...+
▼
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2551
เรื่องน่ารู้ของ แอปเปิ้ล
แม้แอปเปิ้ลจะไม่ใช่ผลไม้ไทย
แต่พวกเราส่วนใหญ่ก็เคี้ยวกันกรุบกรอบไม่เคยรู้สึกแปลกลิ้น
เพราะรสหวานอมเปรี้ยวเนื้อแน่นกลิ่นหอมเฉพาะตัวเป็นที่ถูกใจคอผลไม้
และที่สำคัญแอปเปิ้ลเข้าสู่ตลาดเมืองไทยตั้งแต่ยุคคุณยายยังสาวนั่นเชียว
ในเภสัชโภชนาภาคหนึ่ง
ผมเคยกล่าวถึงความพิสดารของแอปเปิ้ล
ในแง่เป็นยาป้องกันโรคหลายชนิด
วันนี้เรามาเรียนรู้แอปเปิ้ล
ในแง่โภชนาการรวมถึงเกร็ดสุขภาพต่างๆ
ผลไม้ของอดัม
อดัมกับอีวาเป็นมนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าสร้างให้อยู่ในสวนอีเดน
คัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่าอดัมขโมยกินแอปเปิ้ลต้องห้าม
ถูกพระเจ้าจับได้ลงโทษให้ชิ้นแอปเปิ้ลที่กำลังกลืนคาอยู่ตรงคอ
กลายเป็นลูกกระเดือก หรือ Adam\'s AppIe
ซึ่งยังมีเฉพาะในผู้ชายที่เป็นลูกหลานอดัมจนทุกวันนี้
นี่ถ้าพี่เเก่กินกล้วยเข้าไปทั้งลูกแล้วโดนสาปคงพิลึกกว่านี้อีก
ผู้เชียวชาญด้านพระคัมภีร์แย้งว่า
ไบเบิ้ลไม่ได้ระบุว่าผลไม้ที่อดัมกินคือแอปเปิ้ล
เพียงบอกว่ากินผลไม้ต้องห้าม
คนทั่วไปคิดเอาเองว่าเป็นแอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นพืชตระกูลเดียวกับกุหลาบ
มีการค้นพบซากฟอสชิลแสดงให้เห็นว่า
มนุษย์รู้จักเก็บรวบรวมแอปเปิ้ลมากินเป็นอาหารกว่าห้าพันปีแล้ว
ชาวอียิปต์และโรมันรู้จักเพาะปลูกแอปเปิ้ล
และได้รับการขยายพันธุ์คัดเลือกพันธุ์แพร่สู่ยุโรป
นักล่าอาณานิคมนำแอปเปิ้ลไปสู่อเมริกา
และมีการทำสวนเกษตรแอปเปิ้ลเริ่มแรกในแมสซาชูเส็ทส์และเวอร์จิเนีย
ตำนานอเมริกันยกย่องให้ Johnny Appleseed
หรือชื่อจริง Jonathan Chapman
เป็นผู้แพร่กระจายพันธุ์แอปเปิ้ลไปทั่วอเมริกา
ความที่แอปเปิ้ลเป็นที่รู้จักกันมาแต่โบราณในยุโรป
มันจึงกลายเป็นตัวเปรียบเทียบเมื่อกล่าวถึงผลไม้รุ่นหลัง เช่น
-มะนาวและลูกพีชเคยได้ชื่อว่า "เปอร์เชียนแอปเปิ้ล"
เมื่อครั้งที่เข้าไปในยุโรปใหม่ๆ
-มะเขือยาวเคยมีชื่อเรียกว่า "Mad Apples" หรือแอปเปิ้ลบ้า
เพราะฝรั่งโบราณเชื่อว่าพืชจำพวกมะเขือ (Night Shade หรือ Solanum)
กินแล้วจะกลายเป็นบ้า
-มะเขือเทศมีชื่อว่า "Love Apples"
-ทับทิมเรียก "Apple of Cartilage"
-ชาวกรีกเรียกแอปริคอท ว่า "Armenian Apple"
