพโบราณสถานที่ยูเนสโกขึ้นทะเบียนเอาไว้ในประเทศไทยทั้งหมด 5. เรียกทูตเขมรมารับทราบว่าไทยไม่ยอมรับแผนที่ที่เขมรอ้างฝ่ายเดียว และจะไม่ยอมรับเด็ดขาด
      
       5.ตั้งทูตพิเศษเดินสายชี้แจงประเทศที่เป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหป ระชาชาติ พร้อมล็อบบี้ทั้งทางลับและเปิดเผย และชี้ให้เห็นว่าราเคยถูกฝรั่งเศสรังแกอย่างไร 6.แจ้งคนไทยตามแนวชายแดนรับทราบสถานการณ์หากมีตวามจำเป็นต้องปิดชายแดน 7.เสนอเจรจากับเขมรแบบทวิภาคี โดยยืนยันยึดสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน หากตกลงกันไม่ได้ ก็ให้ยึดคำตัดสินของศาลโลกชั่วคราวนั่นคือให้เขมรถอนทหารกลับไปที่ปราสาทพระ วิหาร ซึ่งไทยต้องรักษาอธิปไตยแม้จะเกิดสงครามก็ยอม เป็นต้น
      
       นายสนธิ กล่าวว่า การยืนกรานท่าทีของไทยแบบนี้ย่อมทำให้เขมรโกรธ แต่ไม่กล้าทำสงครามกับไทย แต่ที่ผ่านมามีความก้าวกร้าวกับไทยเพราะมีรัฐบาลขายชาติ และถ้าเขมรหันไปพึ่งเวียดนามก็จะมีปัญหาในลักษณะเดียวกันระหว่างคนเขมรกับคน เวียดนามอีก
      
       นายสนธิ กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์ไปถึงขั้นที่สหประชาชาติเข้ามาแล้ว ถึงตอนนั้นไทยมีความได้เปรียบ และว่าเมื่อเราลาออกจากยูเนสโกแล้วและเมื่อกรรมการ 7 ชาติที่บริหารปราสาทพระวิหารก็จะไม่ให้ใช้เขตแดนไทยเป็นทางผ่าน หากเข้าปราสาทพระวิหารให้ขึ้นจากฝั่งเขมรโดยนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปลงที่นั่น ถ้าเป็นดังนี้ทุกอย่างก็จะย้อนกลับไปสมัย 2505 ที่เขมรได้ไปเฉพาะปราสาท
      
       “รัฐบาลชุดนี้จะปรับคณะรัฐมนตรีอีกกี่ครั้งก็ไม่มีความหมาย และเชื่อว่า นายเตช (บุนนาค) แก้ปัญหาปราสาทพระวิหารไม่ได้ เพราะนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ขายชาติ” นายสนธิ ระบุ
      
       จากนั้นได้เปิดคลิปเสียงขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยปราศรัยกับกลุ่มกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าชมรมรัก อุดรที่นำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา นักจัดรายการ ที่นำม็อบถ่อยไปรุมทำร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ เมื่อครั้งเดินทางไปตรวจราชการที่ภาคอีสาน อย่างไรก็ดีในคลิปเสียงดังกล่าว ร.ต.อ.เฉลิม กลับกล่าวชมกลุ่มชมรมคนรักอุดรฯ ในขณะนั้นว่าเคารพประชาธิปไตย แต่กลับกล่าวหาว่าพันธมิตรที่กระบี่เป็นม็อบเถื่อน
      
       นายสนธิ กล่าวว่า จากภาพชี้ให้เห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิมและนายขวัญชัยมีความใกล้ชิด ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นนักการเมือง และต้องถูกดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งโทษถึงขั้นจำคุก
      
       “ใกล้ถึงเวลาสิ้นสุดเพราะสังเกตจาการมีปฏิกิริยาจากจากพวกอันธพาล เพราะถ้าพวกเขาได้เปรียบเขาจะไม่สนใจ และวันนี้ 3 รัฐมนตรีที่ถูกศาลฎีกาฯรับฟ้องคดีหวยบนดิน ก้ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้ามีความผิดตามมาตรา 157 และสองสามวันจะมีคดีอย่างต่อเนื่อง วันที่ 31 มีการตัดสินคดีของคุณหญิงพจมาน ถ้าศาลจำคุก แม้ว่าสามารถอุทธรณ์ได้ แต่ถ้าศาลไม่ให้ประกันละ ทุกอย่างเป็นไปได้" นายสนธิ กล่าว และว่าหากเปรียบเหมือนเชือกที่ขมวดเข้ามาจนใกล้ขาดแล้ว ให้อดทนอีกนิด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น