-ผลไม้จำพวกอินทผลัมได้ชื่อว่า "Finger AppIes"
ทุกวันนี้ แอปเปิ้ลกลายเป็นผลไม้ประจำบ้านของชาวอเมริกันจนมีสำนวนว่า
"As American as Apple-Pie"
และแม่มักสอนลูกให้กินแอปเปิ้ลวันละผลด้วยคำกลอนว่า
"An apple a day can heIp keep the doctor away"
อันหมายความว่ารับประทานแอปเปิ้ลวันละผลจะช่วยให้ไม่ต้องไปหาหมอ
เพราะแอปเปิ้ลช่วยให้มีสุขภาพดีนั่นเอง
ผู้หญิงกับแอปเปิ้ล
ชาวกรีกเปรียบเทียบแอปเปิ้ลกับผู้หญิง
ลูกแอปเปิ้ลเป็นตัวแทนของหน้าอก
เมล็ดแอปเปิ้ลหมายถึงการดั้งครรภ์
และต้นแอปเปิ้ลหมายถึงหญิงมีครรภ์
ในสังคมตะวันตกแอปเปิ้ลเกี่ยวพันกับความรักมาก
จนมีคำกล่าวว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีแอปเปิ้ล
(Where there is love, there is an appIe)
ตั้งแต่อดีตมามีการใช้แอปเปิ้ลในพิธีบวงสรวงเทวีแห่งความรัก
"อะโฟรไดท์ "(Aphrodite)
ชายชาวนาชนบทอเมริกันเมื่อร้อยปีที่แล้วมีวิธีเลือกคู่โดยใช้เมล็ดแอปเปิ้ล
วิธีการคือหาเมล็ดแอปเปิ้ลมาเท่ากับจำนวนหญิงที่ไปติดพัน
ตั้งชื่อเมล็ดแอปเปิ้ลตามชื่อหญิงแต่ละคน
จากนั้นใช้นิ้วดีดเมล็ดขึ้นไปให้สูงสุด
ถ้าเมล็ดไหนชนเพดาน แสดงว่าหญิงคนนั้นคือคู่ครองในอนาคต
วิธีเสี่ยงทายแบบนี้สืบค้นย้อนหลังไปได้ถึง ๒,๐๐๐ ปี
ใครที่ชอบภูตผีปีศาจอาจลองอีกวิธีคือ ก่อนเที่ยงคืนฮาโลวีน
จงนำแอปเปิ้ลและเทียนหนึ่งเล่มเข้าไปในห้องมืด ยืนหน้ากระจก
เฉือนแอปเปิ้ลเป็นชิ้นเล็กๆ โยนผ่านไหล่ขวาและกินที่เหลือ พร้อมก้บแปรงผมไปด้วย
ห้ามมองไปด้านหลังจนกว่าเที่ยงคืน
ภาพชายว่าที่สามีคุณจะปรากฎในกระจก
คุณค่าทางโภชนาการ
แอปเปิ้ลให้คาร์โบไฮเดรตและวิตามินซี
ซึ่งปริมาณวิตามินซีมากน้อยขึ้นกับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว
และความสดแอปเปิ้ลที่เก็บไว้นานเนื้อนิ่ม จะสูญเสียตามินซีไปมาก
เนื้อแอปเปิ้ล ๑ ขีด
ให้พลังงานราว ๕๙ แคลอรี่ ซึ่งจัดว่าน้อย ไม่ทำให้อ้วน
วิตามินซีมีประมาณ ๖ มิลลิกรัม ซึ่งก็นับว่าน้อยด้วยเช่นกัน
พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจ
แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและช้าค่อยเป็นค่อยไป
เพราะมันมีน้ำตาลฟรุคโตสเป็นองค์ประกอบหลัก
ฟรุคโตสเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้าๆในร่างกาย
ผลที่ตามมาคือระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะคอยเพิ่มสม่ำเสมอ
ไม่สูงฮวบฮาบเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวาน
ในแง่โภชนาการแอปเปิ้ลไม่ใช่ผลไม้ระดับแนวหน้า
อย่างส้ม ฝรั่ง กล้วยหอม ซึ่งมีวิตามินเกลือแร่เป็นกอบเป็นกำมากกว่า
แต่หากคุณกินแอปเปิ้ล ๒-๔ ลูกต่อวัน
คุณจะได้รับไฟเบอร์ทั้งชนิดละลายและไม่ละลายในปริมาณน่าพอใจ
และยังมีวิตามินซีปานกลาง
ส่วนเบต้าแคโรทีนจะได้รับต่อเมื่อคุณกินแอปเปิ้ลทั้งเปลือก
แอปเปิ้ลยังมีแร่ธาตุน่าสนใจสองตัว คือโปแตสเซียมและโบรอน
นอกจากนี้ก็มีอย่างละเล็กละน้อย
เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ทองแดง
แอปเปิ้ลไซเดอร์
ผลผลิตแอปเปิ้ลทั่วโลกตกราว ๓๒ ล้านตันต่อปี
มากกว่าครึ่งใช้รับประทานสด
ที่เหลือนำไปใช้ทำน้ำส้ม น้ำผลไม้ เยลลี่
ทำผลไม้กระป๋อง ไวน์ บรั่นดี เนยแอปเปิ้ล
หนึ่งในสี่ของผลผลิตแอปเปิ้ลโลกจะถูกทำเป็นไซเดอร์(Cider)
ไซเดอร์ดืออะไร
เราได้ยินชื่อนี้มานานแต่ไม่ค่อยรู้ความหมายลึกซึ้ง
แท้ที่จริงไซเดอร์คือน้ำคั้นแอปเปิ้ลนั่นเอง
ความที่แอปเปิ้ลมีทั้งหมดราว ๗,๕๐๐ สายพันธุ์ ปลูกกระจายอยู่ทั่วโลก
บางพันธุ์ก็ใช้เป็นอาหาร กินดิบ ปรุง อบ
แต่บางพันธุ์รสเปรี้ยวเนื้อไม่กรอบแต่ดก
ชาวบ้านก็ดัดแปลงทำเป็นไซเดอร์
ไซเดอร์ในดวามหมายอเมริกันดือน้ำคั้นแอปเปิ้ล
ถ้าคั้นสดๆเรียกสวีทไซเดอร์
และถ้านำไปหมักจะได้ฮาร์ดไซเดอร์
แต่ถ้าใช้ค่านี้ในแถบยุโรป จะหมายถึงน้ำคั้นแอปเปิ้ลที่หมักแล้ว
ไซเดอร์แอปเปิ้ลมีไขมัน โปรตีน วิตามินซี และวิตามินเอค่อนข้างต่ำ
มีคาร์โบไฮเดรตปานกลาง
โดยคาร์โบไฮเดรตจะอยู่ในรูปน้ำตาลที่ดูดซืมได้อย่างรวดเร็วถึง ๗๕%
ดังนั้นแอปเปิ้ลหรือน้ำแอปเปิ้ลจึงแก้อ่อนเพลียได้อย่างดี
ไฟเบอร์จากแอปเปิ้ลดีอย่างไร
คุณอาจเคยได้ยินอาหารเสริมไฟเบอร์
ชื่งสกัดจากผลแอปเปิ้ลโฆษณาขายทั่วไป
มีคนเคยถามผมว่ามันดีอย่างไร
แอปเปิ้ลเป็นแหล่งไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำที่ดีครับ
แอปเปิ้ลขนาดกลางหนื่งลูก
จะให้ไฟเบอร์ราว ๑๗ % ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
ไฟเบอร์ร้อยละ ๘๑ เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายชื่อ "เพคติน"
มีคุณต่อหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานและคนที่โคเลสเตอรอลสูง
เพคตินเป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้
เมื่อผสมในน้ำจะทำให้น้ำข้นและใสคล้ายวุ้นเช่นที่เราเห็นในเนื้อแยม
เมื่อนำผลไม้มากวนทำแยม
แยมจะข้นเหนียวเพราะน้ำตาลและสารเพคตินนี้เอง
นอกจากเพคติน ในแอปเปิ้ลยังมีไฟเบอร์อีกชนิดเรียกเซลลูโลส
ซื่งละลายน้ำไม่ได้ ไฟเบอร์ทั้งสองไม่ย่อยสลายด้วยน้ำย่อยในกระเพาะ
จึงไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย
แต่ครั้นเดินทางถึงลำไส้ใหญ่
แบคทีเรียบริเวณนี้จะสามารถย่อยสลายไฟเบอร์
ให้กลายเป็นกรดไขมันสั้นๆหลายชนิด
ตัวที่นักวิทยาศาสต์สนใจคือ กรดบิวทายริก (Butyric Acid)
ซึ่งเชื่อว่ามีฤทธิ์ปกป้องเซลล์ลำไส้ใหญ่ให้ปลอดจากมะเร็งได้
พบจากการศึกษาว่าคนที่มีระดับกรดบิวทายริกในลำไส้ใหญ่ต่ำ
จะเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้และโรคลำไส้อักเสบสูงกว่าคนปรกติ
สารเพคตินและอะไรอีกบางอย่างในแอปเปิ้ล
ยังช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลได้ถืง ๑๐%
ซึ่งเท่ากับโอกาสเสี่ยงจากการที่มีไขมันอุดตันในเส้นเลือด
ที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจย่อมลดลงด้วย
จึงเชื่อว่าผลไม้ที่มีเพคตินและเซลลูโลส
สามารถป้องกันมะเร็งและลดโดเลสเตอรอลได้
ไม่เฉพาะแอปเปิ้ลหรอกครับ
ผลไม้ทุกชนิดมีเชลลูโลสอยู่แล้ว
และหลายชนิด เช่น แอปเปิ้ล สตอเบอรี่ ส้ม สับปะรด
ล้วนเป็นแหล่งที่ดีของเพคติน
แอปเปิ้ลกับเชื้อไวรัส
เชื้อไวรัสไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในน้ำแอปเปิ้ล
การศึกษาในแคนาดาพบว่า
น้ำแอปเปิ้ลที่ซื้อจากห้างสรรพสินค้าทั่วไป
สามารถระงับการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสโปลิโอในหลอดทดลองได้
เมื่อเทียบกับน้ำผลไม้และเครื่องดื่มอีก ๑๘ ชนิดที่วางขายทั่วไป
พบว่าน้ำแอปเปิ้ลมาอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยน้ำองุ่นและน้ำชา
ซึ่งทั้งสามสามารถกำจัดไวรัสได้หมด ๑๐๐%
และต่อมายังพบว่าคนที่กินแอปเปิ้ลบ่อยๆ
จะไม่ค่อยเป็นโรคจากไวรัสเช่นหวัด
และโรคในทางเดินหายใจตอนบน
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
เรียกแอปเปิ้ลว่าเป็นผลไม้สุขภาพยอดเยี่ยม
พวกเขาได้ทำการศึกษาๆในปี ค.ศ. ๑๙๖๑
โดยเปรียบเทียบประวัติเด็กนักเรียน ๑,๓๐๐ คน
พบว่าเด็กที่กินแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ประจำตัวนานสามปีขึ้นไป
จะมีประวิติไปพบแพทย์น้อยกว่าพวกที่ไม่ชอบแอปเปิ้ลถึงหนึ่งในสาม
และมีสุขภาพโดยรวมดีกว่า
แอปเปิ้ลลดความอ้วน
คาร์โบไฮเดรตในแอปเปิ้ลถึง ๗๕%
อยู่ในรูปน้ำตาลฟรุคโตสซึ่งร่างกายจะนำมาใช้อย่างช้าๆ
ทำให้ระดับน้ำตาลไม่สูงหรีอต่ำเร็วเกินไป
แอปเปิ้ล จึงช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน
จากการทดลองพบว่าแอปเปิ้ลผลเท่านั้นที่มีฤทธิ์เช่นว่า
น้ำแอปเปิ้ลไม่ทำให้คุณหายหิว
ใครต้องการลดความอ้วน
ลองเลือกแอปเปิ้ลผลไม้ระหว่างมื้อ
แทนของว่างจำพวกขนมกรุบกรอบดีกว่ากันเยอะเลยครับ
ข้อควรรู้ในการเลือกซื้อ
เรามักเห็นแอปเปิ้ลวางขายทั่วไปตามตลาดสด
หรือตลาดหนีภาษีโดยไม่แช่เย็น
จนเข้าใจว่าแอปเปิ้ลสามารถเก็บได้โดยไม่ต้องแช่
อันที่จริงมิได้เป็นเช่นนั้น
แอปเปิ้ลสามารถเสื่อมสลายได้เหมือนผลไม้ทั่วไป
เพียงแต่ว่าเปลือกนอกหนาสามารถรักษาความชื้นในเนื้อไว้ได้ดี
จึงดูเหมือนกับยังสดอยู่เสมอทั้งที่วิตามินเกลือแร่ยังคงสลายตัวไปเรื่อยๆใน ๒-๓
วัน
ดังนั้นจึงไม่ควรซื้อแอปเปิ้ลที่ไม่แช่เย็น
หากคิดจะได้คุณค่าของวิตามินให้คุ้มเงินที่เสียไป
แอปเปิ้ลที่ไม่แช่จะค่อยๆสุกจัดตามเวลาและไอร้อนของอากาศ
เนื้อและรสชาติจะเปลี่ยนใน ๒-๓ วัน เนี้อรอบแกนจะคล้ำเป็นสีน้ำตาล
เนื้อแอปเปิ้ลที่ดีจะต้องแข็ง หากคุณสามารถบีบให้ยุบได้ด้วยแรงจากนิ้ว
แสดงว่ามันสุกเกินควรแล้ว
การแช่เย็นช่วยรักษาคุณภาพแอปเปิ้ลไว้ได้นานหลายเดือน
แต่ควรใส่ในถุงพลาสติก
แม้ผิวนอกจะดูสวยน่ากัด แต่คุณควรล้างแอปเปิ้ลทุกดรั้ง
เพราะผิวแอปเปิ้ลมักเคลือบไขผึ้ง หรือ Wax
จากเมืองนอกเพื่อให้สินค้าดูใหม่สดช่วยเก็บรักษาได้นาน
ตัวไขผึ้งปลอดภัยต่อการบริโภค
แต่มันอาจเคลือบสารพิษตกค้างเช่นอะลาร์
หรือสปอร์ของเชื้อราไว้ข้างใต้
ไขผึ้งไม่ละลายน้ำจึ งล้างให้สะอาดด้วยน้ำได้ยาก
ควรใช้น้ำยาสำหรับล้างผักผลไม้โดยเฉพาะ
แอปเปิ้ลปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นทิ้งไว้มักดำคล้ำไม่น่ากิน
แก้โดยทาผิวส่วนที่ปอกด้วยน้ำมะนาว
หรือแช่ในน้ำเย็นจัดทันทีหลังปอก
เบื่อแอปเปิ้ลสด ก็สามารถดัดแปลงง่ายๆ
ทำแอปเปิ้ลอบไมโครเวฟเหมาะสำหรับเป็นอาหารเช้า ของว่าง ของหวาน
วิธีการคือนำแอปเปิ้ลคว้านไส้แล้วใส่ในถ้วยขนม
เติมน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ลงพอประมาณ
ใส่ไส้ด้วยสูตรตำรับอะไรก็ได้ที่ชอบ
หรือจะทิ้งกลวงโบ๋ก็ตามใจ
ปิดปากถ้วยด้วยกระดาษไขหรือพลาสติกห่ออาหารชนิดกันความร้อน
นำอบ ในเตาไมโครเวฟ ๒-๔ นาที ทิ้งให้อุ่น กินอร่อยดี
อะลาร์ (Alar) สารตกค้าง
ในเมืองไทยเคยมีข่าวฮือฮาเรื่องสารอะลาร์
ตกค้างในผลแอปเปิ้ลที่ส่งจากนอก
ต่อมาก็เงียบหายไปจนดูเหมือนว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วครั้งชั่วคราว
แต่ที่จริงการรณรงค์และเฝ้าระวัง
มิให้ใช้สารอะลาร์เพื่อการผลิตแอปเปิ้ล
ยังคงดำเนินต่อในประเทศผู้ผลิต โดยมีกลุ่มองค์การ NGO
และองค์กรพิทักษ์ผลประโยชน์ผู้บริโภคช่วยกันติดตามตรวจสอบ
ประมาณปีพ.ศ.๒๕๓๒
ข่าวสารอะลาร์ตกค้างในแอปเปิ้ลถูกนำมาเปิดโปง
ประชาชนรุมประณามผู้ผลิต และเรียกร้องให้ยุติการใช้อะลาร์
กล่าวกันว่าประชาชนไม่ได้กลัว
แต่เป็นกบฏต่ออะลาร์เลยทีเดียว
มีคำว่า Alar Rebellion เกิดขึ้น
อะลาร์เป็นฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตในพืช
ผลิตโดยบริษัหยูนิรอยัล สหรัฐอเมริกา
เมื่อฉีดสเปรย์อะลาร์ไปที่ต้นแอปเปิ้ลที่ออกผล
มันช่วยให้ผลแอปเปิ้ลติดอยู่กับต้นนานกว่าปรกติ
ทำให้ลูกแอปเปิ้ลโตกว่า สีเข้มกว่าผลผลิตตามธรรมชาติ
และยังทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้พร้อมกันทีละมากๆ
โดยไม่ต้องใช้ความอุตสาหะเหมือนอดีต
ในช่วงปีพ.ศ. ๒๕๐๘-พ.ศ. ๒๕๓๒
แอปเปิ้ลที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาครึ่งหนึ่งถูกฉีดพ่นสารอะลาร์
แต่นับเป็นโชคร้ายของผู้ผลิตและโชคดีของผู้บริโภค
ในช่วงพ.ศ.๒๕๑๖- พ.ศ.๒๕๒๐
มีการศึกษาพบว่าอะลาร์สามารถก่อมะเร็งในหนูทดลอง
และในปีพ.ศ.๒๕๒๗
รัฐบาลจัดสารอะลาร์ไว้ในกลุ่มสารที่อาจกระตุ้นมะเร็ง
เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปประชาชนเริ่มกลัว
ไม่มีใครอยากกัดแอปเปิ้ลสดกรอบจากไร่
แม่ไม่ให้ลูกกินพายแอปเปิ้ล ซ้อสแอปเปิ้ล หรือน้ำไซเดอร์
คำถามที่ผู้บริโภคมีในใจคือ
ทำไมรัฐบาลยอมให้ฉีดพ่นสารก่อมะเร็งเร่งผลผลิต
จำเป็นหรือที่ต้องเอาชีวิตผู้บริโภคมาเสี่ยงเพื่อให้บริษัทสารเคมีทำกำไรต่อไป
รัฐบาลน่าจะสั่งให้ยุติการใช้อะลาร์ในอาหาร
รัฐบาลไม่ทำ ตรงกันข้ามบริษัทยูนิรอยัลกลับพยายามล็อบบี้ให้รัฐบาล
ดึงอะลาร์ออกจากบัญชีรายชื่อสารที่อาจกระตุ้นมะเร็ง
ช่วงนั้นเองที่ประชาชนเริ่มก่อกบฏต่อการไช้สารอะลาร์
โดยแสดงพลังงดซื้อ
ผลก็คือยอดขายแอปเปิ้ลตกฮวบลงในปีพ.ศ.๒๕๒๗ ถึง ๓๐%
และตกอยู่อย่างนั้นจนถึงพ.ศ.๒๕๓๒
แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะรวมหัวกันคว่ำบาตร
แต่จนถึ งปี พ.ศ. ๒๕๒๗
รัฐบาลอเมริกาก็ยังไม่ออกกฎหมายห้ามการใช้อะลาร์
ปลายเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. ๒๕๒๗
กลุ่มองค์กรเอกชนร่วมกับเครือข่ายโทรทัศน์ระดับชาติ CBS
ได้เปิดประเด็นคัดค้านการใช้สารอะลาร์อีกระลอก
และประชาชนก็ร่วมสนับสนุนโดยทันที
ยอดจำหน่ายแอปเปิ้ลลดลง ๖๐%
ถืงเดือนมิถุนายนเกษตรกรผู้ผลิตแอปเปิ้ลยอมยกธงขาว
บางส่วนเข้าร่วมขบวนการต้านสารอะลาร์
และสนับสนุนข้อเรียกร้องให้เก็บอะลาร์ออกจากท้องตลาด
กับขอรัฐบาลให้ประกาศให้อะลาร์เป็นสารผิดกฏหมาย
ผู้ผลิตแอปเปิ้ลรายใดที่ไม่ใช้สารอะลาร์
ติดฉลากให้รู้ คล้ายผักปลอดสารพิษ
แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นเพราะผลผลิตน้อยลง แต่ประชาชนเต็มใจซื้อ
ถึงพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๗
บริษัทยูนิรอยัลตัดสินใจเก็บสารอะลาร์จากตลาดในประเทศจนหมด
ทำให้กระแสต่อต้านลดลง
เรื่องน่าเศร้าคือรัฐบาลยังคงวางเฉย
มิได้ขึ้นทะเบียนอะลาร์เป็นสารต้องห้ามตามกฎหมาย
นั่นก็หมายความว่า
วันดีคืนดียูนิรอยัลอาจขุดอะลาร์ขึ้นมาจากหลุมอีกก็ได้
ที่แน่ๆผมเคยซื้อสารอะลาร์จากสวนจตุจักร
มารดต้นไม้ในสวนหลังบ้าน
นั่นแปลว่าเขาหยุดขายอะลาร์ในประเทศตัวเอง
แต่กลับถ่ายเทออกมาขายต่อเกษตรกรในโลกที่สามอย่างพวกเรา
เห็นได้จากการที่บริษัทยูนิรอยัลได้ขยายตลาดสารเคมี
ไปยังประเทศต่างๆถึง ๗๑ ประเทศ
และอัตราการผลิตอะลาร์โดยรวมในแต่ละปีมิได้ลดลง
การต่อสู้ของผู้บริโภคตลอดหลายที่ผ่านมา
มิได้ทำให้ยูนิรอยัลกระเทือนเลย
ในประเทศไทยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
เคยเก็บตัวอย่างแอปเปิ้ลส่งตรวจวิเคราะห์ไม่พบสารอะลาร์
แต่ถึงวันนี้ ไม่รู้ว่าอะลาร์เข้ามาอยู่ในสวนมะม่วง มะปราง
มังคุดแล้วหรือยัง
กินผลไม้ตามฤดูกาลขนาดเล็กใหญ่ตามธรรมชาติ
ล้างผลไม้ให้สะอาดก่อนกิน
ปลอดภัยที่สุดครับ
โดยคุณ : สรจักร ศิริบริรักษ์
ว้าวววว ได้ความรู้มากเลยค่ะ อ่านสนุกด้วย
ตอบลบ